อรรถกถา จักกวากชาดก
ว่าด้วย ความเป็นอยู่ของนกจักรพราก
ณ พระวิหารเชตวัน พระตถาคตทรงเอ่ยถึงพระภิกษุเหลาะแหละรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ว่า ภิกษุรูปนั้นเป็นผู้เหลาะแหละ ละเลยการประพฤประติบัติที่ดี เข้าพระนครสาวัตถีแต่เช้า ฉันข้าวสาลีเนื้อและข้าวสุกที่มีรสเลิศต่างๆ ที่เรือนนางวิสาขา เท่านั้นยังพอ ยังออกไปยังนิเวศน์ของคนอื่น เพื่อขออาหารเพิ่ม
อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภา กล่าวถึงความเหลาะแหละของภิกษุนั้น พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันถึงเรื่องอะไร?" เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว รับสั่งให้เรียกภิกษุนั้นมาแล้วตรัสถามว่า "ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นผู้เหลาะแหละจริงหรือ?" เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า "จริงพระเจ้าข้า"
"ดูก่อนภิกษุ เหตุไรเธอจึงเป็นผู้เหลาะแหละ แม้ในกาลก่อน เธอก็ไม่อิ่มด้วยซากศพช้างเป็นต้นในพระนครพาราณสี เพราะความเป็นผู้เหลาะแหละ ออกจากที่นั้นแล้ว เที่ยวไปตามฝั่งแม่น้ำคงคาเข้าหิมวันตประเทศดังนี้" แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี มีกาเหลาะแหละตัวหนึ่งเที่ยวเคี้ยวกินซากศพในพระนครพาราณสี ไม่อิ่ม
จึงมีความคิดว่าจะไปหากินซากปลาที่ฝั่งแม่น้ำคงคาดีกว่า จากนั้นจึงบินไปตามใจนึกคิดอยู่ 2-3 วันจึงเข้าไปยังป่าหิมพานต์เที่ยวกินผลไม้น้อยใหญ่
เจ้านกกาบินไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงสระปทุมใหญ่ซึ่งมีปลาและเต่ามากมาย เห็นนกเป็ดน้ำสองตัวมีสีดังทอง กำลังเคี้ยวกินสาหร่ายอยู่ในสระนั้น จึงมีความคิดว่านกจักรพรากสองตัวนี้มีสีสวยงามเลิศเหลือเกิน คงจะมีอาหารดีๆกินแน่ๆ ลองไปถามดีกว่า จากนั้นก็บินตามนกทั้งสองไปยังรัง
จากนั้นเอ่ยทักทาย แล้วถามขึ้นว่า "ท่านกินผลไม้อะไร หรือว่ากินเนื้อที่ไหน ทำไมสีของท่านช่างงดงามเช่นนี้"
"ท่านนกกา เราไม่ได้ทำอะไรเลยเพียงแค่กินแต่สาหร่ายกับน้ำเท่านั้น"
เมื่อกาได้ยินดังนั้นจึงเกิดความไม่เชื่อ "จริงหรือ ท่านกินเพียงแค่นี้เอง คงไม่จริงละมั้ง ดูท่าคงกินปลาและเนื้อในสระด้วยไม่งั้นจะมีรูปร่างสวยเลิศอย่างนี้หรอก"
"ท่านกา เราไม่บังคับให้ท่านเชื่อหรอก ผู้กินอาหารไม่บริสุทธิ์ ลักเขากินขโมยเขากิน ขึ้นชื่อว่าวรรณะนั้นมีสมุฏฐาน ๔ ประการ คือ อาหาร ความอบอุ่น ความคิดและการกระทำ"
นกเป็ดน้ำติเตียน กาเกิดความไม่พอใจ สะบัดหน้าอย่างแรง ก่อนจะเอ่ยว่า "เราไม่ต้องการสีของท่านหรอก" แล้วก็บินหนีไป
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม เวลาจบสัจจะ ภิกษุเหลาะแหละดำรงอยู่ในอนาคามิผล.
พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า
กาในครั้งนั้น ได้มาเป็น ภิกษุเหลาะแหละ ในบัดนี้
นางนกจักรพรากในครั้งนั้น ได้มาเป็น มารดาพระราหุล ในบัดนี้
ส่วนนกจักรพราก ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.