อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เรื่องที่ ๔๔๓ ไฟหยุด... สะดุดอะไร

เรื่องที่ ๔๔๓ ไฟหยุด... สะดุดอะไร
วิ่งฝ่ากลุ่มหมอกควันและความร้อนเข้าไป เสียงลูกชายตะโกนไล่หลังด้วยความเป็นห่วง “แม่เร็วๆ นะ ไฟกำลังมา”


 

 
 
ป้าสายม่าน และลูกชาย ผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
 
 

วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ช่วงเวลาตอนสาย ขณะที่อากาศเริ่มร้อนอบอ้าว

ป้าสายม่าน พรหมเสนา และโอเล่ ลูกชาย กำลังช่วยกันคัดเลือกแบ่งแยกของ ซึ่งมีกล่องกระดาษ ขวดพลาสติกและเศษเหล็ก เป็นกองๆ เพื่อสะดวกในการนำไปขายต่อ โดยยึดเอาพื้นที่ลานดินหน้าชุมชนแออัด “ชุมชนรักษ์ไท” เป็นสถานที่แยกเก็บสินค้า
ขณะที่สองแม่ลูกกำลังทำงานแข่งกับแสงแดดที่เพิ่มความร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นภายในสลัมที่ตนเองอาศัยอยู่ แล้วกลิ่นของควันไฟลอยมาเข้าจมูก สองแม่ลูกหันมองตามกลิ่นควัน เห็นเปลวเพลิงกำลังโหมไหม้ลุกโชติช่วงอย่างรวดเร็ว

ด้วยสัญชาติญาณ บ้าน!... ใจของป้าสายม่านนึกถึงบ้านของตนเองที่ปลูกอาศัยในชุมชนแห่งนี้ บ้านทุกหลังในที่นี้มีสภาพ ไม่แตกต่างกันนัก ประกอบขึ้นด้วยไม้อัดเป็นฝาบ้าน ซึ่งถ้าอายุการใช้งานนานวันเข้า ถูกแดด ฝน ก็ทำให้ผุกร่อน และเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีนั่นเอง

 
  ซากไฟไหม้ที่เลี้ยวอ้อมหลังบ้านป้าไปอย่างอัศจรรย์  

ความสับสนอลหม่านเกิดขึ้นทันที ในซอยแคบๆ ทางเดินกว้างไม่ถึงเมตร ทุกคนพยายามขนของในบ้านเท่าที่จะยกออกได้ ตู้เย็น โทรทัศน์ ถูกนำออกมาหน้าชุมชน สองแม่ลูกรีบวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป ชาวบ้านต่างช่วยกันดับไฟตามกำลังที่จะหาน้ำมาได้ โดยใช้ถังรองน้ำประปาที่มีน้ำไหลออกมาเพียงน้อยนิด ส่วนหนึ่งจึงอาศัยน้ำครำที่อยู่ใต้ถุนบ้าน สาดเข้าไปเพื่อดับไฟ สภาพสลัมเช่นนี้รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้เลย


ช่วยกันตักน้ำสาดกันอย่างเต็มที่ แต่ “น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ” แรงระเบิดของถังแก๊สหุงต้มที่ขนออกมาไม่ทัน ยิ่งทำให้ไฟลุกลามเร็วขึ้น ป้าสายม่านวิ่งตามลูกชายไปติดๆ ไฟลามมาเกือบถึงบ้านป้าอยู่แล้ว เหลืออีกแค่สองหลังเท่านั้น เปลวไฟพุ่งขึ้นสูงท่วมหลังคาบ้าน ไอร้อนทำให้ฝาบ้านกรอบ เสียงระเบิดดังไม่ขาดสาย ป้าสายม่านยืนเข่าอ่อนอยู่หน้าบ้าน เสียงลูกชายตะโกนบอก “แม่...ขนของไม่ทันแล้ว ไฟมันมาแล้ว”


ป้าทั้งตกใจและเสียใจจนน้ำตาไหลพราก ทรัพย์สมบัติ ข้าวของที่หามาด้วยความเหนื่อยยาก คงหมดกันคราวนี้แน่ ในห้วงแห่งความสับสนนั้น พลันนึกถึงกรอบรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำ และรูปพระที่ตนเองเคารพนับถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจขึ้นมา “แม่ขอเข้าไปเอารูปพระก่อนนะ” พร้อมทั้งวิ่งฝ่ากลุ่มหมอกควันและความร้อนเข้าไป เสียงลูกชายตะโกนไล่หลังด้วยความเป็นห่วง “แม่เร็วๆ นะ ไฟกำลังมา”

