เรื่องที่ ๔๓๗ กระดูกข้า... ท้าพิสูจน์
เมื่อเห็นฟิล์มเอ็กซเรย์แล้ว คุณหมอบอกว่า ต้องทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ถ้าปล่อยให้นานกว่านี้ต้องเป็น อัมพาตแน่นอน
ครอบครัวของคุณถนอม บุญลอย บำเพ็ญทาน รักษาศีล และนั่งสมาธิเป็นประจำ
|
เธอเกิดอาการขนลุกน้ำตาเย็นไหลพราก สวดได้เพียงแค่ครึ่งบทต้องหยุด เธอเริ่มฉุกคิด “ทำไมเป็นแบบนี้ หรือว่ามันบังเอิญ” ลองหยุดพักการสวดแค่นั้นไปทำงานอื่นต่อ พอตกเย็นมีเวลานำกลับมาสวดใหม่อีกที “สิชฌันตุ โสตถี สิริมีสวัสดิ์ชัย ดวงจิตประจักษ์ใส สุวิสุทธิทุกวาร” ขนลุก น้ำตาเริ่มไหลอีก อะไรกัน ทนไม่ไหวแล้ว เธอรีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องทั้งหมด ให้น้องสาวฟัง ถามรายละเอียดเรื่องการสร้างองค์พระกับน้อง พอเข้าใจรายละเอียดแล้ว เธอตัดสินใจสร้างทันที ๑ องค์
คุณถนอม บุญลอย ได้เดินทางไปสร้างพระ ในวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เป็นครั้งแรกในการได้ไปวัดพระธรรมกาย เธอยอมรับว่าการฝึกสอนของวัดนี้ สอนดีมากด้วยวิธีง่ายๆ สามารถลงมือปฏิบัติตามได้เลย สอนให้เห็นชัดเจนตามหลักธรรมว่า ประกอบเหตุเช่นใดได้ผลเช่นไร เมื่อทำใจสบายๆ ก็ได้รับความสบายเป็นเครื่องตอบแทน น้องสาวชวนให้คุณถนอม ไปวัดอีกครั้งหนึ่งในวันอาทิตย์ถัดมา ซึ่งเป็นงานบุญครบรอบวันเกิด ๑๑๔ ปีหลวงพ่อวัดปากน้ำ ได้เห็นอัศจรรย์ตะวันแก้วร่วมกับสาธุชนเรือนแสน ทำให้ตอกย้ำความมั่นใจว่าเธอมาถูกทางแห่งการแสวงหาบุญหาคุณความดีแล้ว คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่านมาปรากฏให้เห็นด้วยตาเนื้อ เพิ่มกำลังใจคนที่ยังไม่ศรัทธาให้มีความศรัทธา คนที่มีอยู่แล้วก็ทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
“ช่วงที่คุณถนอมได้ไปทำบุญที่วัดพระธรรมกาย และประพฤติธรรมอย่างสม่ำเสมอนี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่สามีคือ คุณเรืองวุธ ได้ล้มป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งอาการของโรคนี้ได้เรื้อรังมา ๒ ปีแล้ว ในเดือนพฤศจิกายน อาการของโรครุนแรงถึงขั้นต้องนอนนิ่งอย่างเดียว กระดุกกระดิกตัวบ่อยๆ ก็ยิ่งเจ็บทรมาน ไม่สามารถขับรถออกไปทำงานได้ ต้องนอนป่วยมาร่วมเดือน
คุณเรืองวุธ บุญลอย เกือบเป็นอัมพาต แต่หายได้ด้วยอานุภาพของพระรัตนตรัย
|
คุณถนอมเล่าว่า ครั้งล่าสุดที่คุณหมอนัด เมื่อเห็นฟิล์มเอ็กซเรย์แล้ว คุณหมอบอกว่า ต้องทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ถ้าปล่อยให้นานกว่านี้ต้องเป็นอัมพาตแน่นอน
ขณะที่กำลังรอการบอกนัดของคุณหมอ คุณเรืองวุธปรึกษาคุณถนอมว่าไม่อยากผ่าตัด จะทำอย่างไรดี ถ้าผ่าตัดนับว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว คุณถนอมนั้นมีความเชื่อมั่นในคุณของพระศรีรัตนตรัยและคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงอยู่แล้ว ประกอบกับตนเองได้ประพฤติธรรม ประกอบบุญกุศลใหญ่ เข้าใจในศาสตร์ของชีวิตว่า บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข ความสำเร็จ ทั้งสองตกลงใจพึ่งพระพุทธคุณอีกทาง พอคุณหมอนัดวันผ่าตัด จึงขอเลื่อนการผ่าตัดไปอีก ๑๐ วัน แต่คุณหมออนุญาตให้เลื่อนการผ่า ตัดไปอีก ๗ วันเท่านั้น
