วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ สมาธิเปลี่ยนชีวิต : เด็กหนุ่มสติแตก!เมื่อใจหยุด "สติกลับ"

สมาธิเปลี่ยนชีวิต
เรื่อง : Son Backhome     e-mail : [email protected]

 

เด็กหนุ่มสติแตก!เมื่อใจหยุด "สติกลับ"

 

 
 
 
 
 
 
 
 

 

 

    ช่วงนี้โลกร้อน บางคราวก็คล้ายดั่งจะเผาใจคนให้ร้อนไปด้วย พอใจร้อนอารมณ์ก็ไม่ดี อารมณ์ไม่ดีสติก็ไม่สมบูรณ์ อารมณ์ของมนุษย์นั้นสำคัญนัก ถ้ารักษาอารมณ์ดีๆไว้ได้ โอกาสที่สติจะอยู่กับเนื้อกับตัวก็มีมากขึ้น ดังคำบาลีว่า สตินิมิตฺตานํ ธมฺมานํ อปมุฏฺฐตฺตา ความเป็นผู้ไม่เสียอารมณ์ทางกายเป็นต้น เป็นเหตุแห่งสติ

        ถ้าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เราเรียกกันว่า "สติแตก" สตินี่พอแตกแล้วอันตราย  ถ้าแตกชั่วครั้งชั่วคราว ต้องรีบแก้ ถ้าปล่อยให้ สติแตกบ่อยจนแย่จะแก้ไขลำบาก ถ้าวันใดวันหนึ่ง สติแทบแตกหรือคนใกล้ตัวเราสติแตกไปแล้วจะทำยังไง มีเคสตัวอย่างของผู้ที่สามารถดึงสติกลับมาได้ตัวอย่างนี้มาไกลจากออสเตรเลียเลยทีเดียว

       มิทเชล เลนนาร์ด เด็กหนุ่มวัย ๒๐ ปี จากออสเตรเลีย อาศัยอยู่ที่เมืองซันชายน์โคสต์ มลรัฐควีนส์แลนด์ เขาทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร ไทยมีชื่อ แห่งหนึ่งชื่อร้านไทยคอนเน็คชั่น งานอดิเรกที่มิทเชล โปรดปรานมากที่สุดคือ การเล่นมายากล ถึงขนาดตั้งความปรารถนา ไว้ว่า สักวันหนึ่งเขาจะต้องเก่งเหมือน เดวิด คอปเปอร์ฟิล ให้ได้ เขาพยายามศึกษาและฝึกฝนจนสามารถเล่นกลได้เป็นร้อยชนิด เหตุที่ชอบเล่นมายากลเป็นหนักหนาก็เพราะว่า เวลาเล่นแล้วเห็นคนดูมีความสุข คนดูทึ่งในกลที่เขาเล่น บางกลที่ยากๆ คนดูยิ่งชอบ และเขาก็ชอบด้วย แต่ชีวิตจริงของมิทเชลก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนุกกับชีวิตของตัวเองเท่าไรนัก ไม่สนุกถึงขั้นที่ว่า ทำเอาเขา "สติแตก" ไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว มิทเชลเล่าว่า การที่ตนเองเคยเป็นคนสติแตกนั้น เกิดมาจาก ปมปัญหาต่างๆ ในชีวิตที่ค่อยๆ เขม็งเกลียวภายในใจทีละน้อย ซึ่งเขาพอจะลำดับได้ดังนี้

       ปมแรก มิทเชลมีพี่ชาย ๑ คน และพี่สาว ๑ คน ตอนเป็นเด็ก พี่ชายติดยาเสพติดอย่างรุนแรง จนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง และคว้า เอามีดคมเฉียบมาจี้ที่คอของมิทเชล แน่นอนมันระทึกขวัญ สั่นประสาทมากๆ แต่ท้ายที่สุดมิทเชลก็สามารถรอดจาก เงื้อมมือความ คลุ้มคลั่งของพี่ชายมาได้ ปมต่อมา  มิทเชลไม่สามารถอ่านหนังสือหรือเขียนหนังสือได้ เพราะมีความผิดปกติทางสมอง ตั้งแต่เด็ก แม้จะเข้าโรงพยาบาลรักษาอย่างไร ก็ไม่หาย จึงต้องเรียนรู้โดยการฟังอย่างเดียว และสอบโดยใช้ปากเปล่า แม้มิทเชลจะสามารถเรียนจนจบ มัธยมศึกษาตอนปลาย 
โดยไม่เคยสอบตกเลยอย่าง เหลือเชื่อ แต่ก็ไม่มีใครรู้มากกว่านี้ว่า ในระหว่างเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตที่ผ่านมา จิตใจลึกๆ ได้รับความกดดันอะไรไว้บ้าง

