นิทานอีสป เรื่อง ลากับวัว
ณ โรงนาแห่งหนึ่ง ลาตัวหนึ่งกำลังลากโม่หินใหญ่วนไปวนมา มันรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากเหลือเกิน ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ จึงพูดขึ้นว่า "ช่างน่าอัศจรรย์ที่ข้าได้เดินทางตลอดวันโดยไม่ได้หยุดพัก แม้แต่ม้าที่ได้ชื่อว่าวิ่งเร็วที่สุดยังเดินได้ไกลไม่เท่าข้าเลย!"
วัวตัวหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากการหาอาหาร ได้ยินมันพูดเข้าพอดีจึงกล่าวทักท้วงขึ้นว่า "เจ้าลองมองดูรอบๆตัวเจ้าก่อน ก่อนที่จะมาพูดจาโอ้อวดเช่นนี้ เจ้าแค่เดินเป็นวงกลมไปรอบๆเท่านั้นเอง ซ้ำยังไม่ได้ก้าวเท้าออกนอกรัศมีของเครื่องโม่แม้แต่ก้าวเดียว"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความงามที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นที่คุณธรรมและจิตใจของเรา
หลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้อง
กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต (การประพฤติดีทางกาย วาจา และใจ)
ความงามที่แท้จริงเกิดจากการประพฤติดีทางกาย วาจา และใจ มากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก
สันโดษ (ความพอใจในสิ่งที่ตนมี)
การยอมรับตนเองและพอใจในสิ่งที่เป็น ช่วยลดความอิจฉาริษยาและความขัดแย้ง
เมตตา (ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น)
การพูดและกระทำด้วยความเมตตา ไม่ดูถูกหรือตัดสินผู้อื่น จะทำให้เกิดความรักใคร่และปรองดอง
สัมมาวาจา (การพูดคำที่ดีงามและเหมาะสม)
การพูดด้วยคำสุภาพ มีความเหมาะสม ไม่โอ้อวดหรือดูถูกผู้อื่น เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
ข้อคิดสำคัญ:
รูปลักษณ์ภายนอกอาจเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนมองเห็น แต่คุณค่าของคนอยู่ที่การกระทำและจิตใจที่งดงาม ความดีที่แสดงออกจะช่วยเพิ่มความงามให้กับชีวิตและสร้างความเคารพในสังคม.