เรื่องที่ ๔๐๕ เหตุเกิดเมื่อฟ้าผ่า(น)
ฟ้าผ่าแรงมากครับเสียงดังจนหูอื้อ ดีนะครับที่มาผ่าในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผ่าตามทุ่งนาแถวบ้านผม
รับรองทั้งคน ทั้งควาย ดำเป็นตอตะโกครับ
คุณจำลอง จูงทรัพย์ ผู้ยึดมั่น ในพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งยามมีภัย |
คุณจำลอง จูงทรัพย์ เป็นชาวจังหวัดพิษณุโลก เขาและภรรยาคือ คุณชลอได้พาครอบครัว มาทำบุญนั่งสมาธิบูชาแด่ปูชนียาจารย์ครบรอบ ๘๒ ปีที่หลวงพ่อวัดปากน้ำเข้าถึงธรรม และในวันนี้เองที่ทำให้คุณจำลองและทุกคนได้ซาบซึ้งในคุณของพระรัตนตรัยที่ท่านได้ปกป้องคุ้มครองรักษาให้ทุกคนรอดพ้นจากวิกฤตตรงนี้ได้ และเข้าใจคำว่ากฎแห่งกรรมได้อย่างชัดเจน
ตัวคุณจำลองเองเมื่อเข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้วได้หันหลังให้กับขวดเหล้าอย่างสิ้นเชิง และยังให้ทุกคนในครอบครัวรักษาศีล ๕ เป็นปกติ คุณจำลองบอกว่าก่อนที่จะนำธรรมะมาปฏิบัติอย่างจริงจังนั้น ที่บ้านทำธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง อิฐ, หิน, ดิน, ทราย และมีกิจการบ้านพักรีสอร์ทแบบครบวงจรคือเปิดร้านอาหารก็ต้องมีเครื่องดื่มของมึนเมาควบคู่กันไปด้วย
คุณจำลองบอกว่าพอนั่งสมาธิฟังธรรมมากๆ เข้า พระอาจารย์เทศน์เรื่องอาชีพต้องห้าม ๕ อย่างที่ควรเว้น ซึ่งที่ร้านขายเครื่องดื่มมึนเมาก็เข้าข่ายในนั้นด้วย พอลงมือนั่งสมาธิทีไร เมื่อจิตเริ่มสงบ หิริโอตัปปะเกิดขึ้น ทนไม่ไหวปรึกษากับครอบครัวแล้ว เลิกขายไปเลย ขายแต่อาหารอย่างเดียว ต่อมาข่าวแพร่ออกไปทั่วจังหวัด ชาวบ้านต่างพูดกันว่า “สงสัยบ้า เปิดร้านอาหารแต่ไม่ขายเครื่องดื่มไม่ขายเหล้า” แต่ในความเป็นจริง คุณจำลองกลับมีความสุขเพิ่มขึ้นสบายทั้งกายและใจ ไม่ต้องประกอบทางมาแห่งอกุศลอีกเลย
คุณชลอ จูงทรัพย์ หมั่นหากุศโลบาย
ให้ลูกหลานได้มาเข้าวัดปฏิบัติธรรม |
สองสามีภรรยา ผู้นำหลักของครอบครัว ประกอบทางมาแห่งบุญกุศลทั้งบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา เป็นแบบอย่างที่ดีของลูกหลาน รู้ว่าลูกๆ กำลังอยู่ในวัยต้องสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะให้กับครอบครัวของตนเอง แต่จากชีวิตที่ผ่านมาประกอบกับการได้ศึกษาธรรมะในพุทธศาสนา ทำให้ทั้งสองท่านทราบดีว่าเบื้องหลังแห่งความสำเร็จนั้นมีบุญกุศลเท่านั้นที่เป็นเครื่องสนับสนุนให้ประสบความสำเร็จ ฉะนั้นทุกครั้งที่งานบุญพิธีใหญ่ๆ ทั้งสองจึงหากุศโลบายให้ลูกหลานได้มาประกอบการกุศลด้วยตนเอง ผลัดกันขับรถมาส่งบ้าง ถึงไม่เข้าไปร่วมในพิธี นั่งหลับบ้างตื่นบ้างก็ยังดี หวังว่าจังหวะไหนบุญส่ง เสียงบรรยายธรรมลอยไปเข้าหู เดี๋ยวบุญกุศลในตัวเขาเกิด เขาก็คงเข้าไปบำเพ็ญบุญเอง
ล่าสุดได้ชวนให้ลูกๆ มาร่วมงานบุญในวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ลูกเขยที่ชื่อคุณคำนึงทำหน้าที่สารถีแก้วพาทุกคนมาทำบุญ โดยใช้รถตู้เป็นพาหนะ ก่อนจะขึ้นรถทุกคนต่างไม่ลืมที่จะอาราธนาองค์พระมาคล้องคอ แต่สำหรับคุณคำนึงลืมสนิทเลยเรื่องสร้อยคอห้อยพระ ภรรยาคือคุณรัชดาเห็นสามีไม่หยิบสวมคอจึงนำใส่กระเป๋าถือมาด้วย พอขึ้นรถพร้อมกันเรียบร้อย ก่อนสตาร์ทรถ คุณรัชดาก็ส่งสร้อยรวมองค์พระให้สามีอีกครั้ง คุณคำนึงก็รับมาแต่นำไปวางไว้หน้ารถและได้กล่าวว่า “ยังไม่ต้องเอาไว้ก่อน”
เมื่อถึงวัดแล้วทุกคนต่างเบิกบานอยู่ในบุญกัน ได้ร่วมพิธีจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายสามโมง เมฆฝนตั้งเค้ามารอบทิศ เป็นเวลาเดียวกันกับที่สาธุชนทุกคนที่อยู่ในสภาธรรมกายตั้งใจจะออกเดินกันไปที่ลานมหาธรรมกายเจดีย์เพื่อไปร่วมอธิษฐานจิต เวลาผ่านไปไม่ถึง ๑๐ นาที สาธุชนเรือนหมื่นที่อยู่ในสภาฯก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปลานเจดีย์กันหมด กลุ่มคุณจำลองตกลงกันว่าจะขับรถตู้ไปหาที่จอดบริเวณใกล้ๆ ลานเจดีย์ทางทิศเหนือ แล้วทั้งหมดรวม ๘ คน จึงเดินออกจากสภาธรรมกาย เพียงแค่ก้าวแรกของหมู่คณะนี้ จู่ๆ ฟ้าก็เริ่มคำรามดัง ... เปรี้ยง ทุกคนยังไม่สนใจ มุ่งหน้าขึ้นรถ พอขึ้นกันเรียบร้อย กำลังสตาร์ทรถ มีเปรี้ยงดังขึ้นมาครั้งใหญ่อีกครั้ง คราวนี้มันใกล้มากผ่าลงบริเวณห่างออกไปทางด้านหลังของรถตู้เลยทีเดียว รู้สึกใกล้มากจนทุกคนสะดุ้ง
เริ่มมีลางสังหรณ์ขึ้นแล้วถึงสองครั้ง แต่ทุกคนก็ไม่สนใจยังคงมุ่งหน้าไปเจดีย์อย่างเดียว คิดว่ามันเป็นเรื่องของธรรมชาติฝนฟ้าคะนองก็เป็นเรื่องธรรมดา ขับออกไปทางซ้ายมือ เพื่อนำรถไปจอดทางด้านบริเวณคลังเก็บวัสดุของบริษัทคริสเตียนนี่ ซึ่งเป็นสำนักงานภาคสนามคุมการก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์อยู่ห่างจากองค์เจดีย์เกือบกิโลเมตร เมื่อหาที่จอดรถเรียบร้อยแล้วทุกคน ก็เตรียมตัวออกเดินกันทันที เพราะศูนย์กลางพิธียังอยู่อีกไกล และพิธีก็ใก้ลจะเริ่มขึ้นแล้ว
คุณจำลองและคุณชลอ ยืนยันอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุ ที่ทำให้เขาไม่ได้รับอันตรายอะไรเลยจากเหตุฟ้าผ่า
|
ฟ้ายังคงคำราม สายฟ้าแลบจากที่ไกลๆ คนในกลุ่มนี้มีอยู่ ๘ คน คนเดินนำหน้าคือน้องกัลยาณมิตรผู้หญิง ถัดไปคือคุณจำลองอยู่ในตำแหน่งที่ ๒ เดินอย่างสง่าห้อยพระมหาสิริราชธาตุและเหรียญหลวงปู่สดรวมแล้ว ๕ องค์ อันดับ ๓ ถัดจากคุณจำลองคือคุณคำนึงซึ่งได้ให้ลูกสาววัย ๖ ขวบ น้องณัญธิดา ขี่หลังอยู่