          จนกระทั่งปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ความเครียด และความกดดันต่างๆ ที่อัดแน่นภายในใจเดินทางมาถึงขีดสุด ยังผลให้มิทเชล สติแตก ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองทำอะไรลงไป จนญาติต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโรคจิต โดยเข้ารับการบำบัดรักษาถึง ๓ โรงพยาบาล ด้วยกัน มิทเชลเล่าถึงชีวิตในโรงพยาบาลบำบัดจิตให้ฟังว่า"โรงพยาบาลแรกที่เข้ารับการรักษานั้น ผมพอ ทนไหว แต่โรงพยาบาลแห่งที่ ๒ ยิ่งอยู่จิตยิ่งหลอน คุณภาพชีวิตซีดเซียวตามลำดับ ผมอยู่อย่างลำบาก และหวาดกลัวมาก เพราะแวดล้อมไปด้วยผู้ป่วยที่มี อาการทางประสาทอย่างสาหัส มีทั้งด่าทอกัน ทำร้าย กัน บางคนก็ทำร้ายตัวเอง ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยห้องน้ำสกปรกรกรุงรังไปหมด บางพวกทนอยู่ไม่ไหว ก็ชวนกันปีนกำแพงหนี แต่แห่งที่ ๓ สงบดีขึ้น จนผมมีความเครียดลดลงกลับมาอยู่บ้านได้ แต่ก็ยังคง ต้องไปตรวจเช็กอาการที่โรงพยาบาลเป็นระยะ"จนกระทั่งต่อมา มิทเชลเริ่มทำงานที่ร้านอาหารไทย ที่ร้านแห่งนี้เองทำให้เขาเริ่มมองเห็นหนทางสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต เมื่อเจ้าของร้าน คือ กัลยาณมิตรสมจิตร์ พรมสุวรรณ ได้ชักชวนให้เขาไปที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมบริสเบน

           "ผมชอบไปศูนย์ปฏิบัติธรรมบริสเบนมาก แม้ จะอยู่ห่างจากบ้านพักถึง ๑๐๐ กิโลเมตร แต่ผมก็ไปที่ศูนย์ฯ ทุกวันอาทิตย์ และได้นั่งสมาธิด้วยครับ ผมนั่งแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะแรกๆ พระอาจารย์ท่านพูดแต่ภาษาไทย แต่ผมกลับมีความสุข ที่ได้นั่ง ต่อมาตอนปฏิบัติธรรมพระอาจารย"ท่านแนะนำเป็นภาษาอังกฤษ ท่านสอนด้วยประโยคสั้นๆ ไม่กี่ประโยคว่า Keep looking at the center of your body. Let it be. ขณะที่ผมหลับตาเบาๆ และมองลงไปที่กลางท้อง ใจผมค่อยๆ สงบและว่างจากความคิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผมรู้สึกโปร่ง เบา สบาย เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สักพักผมก็เห็นว่าในท้อง ผมมีองค์พระครับ เป็นองค์พระที่ใส สว่าง แบบนวลๆ ผมมีความสุข และใจของผมก็หยุดนิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นผมเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นที่ศูนย์กลางกาย ของผมอีกดวงหนึ่งครับ แปลกครับ เพราะดวงอาทิตย์ ภายนอกไม่สามารถจะมองได้ แต่ดวงอาทิตย์ภายใน นุ่มนวลมาก ผมมองอย่างมีความสุขมากๆ ไม่เบื่อเลย สิ่งนี้แตกต่างจากความพิศวงของการเล่นกลโดยสิ้นเชิง เพราะการเล่นกลความพิศวงจะมาพร้อมกับความงงงวย แต่ความมหัศจรรย์ที่มาจากการนั่งสมาธิมาพร้อมกับความสุขเกินบรรยาย 

         ช่วงหลังๆ นิมิตของผมเปลี่ยนไปเอง ผมเห็น หลวงปู่สีทอง ท่านอยู่ในดวงแก้วในกลางท้องของผม ครับ ลักษณะของท่านจะเหมือนกับรูปหล่อที่โต๊ะหมู่บูชา แต่แตกต่างกันบ้างนิดหน่อย ตรงที่รูปหล่อบน โต๊ะหมู่บูชาจะลืมตา แต่หลวงปู่ในท้องของผมท่านจะหลับตาครับ เหมือนท่านนั่งทำสมาธิไปกับผม ความสุขภายในก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเลย

         ขณะนี้รู้สึกว่า ปมปัญหาต่างๆ ของชีวิตค่อยๆ หายไปแล้ว เหลือแต่ดวงกลมใสสว่างและองค์พระมาแทนที่ ผมไม่ต้องไปโรงพยาบาลอีกแล้ว สมาธิ ทำให้ผมมีสติและมีความสุขในชีวิตมากขึ้นครับ"

      ขณะนี้รู้สึกว่า ปมปัญหาต่างๆของชีวิตค่อยๆหายไปแล้วครับ เหลือแต่ดวงกลมใสสว่างและองค์พระมาแทนที่ผมไม่ต้องไปโรงพยาบาลอีกแล้ว สมาธิ ทำให้ผมมีสติและมีความสุขในชีวิตมากขึ้น

 

   
 
 
 
 
 
 
 
 


      ปัจจุบันมิทเชลจะมาพักค้างที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม บริสเบน ช่วยพระอาจารย์ทำความสะอาด ปัดกวาด เช็ดถู ช่วยตัดหญ้า และรดน้ำต้นไม้ อีกทั้งได้ใช้มายากล งานอดิเรกที่ตนเองถนัด เป็นกุศโลบายใน การดึงเด็กๆ ที่เล่นซุกซน ให้มาอยู่นิ่งรวมกัน ซึ่งกล ที่เล่นอยู่เป็นประจำและเด็กๆ ชอบมาก ก็คือการสะเดาะโซ่กุญแจมือ ย้ายของบนโต๊ะได้โดยแค่ปิดมือ ไว้เท่านั้น ทำกระป๋องโค้กที่แบนๆ ให้เต็มได้ และมีน้ำเต็มกระป๋องเปลี่ยนของที่อยู่ในมือให้เป็นอย่างอื่น และเขาก็บอกว่า ทุกอย่างที่กล่าวมาใช้ต้นทุนต่ำ หาซื้อง่าย และฝึกไม่นาน

      หลังจากสติที่เคยแตกกระจัดกระจาย ค่อยๆ ประสานรวมกันได้อย่างแนบสนิทด้วยการทำใจหยุด นิ่ง และชีวิตจริงของมิทเชลก็เริ่มสดใสมากยิ่งขึ้น เขาทิ้งท้ายด้วยการเล่าเรื่องราวด้วยจุดมุ่งหมายในชีวิตของตนเองว่า 

      "ผมอยากเป็นนักมายากลที่มีชื่อเสียงเหมือน เดวิด คอปเปอร์ฟิล แต่อีกใจหนึ่ง ผมอยากจะแนะนำสมาธิให้เด็กๆ เพราะผมคิดว่าเด็กๆ ใจใส สามารถจะทำสมาธิได้ดี มายากลเล่นไม่ยากครับ ผมดูนักมายากลคนอื่นเล่น แล้วมาฝึกเล่นเองก็ทำได้ และต้องฝึกกลเม็ดอยู่เรื่อยๆ ซึ่งต้องใช้เงิน แต่นั่งสมาธิง่ายกว่า เพราะแค่ปล่อยวางเฉยๆ ก็เกิดความสงบแล้ว ไม่จำเป็นต้องหากลเม็ดใหม่ๆ และไม่ต้องใช้เงินด้วย" พระพุทธองค์ตรัสว่า "สติ มโต สทา ภทฺทํ" คนผู้มีสติ มีความเจริญทุกเมื่อ

     หากผู้ใดปรารถนาความเจริญแห่งชีวิต พึงรักษาสติให้อยู่ในตัว โลกร้อน แต่อย่าให้ใจร้อน ถ้ารู้สึกว่าใจเริ่มร้อน สติเริ่มซวนเซ มีคาถาดับร้อน ประโยคสั้นๆ ที่มิทเชลเคยใช้ได้ผลมาแล้ว Keep looking at the center of your body. Let it be. หลับตาเบาๆ และมองลงไปที่กลางท้อง มองไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ เมื่อเราเจริญด้วยสติ แล้วสติจะพาให้เราเจริญ..

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล