นิทานอีสป เรื่อง กบ หนู และนกเหยี่ยว
กบและหนูคบหาเป็นเพื่อนกัน ทุกๆ วันพวกมันจะหาเรื่องมาคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่เสมอ อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อหนูเจอหน้ากบ มันถามว่า "นี่แน่ะเจ้ากบ รู้ไหมว่าสัตว์ที่มีในโลกนี้ สัตว์ชนิดไหน คล่องแคล่วไวที่สุด" กบตอบทันทีว่า "ก็กบน่ะสิ พวกข้ากระโดดได้ไว้ที่สุด ดูขาของข้าก็รู้แล้ว" หนูได้ฟังรีบแย้งว่า "แต่หนูอย่างพวกข้า นอกจากคล่องแคล่วว่องไวแล้ว ยังฉลาดที่สุดด้วยนะ"
ทั้งสองพูดจาข่มทับกันไปมาจนในที่สุดการพูดคุยก็กลายเป็นการทะเลาะกัน ในขณะนั้นพวกมันไม่ได้สังเกตเลยว่านกเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังบินโฉบเข้ามา พร้อมกับใช้กรงเล็บอันแหลมคมตะปบจิกตัวพวกมันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่แทนที่จะช่วยกันหาทางเอาตัวรอด เจ้ากบกลับพูดถากถางหนูขึ้นมาอีกว่า "ไงล่ะเจ้าหนูแสนฉลาด ถ้าเจ้าฉลาดจริงอย่างที่คุยไว้ ก็รีบหาทาทางหนีให้ได้สิ" ส่วนหนูก็พูดสวนกลับมาทันทีว่า "แล้วที่เจ้าคุยว่ากระโดดได้ไวที่สุด ทำไมยังไม่กระโดดหนีไปเสียทีล่ะ"
ยังไม่ทันที่จอมคุยโวทั้งสองจะโต้เถียงกันต่อไปให้รู้แพ้ชนะ พวกมันก็ถูกเหยี่ยวฉีกกินเป็นอาหารอันโอชะไปเสียแล้ว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การพูดคุยโอ้อวดและการข่มกันอาจนำไปสู่ความเสียหายและอันตราย
หลักธรรมในพระพุทธศาสนา
นิทานนี้ตรงกับหลักธรรมหลายประการในพระพุทธศาสนา เช่น:
อริยสัจ 4 : การเข้าใจทุกข์และการหาทางออกจากทุกข์ โดยเฉพาะการไม่ปล่อยให้ความขัดแย้งทำให้เราเผชิญกับความทุกข์
เมตตาและกรุณา : การช่วยเหลือกันในยามที่มีอันตราย แทนที่จะทะเลาะกัน
การมีสติ : การระมัดระวังและไม่ประมาทในสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตราย
โดยรวมแล้ว นิทานนี้สอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของการช่วยเหลือกันและการมีสติในชีวิตประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงและความทุกข์ที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดแย้งและความหยิ่งยโส