ส่วนคุณชลอกับลูกชาย เดินเกาะแขนซ้ายลูกสาวเดินคลอกันไป หลังสุดคือ เพื่อนกัลยาณมิตรคุณบรรจง คงเนตร ทุกคนต่างก็เดินคุยกันไป จะด้วยถึงคราวเคราะห์ของคุณคำนึงหรือไม่ เพราะจังหวะที่เห็นฟ้าแลบ คุณคำนึงนึกสนุกพูดเล่นๆ ว่า “คุณพ่อระวังเดี๋ยวฟ้าผ่านะ เดี๋ยวฟ้าผ่านะ” ทุกคนไม่ได้คิดอะไรเร่งฝีเท้าเพื่อให้ทันไปสมทบกับเพื่อนกัลยาณมิตร ซึ่งยืนอยู่หน้าธรรมกายเจดีย์นับหมื่น ยังอีกไกลกว่าจะไปถึงเพราะเพิ่งเดินออกห่างจากคลังวัสดุได้ประมาณ ๒๐ เมตรเท่านั้น
แต่อีกอึดใจเดียว หลังจากสิ้นเสียง ลูกเขยที่พูดบอกให้คุณจำลองเก็บพระเดี๋ยวฟ้าผ่า เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เสียงดังเปรี้ยงพร้อมกับสายฟ้าสีเขียวปั๊ดแล่นลงมายังกลุ่มคนทั้ง ๘ พุ่งลงมาหมายพิฆาตทุกชีวิต ในเวลาไม่ถึงเสี้ยวของวินาที ทุกคนกลุ่มนี้ล้มคว่ำหน้ากับพื้นดินหมดสติ ยกเว้นคุณจำลอง และคุณชลอเท่านั้น
สองสามีภรรยาผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยยืนงงและตกใจที่ในช่วงเวลาพริบตาเดียว ลูกเป็นอะไรไปหมดทุกคนนอนนิ่ง คุณชลอเห็นลูกเขยล้มไปต่อหน้าต่อตา หลานสาวที่เกาะหลังขี่คอพ่ออยู่กระเด็นห่างออกไป คุณชลอนึกลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อกี้พวกเราถูกฟ้าผ่า แล้วเราสองตายายรอดมาได้อย่างไร คุณชลอไม่มีเวลาคิดอีกแล้ว เพราะบุคคลอันเป็นที่รักที่เดินคุยคลอเคลียกันมาบัดนี้หมดสติหมดแล้ว
คุณชลอเข้าไปปลุกคุณคำนึงก่อนจับข้อมือดูชีพจรไม่เต้นเสียแล้ว พอดีคุณจำลองรีบเข้ามาดูลูกเขยอีกแรง พยายามปั๊มหัวใจให้ คุณชลอรีบไปปลุกลูกสาวด้วยใจที่เชื่อมั่นว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนต้องปลอดภัย บุญกุศลที่ร่วมกันสร้างมาต้องช่วยได้ เรียกลูกสาวอยู่ครู่หนึ่งจนลูกเริ่มรู้สึกตัว ตอบรับว่าได้ยินแม่เรียกแล้วใจเริ่มชื้น หันไปเขย่าลูกชาย ปลุกให้ตื่น ลูกชายก็รู้สึกตัวลุกขึ้น แล้วถามแม่แบบงงๆ ว่า “ เกิดอะไรครับแม่ ”
ครู่ต่อมา ทุกคนที่ล้มคว่ำหน้าอยู่ฟื้นได้สติกันหมด ยกเว้นคุณคำนึงเพียงคนเดียว คุณคำนึงยังไม่ฟื้น ทำไมเขาต้องประสบเคราะห์กรรมหนักกว่าคนอื่นๆ แม้แต่ลูกน้อยไร้เดียงสา ซึ่งตอนที่ฟ้าผ่าลงมานั้นยังเกาะหลังพ่อเป็นชีวิตเดียวกัน แต่สายฟ้ายังไม่ลงทัณฑ์
จุดที่ฟ้าผ่า(น) บริเวณหน้าบริษัทคริสเตียนนี่
|
คุณจำลองสวมหัวใจนักบุญ ผู้ไม่หวั่นไหวในชะตากรรม ต้องช่วยชีวิตของคุณคำนึงฟื้นคืนมาให้ได้ ผลบุญต้องช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา เขาคิดว่า “ถ้าเขาเชื่อภรรยาสักนิด ยอมคล้ององค์พระมหาสิริราชธาตุไว้กับตัวคงปลอดภัยเหมือนคนอื่นๆ” คุณจำลองผู้เป็นพ่อตาพยายามปั๊มหัวใจช่วยลูกเขย ประจวบกับผู้เห็นเหตุการณ์ต่างก็เข้ามาช่วยเหลือ รถของบริษัทคริสเตียนนี่รีบนำผู้ประสบเหตุทั้งหมดส่งศูนย์พยาบาลภายในวัด คุณคำนึงก็ยังไม่ฟื้น คุณจำลองปั๊มหัวใจเป่าปาก พยายามต่อไปอีก ๑๕ นาที ทุกอย่างไม่ดีขึ้น คุณหมอจึงนำคุณคำนึงส่งโรงพยาบาลด่วน
คุณจำลองไปกับร่างที่ไร้ลมหายใจของลูกเขย พยายามเป่าปากลูกไปตลอดทาง นึกขึ้นได้รีบนำองค์พระที่สวมอยู่ที่คอตัวเองทั้งพวง ๕ องค์ สวมให้คุณคำนึงทันที แล้วอธิษฐานจิตขอให้ชีวิตของคุณคำนึงคืนมาอย่างเดียว ขอบารมีพระมหาสิริราชธาตุ หลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อธัมมชโย หลวงพ่อทัตตชีโว คุณยายอาจารย์ ช่วยให้เขาฟื้นด้วย เหตุการณ์ครั้งนี้ขออย่าให้เขาเป็นอะไรเลย ขอกรรมเก่าของเขาอย่าตามมาตัดรอนเลย ถ้าเขาต้องมาจบชีวิตที่นี่ ครอบครัวของคุณจำลองจะรู้สึกเป็นหนี้พระพุทธศาสนา อย่าให้พระพุทธศาสนามัวหมองด้วยกรรมที่ไม่ตั้งใจเลย ขอผลบุญใหม่ช่วยให้เขาฟื้น
พอถึงโรงพยาบาล คุณหมอต่างช่วยคนไข้กันอย่างเต็มที่ ตรวจเช็คร่างกายสักครู่ คุณหมอบอกหัวใจเริ่มเต้นแล้ว คุณจำลองดีใจที่หัวใจของลูกเขยกลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากหยุดการเต้นไป ร่วม ๑ ชั่วโมง แต่คุณหมอบอกยังไม่หายใจ หมอได้ช่วยชีวิตคนไข้อีกครึ่งชั่วโมง จนคุณคำนึงเริ่มหายใจได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้วร่วม ๑ ชั่วโมงแต่กลับขึ้นมาเต้นได้ดังเดิมเหมือนชุบชีวิตใหม่ แต่ถึงกระนั้นอาการก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ เพราะสมองไม่ได้รับอ๊อกซิเจนเป็นเวลานาน
คุณจำลองและคุณชลอ ยอดนักสร้างบารมีผู้ไม่หวั่นไหวในการทำความดี มีจิตใจที่มุ่งมั่นแข็งแกร่ง รู้ได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เนื่องมาจากกฎแห่งกรรม มันเป็นของเฉพาะตน เข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จะให้บุคคลอื่นรับผลกรรมแทนตนเองไม่ได้ ทั้งกรรมในอดีตและกรรมในปัจจุบันชาติ
คุณจำลองและคุณชลอจะประกอบผลกรรมในอดีตมาอย่างไรเจ้าตัวไม่ทราบ แต่กรรมดีในปัจจุบัน ตามมาส่งผลคุ้มครองตัวของเขา จึงทำให้ความแรงของกระแสไฟฟ้าเป็นแสนโวล์ตในครั้งนี้ไม่สามารถทำอันตรายใดๆ โดยที่ไม่ระคายเคืองแม้แต่ผิวหนัง ซึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์ฟ้าผ่าทั่วไป สิ่งของที่อยู่บริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของต้องพังพินาศ โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าได้ดี ต้องมีลักษณะดำเป็นตอตะโก การที่ทุกๆ คน ที่ถูกกระแสไฟฟ้าขนาดนี้และร่างกายสามารถกลับมาหายเป็นปกติได้ดังเดิมด้วยเวลาอันรวดเร็ว ก็เพราะแรงกรรมดีที่ตามมาคอยส่งผลให้กรรมชั่วที่เกิดขึ้นอ่อนกำลังลง เปลี่ยนจากหนักให้เป็นเบา