ช่วงระยะนั้นคุณถนอม ยังไม่ได้รับองค์พระมหาสิริราชธาตุ มีแต่ภาพถ่ายในบทสรรเสริญที่น้องสาวให้ไว้เท่านั้น เธอจึงไปขอยืมองค์พระของน้องสาวมาสวดสรรเสริญครั้งละ ๙ จบ เพื่ออธิษฐานจิตทำน้ำมนต์ให้สามีดื่มแทนน้ำ และทาบริเวณที่ปวด ทั้งสองต่างตั้งใจสวดมนต์นั่งสมาธิ คุณถนอมแนะนำให้สามีอธิษฐานจิตทุกครั้งที่ดื่มน้ำมนต์ และให้ปวารณาสร้างพระจารึกชื่อตัวเอง ๑ องค์ หมั่นสวดสรรเสริญขอท่านช่วยให้ไม่ต้องผ่าตัด จากวันแรกถึงวันที่สอง อาการปวดทรมานก็ลดลงเรื่อยๆ วันที่สามสามารถเดินหรือนั่งนานๆ ได้ พอวันที่สี่หายสนิท อาการที่เกือบจะเป็นอัมพาตหายเป็นอัศจรรย์ ครบ ๗ วันตามที่คุณหมอนัด สามีสามารถขับรถไปได้เอง เมื่อไปถึงคุณหมอเตรียมเครื่องมือผ่าตัดไว้เรียบร้อยแล้ว คุณหมอแปลกใจ คนไข้เดินเข้าไปพบ ไม่มีอาการของคนป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นให้เห็นเลย จึงนำตัวไปเอ็กซเรย์ดูอีกครั้ง ผลออกมากระดูกเข้าที่เหมือนเดิม อวัยวะเป็นปกติจนคุณหมอรู้สึกแปลกใจ ขอถ่ายรูปคุณเรืองวุธไว้ ตั้งแต่นั้นมาคุณถนอมก็สามารถไปวัดพระธรรมกายได้สะดวก ไปกันทั้งครอบครัว เพราะสามีศรัทธาในคุณแห่งพระรัตนตรัยอย่างเต็มเปี่ยม
ศูนย์รวมใจของทุกคนในบ้าน หมั่นสวดมนต์ นั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน
|
สั่งสอนให้ลูกชายหมั่นทำความดี สวดมนต์นั่งสมาธิ เป็นประจำทุกวัน
|
|||
ครอบครัวของคุณถนอมนอกจากจะมีลูกชาย ๑ คนแล้ว ยังมีคุณย่าสุดใจ อายุ ๖๕ ปีอยู่เป็นร่มโพธิ์ของลูกหลาน คุณย่านั้นรักการประพฤติปฏิบัติธรรมเช่นกัน เมื่อกลางปี พ.ศ.๒๕๔๒ คุณย่าได้เกิดอุบัติเหตุ ตกเก้าอี้ลื่นล้มหลังฟาดกับพื้น รีบนำส่งโรงพยาบาล คุณหมอเอ็กซเรย์ ปรากฏว่า กระดูกสันหลังแตกร้าว นอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ๑ สัปดาห์ จากนั้นคุณหมออนุญาตให้พักอยู่ที่บ้านโดยจัดยาให้ทาน วินิจฉัยว่าต้องใช้เวลาเป็นปี อาการถึงจะหายเป็นปกติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุและความแข็งแรงของคนไข้ด้วย
กลับมาพักรักษาอยู่ที่บ้าน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ลูกๆ ต้องคอยดูแล ป้อนน้ำป้อนข้าว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ทุกคนจึงปรึกษากันว่า พึ่งพระพุทธคุณช่วยรักษา ประคองใจให้อยู่ในบุญ นึกถึงบุญที่ทำมาอธิษฐานจิต คุณย่านั้นจิตใจดีมาก อ่านหนังสือธรรมะ สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุเป็นประจำ เวลามีอาการปวดทรมาน ก็อธิษฐานจิตให้หายปวด อาการปวดลดลงอย่างเห็นได้ชัด สัปดาห์ถัดมาคุณถนอมพาคุณย่าไปเอ็กซเรย์ดูกระดูกอีกครั้ง แต่ลองเปลี่ยนไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ผลปรากฏว่ากระดูกที่เห็นว่าแตกร้าวครั้งแรกนั้น เปลี่ยนเป็นแค่กระดูกยุบตัวเฉยๆ คุณหมอบอกว่า อีก ๖ เดือนก็จะหายเป็นปกติ ทุกคนในบ้านต่างดีใจที่อาการของคุณย่าดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
คุณย่าเองไม่หวั่นไหวในโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้น จิตใจกลับมุ่งมั่นอยู่ในบุญตลอดเวลา เร่งทำความดีทุกรูปแบบ สวดมนต์ ทำสมาธิ อ่านหนังสือธรรมะ ฟังเทปเทศนาต่างๆ ดื่มและทาน้ำมนต์ทุกวัน จากนอนอย่างเดียว เริ่มหัดเดินโดยใช้วอล์กเกอร์ช่วยเดิน
ลูกสะใภ้มาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้เขากำลังเปิดบ้านกัลยาณมิตร เพื่อให้ทุกคนในบ้านได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ เพื่อรับกระแสแห่งความเย็น ได้พบกับความสุขจากจิตใจที่สงบทุกๆ วันทุกๆ บ้านทั่วประเทศไทยในโครงการหนึ่งแสนหลังแรกของโลก
