ชาดก 500 ชาติ รวมนิทานชาดกพร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ชาดก 500 ชาติ : ชาดก 500ชาติรวมชาดก 500 ชาติพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก ชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก

ชาดก 500 ชาติ :: อรรถกถาอสทิสชาดกว่าด้วย อสทิสกุมาร

อรรถกถา อสทิสชาดก

ว่าด้วย อสทิสกุมาร

 

                   ณ พระวิหารเชตวัน ภิกษุทั้งหลายกำลังสนทนาเรื่อง "มหาภิเนษกรมณ์" การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าเพื่อแสวงหาความจริง พระศาสดาเสด็จมาและตรัสถามว่า "พวกเธอกำลังสนทนาเรื่องอะไร?" เมื่อทรงทราบแล้ว พระองค์ตรัสว่า "เราออกบวชเพื่อแสวงหาสัจธรรม มิใช่แค่ชาตินี้ แต่เคยทำมาแล้วในอดีต" จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องของ อสทิสกุมาร...

 

                    นานมาแล้ว ณ กรุงพาราณสี พระเจ้าพรหมทัตมีพระโอรสพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า อสทิสกุมาร ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ไร้เทียมทาน" ไม่นานหลังจากนั้น พระอนุชาของพระองค์ก็ประสูติ ได้รับพระนามว่า พรหมทัตกุมาร

 

                   เมื่ออสทิสกุมารเจริญวัยถึง 16 พรรษา พระองค์เสด็จไปศึกษาศิลปวิทยาที่เมืองตักกสิลา ทรงเชี่ยวชาญศาสตร์ทั้งปวง โดยเฉพาะวิชาธนู ซึ่งไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%8701.png

 

                   ต่อมา เมื่อพระราชาเสด็จสวรรคต พระองค์มีรับสั่งให้มอบบัลลังก์แก่ อสทิสกุมาร และให้พรหมทัตกุมารเป็นอุปราช แต่พระโพธิสัตว์กลับปฏิเสธ ราชสมบัติไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ปรารถนา พระองค์จึงยกราชบัลลังก์ให้น้องชาย แต่แล้ว คำกล่าวร้ายจากข้าราชบริพารบางคนทำให้ พรหมทัตราชา หลงเชื่อว่าพระเชษฐาปรารถนาจะชิงบัลลังก์ พระองค์จึงมีรับสั่งให้จับตัวอสทิสกุมาร

 

                  โชคดีที่พระโพธิสัตว์ได้รับข่าวเตือนก่อน พระองค์จึงเสด็จออกจากเมือง และมุ่งหน้าไปยังแคว้นอื่น ทรงปลอมพระองค์เป็นนักธนูรับจ้าง และได้รับราชการกับพระเจ้าสามนตราช ซึ่งให้ค่าจ้างสูงถึง หนึ่งแสนตำลึงต่อปี เหล่านายขมังธนูในวังพากันอิจฉา

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%8702.png

 

                 จึงทูลให้พระราชาทดสอบฝีมือของเขา วันหนึ่ง พระกษัตริย์และคณะทหารเดินทางไปยังในพระราชอุทยานเมื่อเหล่าชาวบ้านเห็นจึงมากันมานั่งดูว่าเกิดอะไรขึ้น

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%8703.png

 

                  พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพวงมะม่วงที่สูงจนไม่มีใครสามารถเก็บได้ จึงรับสั่งให้บรรดานายขมังธนูยิงให้ตก พวกเขากลับกล่าวว่า "เราทำได้แน่นอน พระองค์ก็เคยเห็นฝีมือของพวกเราแล้ว แต่คนที่ได้รับค่าจ้างมากที่สุดควรเป็นผู้ทำ พระเจ้าข้า!"

 

                   "เจ้าสามารถยิงให้มะม่วงพวงนั้นตกได้หรือ?" พระราชาตรัสถาม อสทิสกุมารตอบอย่างมั่นใจ "ขอเพียงมีที่ว่างเหมาะสม ข้าพระองค์ทำได้แน่นอน"

 

                   หลังจากได้รับพื้นที่สำหรับตั้งท่ายิง พระองค์เตรียมพร้อม ชักธนูออกจากที่เหน็บ แหวกม่านออกมา ราวกับพญานาคแหวกพื้นปฐพี พระองค์ขึ้นสายธนู ทอดพระเนตรพระราชาแล้วตรัสว่า

 

                    "พระองค์ต้องการให้มะม่วงตกลงมาโดยศรที่พุ่งขึ้น หรือศรที่พุ่งลง?" พระราชาทรงแปลกพระทัยและตรัสว่า "เราเคยเห็นแต่คนยิงศรพุ่งขึ้น แต่ยิงศรพุ่งลงเรายังไม่เคยเห็น เจ้าจงลองให้เราดู!"

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%8704.png

 

                    อสทิสกุมารพยักพระพักตร์ แล้วยิงศรดอกแรกขึ้นไป ทะลุระหว่างขั้วของพวงมะม่วง ศรพุ่งสูงจนทะลุไปถึงแดน จาตุมหาราชิกา (ชั้นฟ้าของท้าวมหาราชทั้งสี่) จากนั้น พระองค์จึงยิงศรอีกดอก ให้กระทบศรแรก ส่งให้มันวกกลับลงมาตัดพวงมะม่วง โดยไม่มีการคลาดเคลื่อนแม้ปลายเส้นผม

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%875.png

 

                   ในเสี้ยววินาที มือข้างหนึ่งรับพวงมะม่วง มืออีกข้างรับลูกศร ได้อย่างแม่นยำ! มหาชนพากันตะลึง เสียงปรบมือดังกึกก้อง พระราชาทรงประทานรางวัลก้อนโตและตำแหน่งอันสูงส่งให้พระองค์

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%876.png

 

                    ขณะเดียวกัน พระราชาเจ็ดพระนคร เมื่อรู้ว่า อสทิสกุมารไม่อยู่พาราณสี ก็ยกทัพมาล้อมเมือง ส่งสารถึง พรหมทัตราชา ว่า"เจ้าจะยอมมอบราชสมบัติ หรือจะสู้?" พรหมทัตราชาตกพระทัย ทรงคิดถึงพระเชษฐา และส่งทูตไปขอให้เสด็จกลับมา ทรงตรัสว่า
"หากพระเชษฐาของเราไม่กลับมา เราก็คงไม่มีชีวิตอยู่ได้"

 

                    อสทิสกุมารเสด็จกลับกรุงพาราณสี ทรงยืนอยู่บนป้อมปราการ แผลงศรดอกหนึ่งไปยังโต๊ะเสวยของกษัตริย์ทั้งเจ็ด โดยมีข้อความจารึกว่า "เรากลับมาแล้ว หากยังไม่ถอย เราจะยิงอีกครั้ง คราวนี้จะไม่มีชีวิตใดเหลือรอด" เมื่อเหล่ากษัตริย์ทอดพระเนตรเห็นพระอักษรที่ปลายลูกศร ก็ทรงหวาดกลัว รีบถอนทัพกลับบ้านเมืองของตน โดยไม่มีเลือดสักหยดต้องพื้นดิน

 

                   หลังจากนำความสงบสุขคืนสู่บ้านเมือง อสทิสกุมาร ทรงตัดสินพระทัยสละทุกสิ่ง เสด็จออกบวชเป็นฤๅษี ประกอบสมาธิจนได้อภิญญา และเมื่อสิ้นพระชนม์ ก็ไปบังเกิดยังพรหมโลก

 

 

 พระศาสดา ครั้นทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้ อย่างนี้แล้ว ทรงประชุมชาดก
               พระกนิษฐภาดาในครั้งนั้น ได้เป็น อานนท์ ในครั้งนี้
               ส่วนอสทิสกุมาร คือ เราตถาคต นี้แล.
 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

* * ชาดก 500 ชาติ แนะนำ * *

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล