อุทปานทูสกชาดก
ว่าด้วย การขี้เยี่ยวลงบ่อน้ำเป็นธรรมดาของหมาจิ้งจอก
ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพวันหนึ่ง พระองค์ทรงเล่าเรื่องของ สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งที่เคยทำลายบ่อน้ำ ขึ้นมา พร้อมเริ่มด้วยภาษาบาลีว่า"อารญฺญกสฺส อิสิโน..."
เหตุที่เล่าเรื่องนี้ขึ้น ก็เพราะว่า...
วันหนึ่ง มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง มาขี้เยี่ยวลงในบ่อน้ำของภิกษุสงฆ์ แล้วก็วิ่งหนีหายไปต่อมา มันกลับมาที่เดิมอีกครั้ง สามเณรที่อยู่แถวนั้นเห็นเข้า จึงขว้างก้อนดินไล่ มันจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นไม่เคยกล้ากลับมาใกล้บ่อน้ำอีกเลยภิกษุหลายรูปเห็นพฤติกรรมนี้ ก็พากันสนทนาในโรงธรรมสภาว่า “เจ้าหมาจิ้งจอกตัวที่เคยมาทำลายบ่อน้ำนั้น ตอนนี้ไม่กล้ามาเฉียดใกล้เลย คงเข็ดแล้วล่ะ” พระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมา ทรงถามว่า “ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันหรือ?” เมื่อทรงทราบเรื่อง พระองค์ตรัสว่า
“จิ้งจอกตัวนี้ไม่ได้เพิ่งทำลายบ่อน้ำหรอก แม้ในอดีตกาล มันก็เคยทำแบบนี้มาก่อนแล้ว” จากนั้นพระองค์ก็ทรงเล่า เรื่องในอดีต เพื่อเป็นอุทาหรณ์...
เรื่องในอดีต
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่เมืองพาราณสี มีฤาษีอยู่กลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ใน ป่าอิสิปตนะ พวกเขาพยายามร่วมกัน ขุดบ่อน้ำ อย่างลำบากยากเย็น เพื่อใช้น้ำในการดำรงชีวิต
ในกลุ่มนั้นมี พระโพธิสัตว์ (ในชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า) บวชเป็นฤาษีด้วย และเป็นเหมือนผู้นำของคณะดาบส แล้ววันหนึ่ง...ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งแอบมาถ่ายอุจจาระและปัสสาวะลงในบ่อน้ำ ที่พวกฤาษีสร้างขึ้นอย่างยากเย็น แล้วมันก็หนีไป
ฤาษีทั้งหลายโกรธมาก จึงร่วมมือกัน วางแผนจับเจ้าหมาจิ้งจอกพอจับได้ ก็พาตัวมันมาให้พระโพธิสัตว์ตัดสิน
พระโพธิสัตว์ถามมันด้วยความสงสัยว่า
“เจ้าจิ้งจอก ทำไมเจ้าถึงไปขี้เยี่ยวลงในบ่อน้ำที่พวกเราสร้างกันอย่างยากลำบาก?”
เจ้าหมาจิ้งจอกตอบด้วยท่าทางไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยว่า
“พวกเราหมาจิ้งจอก ไม่ว่าจะไปดื่มน้ำที่ไหน ก็จะขี้เยี่ยวลงที่นั่นเสมอนี่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของพวกเรา ทั้งพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นท่านไม่ควรมาตำหนิสิ่งที่เป็นธรรมชาติของพวกเราหรอก”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ พระโพธิสัตว์ถึงกับถอนใจ แล้วพูดว่า
“ถ้านี่คือธรรมชาติของพวกเจ้า พวกข้าก็ขออย่าได้พบเห็นธรรมชาติแบบนี้อีกเลยในอนาคต ไม่ว่าจะธรรมดาหรือไม่ธรรมดา!”
หลังจากนั้น ท่านก็สั่งว่า
“ไปซะ! แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีกเลย”
เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นจำฝังใจ ตั้งแต่นั้นมามันก็ ไม่กล้ากลับมาใกล้บ่อน้ำนั้นอีกเลย
สรุปท้ายเรื่อง
พระพุทธเจ้าทรงจบเรื่องด้วยการแสดงธรรม และตรัสว่าสุนัขจิ้งจอกในอดีต ที่ถ่ายของเสียลงบ่อน้ำ ก็คือ เจ้าจิ้งจอกตัวที่พวกสามเณรขว้างดินใส่ในปัจจุบันส่วน พระโพธิสัตว์ ที่เป็นหัวหน้าฤาษีในเรื่องนั้น ก็คือ พระองค์เองในชาติก่อน
ข้อคิดจากเรื่องนี้:
บางคนอ้างว่า “นิสัยแย่ ๆ” เป็นสิ่งที่ทำกันมานาน เป็นเรื่องธรรมดาแต่การทำผิดจนเคยชิน ไม่ได้แปลว่าคนอื่นต้องยอมรับหากสิ่งที่เราทำไป เบียดเบียนผู้อื่นหรือส่วนรวมต่อให้เคยทำมากี่รุ่น มันก็ยังเป็นสิ่งไม่เหมาะสมอยู่ดี
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วจึงทรงประกาศสัจจะทั้ง ๔ แล้วทรงประชุมชาดกว่า
สุนัขจิ้งจอกตัวที่ประทุษร้ายบ่อน้ำในกาลนั้น ได้เป็นสุนัขจิ้งจอกตัวนี้เอง
ส่วนพระดาบสผู้เป็นครูของคณะดาบสในครั้งนั้น คือ เราตถาคต ฉะนี้แล.