อรรถกถา วิสวันตชาดก
ว่าด้วย ตายเสียดีกว่าดูดพิษที่คายออกแล้ว
ณ พระวิหารเชตวัน พระพุทธเจ้าทรงปรารภเรื่องของพระสารีบุตรเถระ ก่อนจะตรัสเล่าเรื่องชาดกอันลึกซึ้ง... ครั้งหนึ่งในฤดูฝน พระสารีบุตรฉันของเคี้ยวที่ทำด้วยแป้ง พวกชาวบ้านเห็นก็พากันนำของมาเพิ่มเติมให้พระสงฆ์มากมาย จนเหลือเฟือ พระภิกษุทั้งหลายจึงช่วยกันแบ่งของที่เหลือไว้สำหรับภิกษุที่ออกไปบิณฑบาต
บ่ายวันนั้น ภิกษุหนุ่มลูกศิษย์ของพระเถระเพิ่งกลับจากการออกบิณฑบาต เมื่อเขารู้ว่าของเคี้ยวที่ตั้งใจเก็บไว้ให้ตนถูกพระสารีบุตรฉันไปหมดแล้ว ก็มิได้โกรธเคือง กลับยิ้มแย้มแล้วพูดทีเล่นทีจริงว่า “ของอร่อย ใครบ้างจะไม่ชอบเล่าขอรับ”
คำพูดนี้ทำให้พระสารีบุตรสะเทือนใจ ท่านรู้สึกว่าแม้จะไม่มีเจตนาแย่งของใคร แต่หากสิ่งนั้นถูกเตรียมไว้เพื่อผู้อื่น ท่านก็ไม่ควรรับมันมาเป็นของตนเอง ตั้งแต่นั้นมา พระสารีบุตรปฏิญาณตนว่าจะไม่ฉันของเคี้ยวที่ทำด้วยแป้งอีกเลย
เรื่องนี้แพร่สะพัดไปในหมู่ภิกษุทั้งหลาย จนวันหนึ่งพวกเขาพูดคุยกันถึงความตั้งมั่นของพระเถระ พระพุทธเจ้าทรงสดับแล้วตรัสว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่เพียงชาตินี้ที่สารีบุตรเป็นผู้หนักแน่น แม้ในอดีตกาล เขาก็เคยเลือกตายดีกว่ากลับคำของตนเอง” แล้วพระองค์ก็ทรงเล่าเรื่องในอดีต...
กาลครั้งหนึ่ง ณ กรุงพาราณสี มีหมอผู้หนึ่งเป็นปราชญ์แห่งศาสตร์รักษาพิษ เขาเชี่ยวชาญมนต์และโอสถ สามารถช่วยผู้ถูกงูกัดให้รอดชีวิตได้ วันหนึ่ง ชายชาวบ้านถูกงูพิษกัด ญาติพี่น้องรีบพาตัวมาหาหมอด้วยความตื่นตกใจ หมอพินิจแผล แล้วเอ่ยว่า
“มีสองทางให้เลือก พวกท่านอยากให้ข้าทำยาแก้พิษ หรือให้เรียกงูตัวนั้นมา แล้วให้มันดูดพิษออกเอง?”ญาติๆ คิดว่า หากงูเป็นผู้ดูดพิษออกเอง ย่อมเร็วและปลอดภัยกว่ายา พวกเขาจึงเลือกทางหลัง หมอจึงบริกรรมมนต์เรียกงูมา
ไม่นาน งูพิษตัวเดิมก็เลื้อยมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง หมอถามมันว่า “เจ้าเป็นผู้กัดชายผู้นี้ใช่หรือไม่?” งูตอบเสียงเย็น “ใช่ ข้ากัดเอง”“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงใช้ปากดูดพิษออกจากแผลของเขาเสีย” งูสะบัดหัวตอบทันที “เป็นไปไม่ได้! ข้าไม่เคยดูดคืนพิษที่คายออกไปแล้ว และจะไม่มีวันทำเช่นนั้น” หมอจึงสั่งให้ลูกมือก่อกองไฟ แล้วบอกกับงูว่า “ถ้าเจ้าไม่ดูดพิษคืน ก็จงกระโจนเข้ากองไฟเถิด”
งูจ้องเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงก่อนกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “พิษที่ข้าคายไปแล้ว... ข้าย่อมไม่กลืนกลับเด็ดขาด! หากต้องเลือก ข้ายอมตายเสียดีกว่า” กล่าวจบ งูเลื้อยตรงไปยังเปลวไฟหมอเห็นความเด็ดเดี่ยวของงู จึงรีบร้องห้ามไว้ “พอเถิด เจ้าไม่จำเป็นต้องตายเพราะเรื่องนี้” เขาหันมารักษาชายผู้ถูกกัดด้วยโอสถและมนต์ จนพิษถูกขจัดสิ้น แล้วจึงกล่าวแก่เจ้างูว่า“จากนี้ไป อย่าได้ทำร้ายใครอีกเลย” งูรับคำแล้วเลื้อยหายไปในพงไพร
เหล่าภิกษุทั้งหลายสดับแล้ว ต่างเปี่ยมศรัทธาในปณิธานอันมั่นคงของพระสารีบุตร แล้วยังซาบซึ้งในสัจจะวาจา ที่แม้แต่งูยังยึดมั่น จึงไม่แปลกเลย ที่พระอัครสาวกจะตั้งมั่นในสัจจะของตนเช่นกัน
พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารีบุตร แม้จะต้องสละชีวิตก็ไม่ยอมรับคืนสิ่งที่ตนทิ้งเสียแล้วครั้งหนึ่งเลย.
ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงสืบอนุสนธิ ประชุมชาดกว่า
งูในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระสารีบุตร
ส่วนหมอได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.