อรรถกถา วิคติจฉชาดก
ว่าด้วย ความปรารถนาไม่มีที่สิ้นสุด
ณ พระเชตวันมหาวิหาร สถานที่พระศาสดาทรงประทับอยู่ ขณะนั้นได้เอ่ยถึง นักบวชนอกรีตผู้หนึ่ง "เมื่อหลายวันก่อน มีนักบวชนอกรีตเข้ามาหาเรา เพื่อประลองวาทะ และผลคือเราสามารถแก้ได้ แล้วได้ถามกลับไปว่า อะไรชื่อว่าหนึ่ง นักบวชนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงลุกหนีไป"
"เหล่าชาวบ้านที่นั่งอยู่ กล่าวว่านักบวชนั่นถูกข่มด้วยปัญหาบทเดียวเท่านั้น" ความจริงเราไม่ได้ข่มนักบวชในบัดนี้เท่านั้น แม้ในอดีตเราก็ข่มได้เหมือนกัน" จากนั้นทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสเล่าในฟังว่า
ในอดีตกาล สมัยพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้ถือกำเนิดขึ้นในตระกูลพราหมณ์ แคว้นกาสี เมื่อเติบใหญ่ จึงตัดสินใจออกบวช เป็นฤๅษีอยู่ในหิมวันตประเทศ จนกระทั่งหลายสิบปีผ่านไป
พระโพธิสัตว์ได้ตัดสินใจลงจากภูเขา มายังหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพาราณสี เที่ยวพักอาศัย บริเวณศาลาที่อยู่ใกล้แม่น้ำ ถัดจากหมู่บ้านไม่ไกลนัก
ในขณะเดียวกัน มีนักบวชคนหนึ่ง เที่ยวหาคนโต้วาทะ ทั่วชมพูทวีปแต่ไม่มีใครสามารถชนะเขาคนนี้ได้เลย การเดินทางกินเวลาหลายเดือน เพื่อออกตามหาผู้ที่สามารถต่อกรได้ จนกระทั่งมาหยุดที่พาราณสี
เมื่อเท้าทั้งสองข้างย่างเหยียบลงผืนดิน ความคิดที่ลำพองปรากฏขึ้น "มีใครบ้างหนอจะโต้ตอบวาทะกับเราได้" สีหน้าแห่งความภูมิใจ ปรากฏขึ้นชัดบนใบหน้า ก่อนเอ่ยถามชาวบ้านว่า "ในตำบลนี้มีใครสามารถประลองวาทะของข้าบ้าง" "มีสิ ท่านฤๅษีที่อาศัยอยู่ บริเวณศาลาริมน้ำ" เมื่อได้ยินดังนั้น จึงเดินตรงเข้าไปท้าทายทันที
ณ ศาลาริมน้ำ ที่ตอนนี้มีชาวเมืองกำลังนั่งฟังเทศน์ ของพระโพธิสัตว์ จนเต็มศาลา ครั้นมีนักบวชแปลกหน้าปรากฏขึ้น จึงเอ่ยถามไปว่า "ท่านจะดื่มน้ำแม่คงคา มีสีและกลิ่นอบอวลบ้างไหม" "อะไรคือคงคา คงคาทราย คงคาน้ำ คงคาฝั่งนี้ หรือคงคาฝั่งโน้น" "ดูก่อน ท่านจะแยกน้ำกับทรายและฝั่งนี้ฝั่งโน้นออกเสียแล้ว จะได้คงคาที่ไหนเล่า" เมื่อนักบวชฟังจบ มีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดกระแทกกระทั้นใส่พระโพธิสัตว์เชิงเสียดสี "แหมๆๆท่านนี่อัจฉริยะเสียจริง ที่ต่อกรกับข้าได้ แต่ให้รู้ไว้ ถ้าปะทะจริงๆท่านนั้นสู้ข้าไม่ได้หรอก" ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป
ชาวบ้านที่มานั่งฟังเทศน์ของท่านฤๅษี หันไปมองนักบวชแปลกหน้าที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ด้วยท่าทีงงงวย "นักบวชผู้นั้นเอ่ยถึงเรื่องอะไรหรือครับ" ชาวบ้านที่มานั่งฟังเทศน์เอ่ยถาม "นักบวชผู้นี้ มีความปรารถนา จะเอาชนะทุกคนด้วยการโต้วาทะ เมื่อมีคนต่อกรได้ก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ผู้ใดโต้วาทะไม่ได้ก็ดูหมิ่นเหยียดหยาม ฉะนั้น บัณฑิตเหล่าใดเป็นผู้ปราศจากความปรารถนา มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น เราทั้งหลายขอทำความเคารพนอบน้อมท่านบัณฑิตเหล่านั้น ดังนี้"
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
ปริพาชกในครั้งนั้น ได้เป็น ปริพาชก ในครั้งนี้.
ส่วนดาบส คือ เราตถาคต นี้แล.