ร.ป.ภ.ผู้เห็นสายฟ้าฟาดลงมา
แต่ทั้งคุณจำลองและคุณชลอไม่เป็นอะไรเลย |
ร.ป.ภ . ที่ยืนอยู่หน้าป้อมยามบริษัทคริสเตียนนี่ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดยืนยันว่า “ฟ้าผ่าแรงมากครับเสียงดังจนหูอื้อ ดีนะครับที่มาผ่าในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผ่าตามทุ่งนาแถวบ้านผม รับรองทั้งคน ทั้งควาย ดำเป็นตอตะโกครับ” ร.ป.ภ. คนเดิมกล่าวย้ำอีกว่า “ผมต้องอัศจรรย์ใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อมองเห็นลุงกับป้าซึ่งยืนอยู่กลางกลุ่มคนที่ถูกสายฟ้าฟาด แต่ลุงกับป้ากลับไม่เป็นอะไรเลย ผมเห็นกับตาและเชื่อแน่ว่า อานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุนี่ ท่านตามคุ้มครองผู้ที่สั่งสมความดีไว้มากๆ พ้นจากอันตรายได้อย่างอัศจรรย์ ”
คุณจำลองและคุณชลอได้วิงวอนขอร้องต่อสื่อมวลชนผ่านทีมงานอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุว่า “ผมเองในฐานะของผู้ประสบเหตุอยากจะขอร้องให้ทางสื่อมวลชนเสนอข่าวไปตามความเป็นจริง เราเป็นชาวพุทธเราต้องเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม มีผู้คนนับหมื่นในลานมหาธรรมกายเจดีย์ แต่ฟ้าก็เลือกจะมาผ่าเฉพาะครอบครัวของผมมันเป็นเรื่องเฉพาะของบุคคลไม่ใช่เรื่องสาธารณชน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ผมเข้าใจว่าชาวพุทธทุกคนต่างก็เข้าใจดีว่ามันเกิดขึ้นจากแรงกรรม ขอร้องท่านอย่าได้เสนอข่าวไปในทางชี้นำให้มวลชนว่าเป็นเหตุอาเพท อาเพิทอะไรเลย เพราะจะทำให้คนเข้าใจผิดและไม่กล้ามาทำความดีสร้างบุญบารมี
ท่านนำไปพาดหัวเสนอข้อข่าวว่า ฟ้าผ่าเจดีย์วัดพระธรรมกาย ผ่าเปรี้ยงกลางวงพิธีกรรม ผมขอยืนยันเลยนะครับ ฟ้าไม่ได้ผ่ากลางลานพิธี จุดที่ฟ้าผ่าอยู่ที่หน้าสำนักงานสนามของบริษัทคริสเตียนนี่ และเหตุเกิดก่อนที่พิธีจะเริ่ม และสาธุชนที่อยู่ศูนย์กลางพิธีก็ไม่มีใครทราบและผมก็ไม่อยากให้ทราบด้วย เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว สาธุชนทุกท่านยังคงร่วมพิธีกันอย่างเบิกบาน ผมคงไม่นำเรื่องส่วนตัวไปตัดรอนทางมาแห่งบุญของคนอื่นเขาหรอก
การที่ท่านเสนอข่าวไปแบบนี้มันมีผลเสียหายต่อวัด ต่อพระพุทธศาสนาอย่างโหดร้ายที่สุด ทำลายศรัทธาของคนดี ทำให้คนดีไม่อาจหาญในการทำความดีต่อไปได้ ผมและครอบครัวยังคงยึดมั่นในการทำความดีและเชื่อว่าวัดพระธรรมกาย เป็นวัดที่ดีของชาวพุทธ เป็นโรงเรียนสอนศีลธรรมที่ดีที่สุด ใครก็ตามที่ได้มาประพฤติปฏิบัติธรรมที่วัดนี้แล้วก็จะสามารถซึมซับคุณธรรมความดีที่ทางวัดได้สั่งสอนให้ทุกคน ทำความดี และเว้นความชั่วและทำจิตใจให้ผ่องใส เพื่อจะได้เป็นคนดีของสังคม และประเทศชาติสืบไป”