คุณย่าสุดใจ เร่งทำความดีทุกรูปแบบ ย่นระยะการรักษาจาก ๑ ปีเหลือเพียงแค่ ๓ เดือนเท่านั้น
|
คุณย่าตระหนักถึงบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้นกับทุกๆ คนที่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อให้ครอบครัวมีสุข เมื่อพบใครก็บอกบุญชวนเขาเปิดบ้านกัลยาณมิตร เพื่อความเป็นสิริมงคล ชวนเขาว่า “เปิดบ้านสวดมนต์ บุญจะได้เข้าบ้านเราทุกๆ วัน” จากที่คุณหมอบอกว่า ๖ เดือนเป็นอย่างน้อยถึงจะหาย แต่ความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น คุณย่าหายจากกระดูกสันหลังร้าวภายใน ๓ เดือน สามารถทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้ให้ลูกหลานทานได้เหมือนเดิม จนคนในซอยแปลกใจไปตามๆ กันที่เห็นคุณย่าออกไปเดินได้ตามปกติ คุณย่าจะไม่เหมือนคนป่วยทั่วไป หน้าตาจะผ่องใสจิตใจเบิกบาน เพื่อนบ้านมาทักทายถามด้วยอาการสงสัยที่ป่วยหนักแล้วหายไว คุณย่ารีบบอกว่า “เพราะประพฤติธรรมที่บ้านสวดมนต์ทุกวัน เปิดบ้านกัลยาณมิตรแล้วดีนะ” คุณย่าและคุณถนอมชวนเพื่อนบ้านเปิดบ้านกัลยาณมิตรได้ถึง ๒๐๐ หลัง
คุณป้าชุบ พินิจนัย ประพฤติธรรมแล้วจิตใจสดใสร่างกายแข็งแรง มีกำลังใจสู้กับโรคภัย
|
มีอยู่หลังหนึ่งที่เจ้าของบ้านชื่อ ป้าชุบ พินิจฉัย ซึ่งก็ลื่นล้มกระดูกร้าวเช่นกัน นอนมาเกือบปีแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น เมื่อคุณย่ายืนยันว่าสวดมนต์ ทำสมาธิทุกวันแล้วหายเร็ว คุณป้าชุบจึงเปิดบ้านสวดมนต์ อีกสัปดาห์ถัดมาพบลูกสาวป้าชุบ เธอรีบเข้ามาขอบคุณและเล่าให้คุณถนอมฟังว่า แม่ที่นอนหมดหวังรอความตายมาเป็นปี ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก หน้าตาสดใสสามารถลุกขึ้นนั่งได้เอง หลังจากที่ลูกสาวเริ่มสวดมนต์ทุกวัน หาเทปธรรมะมาเปิดสวดสรรเสริญ และทำน้ำมนต์ให้ดื่ม ก่อนจากคุณถนอมไปเธอพูดทิ้งท้ายว่า “เกิดมาเพิ่งจะได้รับความสุขที่แท้จริง มีแต่ความเย็นกาย เย็นใจ ก็ตอนที่ตัดสินใจเปิดบ้าน สวดมนต์ทุกวันนี่แหละ” คุณถนอมฟังอานุภาพบุญที่เกิดขึ้นกับลูกสาวและตัวป้าชุบด้วยความปีติเบิกบานใจในผลแห่งบุญที่เธอได้เพียรทำมา ครอบครัวของคุณถนอม นับว่าโชคดีที่ทุกคนในบ้านยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรมกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษาใจ เจริญสมาธิภาวนาทุกๆ วัน ให้ความสำคัญกับใจมาเป็นอันดับหนึ่ง แสวงหาความสุขจากความบริสุทธิ์ และดำรงเป็นผู้ไม่ประมาท เมื่อถึงภาวะคับขันต้องการกำลังใจมาต่อสู้กับความเจ็บปวดที่มารุมเร้า ใจที่คุ้นกับการปล่อยวางเป็นประจำ รวมกับสติที่มีการฝึกให้ตรึกระลึกถึงแต่สิ่งที่ดีๆ ร่างกายที่เกิดป่วยไข้ก็มอบให้เป็นหน้าที่ของคุณหมอ ส่วนใจที่ไม่ได้ป่วยตามร่างกาย เจ้าของพยายามประคับประคองใจให้แล่นไปหาแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ เป็นทางมาแห่งบุญกุศลที่สั่งสมมาดีแล้ว รวมกับใจที่หยุดนิ่งมีพลัง บุญคือบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จอยู่แล้ว เมื่อผู้เป็นเจ้าของตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งความปรารถนาในเรื่องใดก็ตามจะสำเร็จได้ดั่งความปรารถนา สมดังธรรมภาษิตในขุททกนิกาย ธรรมบทว่า
จิตฺต ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้