 
  เปิดบ้านสวดมนต์ทุกเช้าเย็น จนเพื่อน-บ้านพลอยได้รับความเย็นกายใจไปด้วย  

เมื่อเข้าไปถึงโต๊ะที่วางกรอบรูป ป้านึกอยากขอกราบท่านก่อน เพราะเมื่อมองเห็นหน้าของหลวงพ่อวัดปากน้ำในกรอบรูป ป้ามีความรู้สึกขึ้นมาทันที่ว่า ท่านคือที่พึ่งสามารถช่วยป้าได้ เมื่อจิตเป็นกุศล ภาพในการสั่งสมความดีที่ป้าเพียรปฏิบัติมาก็ปรากฏในใจอย่างชัดเจน ถึงแม้ความพร้อมของชีวิตไม่ได้มีในทุกๆ ด้าน ทรัพย์สมบัติภายนอกอาจมีไม่เท่าคนอื่น แต่ป้ามีอริยทรัพย์ภายใน เปิดบ้านกัลยาณมิตร ตั้งใจตื่นแต่เช้าตรู่ สวดมนต์ นั่งสมาธิ เปิดบทสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ และหลวงพ่อวัดปากน้ำทุกวัน จนเพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงสวดมนต์ของป้า ทักด้วยความชื่นชมเสมอๆ “ดีจังป้า ตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงสวดมนต์ของป้าแต่เช้าทุกวัน”
ป้านั่งกราบน้ำตาไหล ก้มกราบขอให้ท่านช่วยปัดเป่า เสียงลูกชายตะโกนเรียก “แม่...ไฟถึงบ้านเราแล้ว” ควันไฟหนาขึ้นจนเริ่มหายใจอึดอัดแสบจมูก ป้ารีบตั้งจิตอธิษฐาน “หลวงพ่อวัดปากน้ำเจ้าคะ ช่วยลูกด้วย ลูกหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ขออย่าให้ไฟไหม้บ้านลูกเลย” ขณะที่กำลังจะขนกรอบรูปอยู่นั้น ลูกชายก็ตะโกนบอกอีก


“แม่ไฟมันไปแล้ว มันเลี้ยวไปแล้วแม่” ป้าสายม่านตะลึง นั่งพับเพียบก้มลงกราบท่านอีกครั้ง


เสียงอื้ออึงเริ่มลดลง เปลวไฟที่โหมกระหน่ำกลืนกินบ้านเรือนมา ๙ หลัง ได้มอดและสงบลงอย่างอัศจรรย์ ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทุกๆ คนที่ช่วยกันสาดน้ำคนละกระป๋อง สองกระป๋อง
แต่สิ่งที่เป็นคำถามผุดขึ้นมาในใจของทุกๆ คนคือ “เพลิงไหม้สลัม บ้านติดกันเป็นแพ มันดับลงอย่างรวดเร็วได้อย่างไร? หรือว่ามีผู้มีฤทธิ์มีเดชท่านมาช่วย” มีใครบางคนพูดเสียงดัง “อ้าว...แล้วบ้านป้าสายม่าน รอดมาได้ยังไง ไฟมันเลี้ยวอ้อมบ้านของแกไป ไปไหม้บ้านหลังข้างๆ แทน” ทุกคนต่างหันมาสนใจบ้านป้าสายม่าน เดินสำรวจว่าบ้านป้ามีของดีอะไร ทั้งที่ไฟมันได้เริ่มติดไม้กระดาน เชิงชายคาบ้านของแกแล้ว มีรอยไหม้เกรียมติดอยู่

