อรรถกถา กิงสุโกปมชาดก
ว่าด้วย คนไม่รู้ธรรมด้วยญาณย่อมสงสัยในธรรม
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภกิงสุโกปมสูตร ตรัสพระธรรมเทศนานี้
ได้ยินว่า ภิกษุ ๔ รูปเข้าไปเฝ้าพระตถาคตทูลขอกรรมฐาน พระศาสดาทรงบอกกรรมฐานแก่ภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่านั้นเรียนกรรมฐาน ไปสู่ที่พัก ในภิกษุเหล่านั้น ภิกษุรูปหนึ่งกำหนดผัสสายตนะ ๖ บรรลุพระอรหัตแล้ว รูปหนึ่งกำหนดขันธ์ ๕. รูปหนึ่งกำหนดมหาภูต ๔ รูปหนึ่งกำหนดธาตุ ๑๘. ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลคุณวิเศษที่ตนบรรลุแด่พระศาสดา.
มีรูปหนึ่งเกิดความกังวลกว่า กรรมฐานเหล่านั้นมีข้อแตกต่างกัน แต่นิพพานเป็นอย่างเดียวกัน ภิกษุทั้งหมดบรรลุอรหัตได้อย่างไร จึงทูลถามพระศาสดา. พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอก็ไม่ต่างกันกับพี่น้อง ๔ คนที่เห็นต้นทองกวาว
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลอาราธนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์ทรงแสดงเหตุนี้แก่ข้าพระองค์เถิด ทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระองค์มีพระโอรส ๔ พระองค์ วันหนึ่ง โอรสทั้ง ๔ ตรัสเรียกสารถีมาตรัสว่า ดูก่อนสหาย พวกเราอยากเห็นต้นทองกวาว ท่านจงแสดงต้นทองกวาวมาให้พวกเราดูเถิด.
สารถีรับว่า ดีละ พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จักแสดง แต่ไม่แสดงแก่ราชบุตรทั้ง ๔ พร้อมกัน ให้ราชบุตรองค์หนึ่งประทับนั่งบนรถไปก่อน พาไปในป่าแล้วชี้ให้ดูต้นทองกวาว ในเวลาสลัดใบว่า นี้คือต้นทองกวาว. อีกองค์หนึ่งให้ดู ในเวลาออกใบอ่อน อีกองค์หนึ่งให้ดู เวลาออกดอก อีกองค์หนึ่งให้ดู ในเวลาออกผล.
ต่อมา ราชบุตรทั้ง ๔ พี่น้องประทับนั่งพร้อมหน้ากัน จึงไต่ถามกันขึ้นว่า ชื่อว่าต้นทองกวาวเป็นเช่นไร.
องค์ที่หนึ่งตรัสว่า เหมือนตอไหม้ไฟ
องค์ที่สองตรัสว่า เหมือนต้นไทร
องค์ที่สามตรัสว่า เหมือนชิ้นเนื้อ
องค์ที่สี่ตรัสว่า เหมือนต้นซึก.
ทั้ง ๔ พระองค์ไม่ตกลงตามคำของกันและกัน จึงไปเฝ้าพระบิดา ทูลถามว่า ข้าแต่พระบิดา ชื่อว่าต้นทองกวาวเป็นอย่างไร.
เมื่อพระราชาตรัสว่า พวกเจ้าว่ากันอย่างไรเล่า จึงกราบทูลพระราชาตามที่ถกเถียงกัน. พระราชาตรัสว่า พวกเจ้าแม้ทั้งสี่ได้เห็นต้นทองกวาวแล้ว ยังจะสงสัยในต้นทองกวาวนั้น เพราะเหตุไรหนอ ถึงไม่ถามสารถีให้ถี่ถ้วน
พระศาสดาทรงแสดงเหตุนี้แล้วตรัสว่า นี่ภิกษุ เหมือนอย่างพี่น้องทั้ง ๔ เกิดความสงสัยในต้นทองกวาว เพราะมิได้ไต่ถามให้ถ้วนถี่ฉันใด แม้เธอสงสัยเกิดขึ้นในธรรมนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน.
พระองค์ตรัสรู้แล้ว ได้ตรัสว่า บุคคลเหล่าใด ยังไม่รู้ธรรมทั้งหลาย ด้วยญาณทั้งปวง บุคคลเหล่านั้นแล ย่อมสงสัยในธรรมทั้งปวง เหมือนพระราชบุตร ๔ พระองค์ทรงสงสัยในต้นทองกวาวฉะนั้น. เพราะไม่เห็นต้นทองกวาวทุกฐานะ ฉันใด
ธรรมทั้งปวงแยกประเภทเป็นผัสสะ ๖ อายตนะ ขันธ์ ภูตและธาตุ. ชนเหล่าใดไม่ได้ให้เกิดด้วยวิปัสสนาญาณทั้งปวง คือมิได้แทงตลอด เพราะยังไม่ได้บรรลุโสดาปัตติมรรค ชนเหล่านั้นย่อมสงสัยในธรรมมีผัสสะ ๖ และอายตนะเป็นต้น เหมือนพี่น้องทั้งสี่สงสัยในต้นทองกวาวต้นเดียวกันฉันนั้น.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
พระเจ้ากรุงพาราณสีในครั้งนั้น คือ เราตถาคต นี้แล.