 
  บ้านเล็ก แต่ใจไม่เล็ก หิ้งพระ ศูนย์รวมความบริสุทธิ์ภายในของป้า  

สิ่งที่ทุกคนเห็นชัดเจนก็คือป้ายบ้านกัลยาณมิตรที่ป้านำมาติดไว้ที่หน้าบ้าน บ้านของป้ามีลักษณะไม่แตกต่างจากของคนอื่น คือปลูกขึ้นมาแบบง่ายๆ เศษวัสดุแบบไหนทำฝาบ้านได้ก็จะนำมาแปะ ซึ่งมีทั้งสังกะสี ไม้อัดจากป้ายโฆษณา วัสดุทุกชิ้นที่ประกอบกันเป็นตัวบ้าน ง่ายต่อการเผาไหม้เป็นอย่างดี ถ้าเดินอ้อมมาทางหลังบ้านว่าทำไมไฟมันถึงได้เปลี่ยนทิศทางเฉพาะส่วนนี้ สิ่งที่สะดุดตาอีกอย่างคือ ทุกมุมเสาบ้านมีธง “ชิ ตัง เม” (ธงที่ได้รับมาจากการไปร่วมงานสถาปนามหาธรรมกายเจดีย์)


เมื่อมีโอกาสได้คุยกับเจ้าของบ้านป้าสายม่าน ยิ่งขยายความกระจ่างให้ทุกคนได้รู้ว่าป้าอธิษฐานจิต ขอบารมีหลวงพ่อสดท่านช่วยอย่างเดียว พร้อมกับชี้เข้าไปในบ้าน ทุกคนเห็นรูปหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ “สาธุ” คนที่ยืนฟังป้าเล่าเหตุการณ์ตอนอธิษฐานจิต ยกมือพนม แสดงความเคารพต่อหลวงพ่อวัดปากน้ำด้วยความเลื่อมใสศรัทธา


คุณมานิต ลิ้มไตรรัตน์ คืออีกท่านหนึ่ง ที่บังเอิญได้ประสบในเหตุการณ์
คุณมานิตเล่าว่าตอนนั้นได้เข้าไปช่วยชาวบ้านดับไฟ โดยได้ถังสี ๑ ใบ หิ้วน้ำสาดเข้าไป ไฟมันแรงและลุกลามเร็วมาก เข้าไปถึงไฟกำลังไหม้หลังที่ ๓ ช่วยเขาสาดน้ำได้อีก ๔ ถัง ไฟไหม้มาถึงหลังที่ ๖-๗ เห็นแล้วได้แต่ท้อใจ แล้วไฟจะดับได้อย่างไร ในใจก็นึกขอบารมีพระมหาสิริราชธาตุให้ท่านช่วย

 
ป้ายนี้...ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้ต้องฉงน
 

ทุกๆ คนต่างช่วยกันอย่างเต็มกำลัง แม้จะหาน้ำได้ไม่ทัน ครั้นเห็นน้ำคลำเจิ่งนองใต้ถุนบ้าน ก็ช่วยกันตักน้ำเน่านั้นแหละ สาดเข้าไป ถังดับเพลิงประจำชุมชนมีอยู่ ๓-๔ ถัง เอามาใช้จนหมด ทุกคนต่างใจอ่อน รถดับเพลิงก็เข้าไม่ได้ ไฟไม่มีวี่แววว่าจะดับลงได้ง่ายๆ เพราะบ้านนั้นติดกันแออัดมาก อยู่ๆ ไฟที่โหมกระหน่ำ ก็นิ่งไม่ลุกลามต่อไป ค่อยๆ อ่อนกำลังลง และสามารถ ดับได้ในที่สุด
พอดีได้ยินเขาพูดบอกว่า มีบ้านอยู่หลังหนึ่งติดป้ายบ้านกัลยาณมิตร ไฟไม่ไหม้ จึงตามไปดู ถึงได้รู้จักว่าเจ้าของบ้าน คือพี่สายม่าน ทำให้ผมมั่นใจว่าอานุภาพบุญมีจริง ถ้าหากเราพยายามแบ่งเวลาจากการทำมาหากิน มาสวดมนต์นั่งสมาธิ แล้วสิริมงคลก็จะมีแก่เรา แก่ครอบครัวเรา เปลี่ยนจากความร้อนเป็นเย็นได้ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นคำตอบที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกๆ คน ว่าการประกอบเหตุดีที่เป็นทางมาแห่งบุญ ผลดีก็ไม่ได้หายไปไหนยังคอยคุ้มครองรักษาผู้เป็นเจ้าของบุญอยู่เสมอ

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล