" พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านก็ไปถึงที่สุดเหมือนกัน ถ้าใครไปยังไม่ถึงที่สุดก็ยังไม่ฉลาดเต็มที่ ต่อเมื่อไปให้ถึงที่สุดกายของตัวต่อไปแล้วละก็ฉลาดเต็มที่แน่ ตัวของตัวเองมีชีวิตพึ่งแก่ตัวเองได้แล้ว นี้เป็นข้อสำคัญที่สุดนะมาเจอพุทธศาสนานี่แล้วเห็นไหม จะไปทำเรื่องอื่น จะไปหลงเลอะเทอะ เอ้า! มีครอบครัวแล้วได้อะไรบ้าง ได้ลูกคนหนึ่ง แล้วเอาไปทำไมล่ะ เอามาเลี้ยง ๑๐ คน เอาไว้เลี้ยงอย่างไงก็เลี้ยงไป บ่นโอ๊กแล้ว เอ้าได้ห้าสิบคน เอ้า! เอาไว้เพียงเท่านี้ เอ้า! เปะปะไปซี ยากได้ลูกอีกไหมละ ไม่จริง เหลว โกงตัวเอง โกงตัวเอง พาให้เลอะเลือน
ไม่เข้าไปค้นกายของตัวให้ถึงที่สุด ไม่ให้เข้าไปค้นตัวให้ถึงที่สุด เป็นมนุษย์กับเขาทั้งที เพราะเชื่อกิเลสเหลวไหลเหล่านี้แหละจึงได้เลอะเลือนจะครองเรือนไปสักกี่ร้อยปีก็ครองไปเถิด มันงานเรื่อง ของคนอื่นเขาทั้งนั้น เรื่องของพญามารทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของตัว ไม่ใช่งานของตัว ไปทำงานให้พญามาร เขาทั้งวันทั้งคืน เอาเรื่องอะไรไม่ได้ เพราะอะไรล่ะ เพราะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เกิดมาพบอย่างไงก็ไปอย่างนั้นแหละเพราะไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ นี่ไม่ได้ฝึกใจในธรรมของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ ไม่ได้ฟังธรรมของสัตตบุรุษ ไม่ได้ฝึกใจในธรรมของสัตตบุรุษ ความเห็นก็เลอะเลือนไปเช่นนี้ เมื่อรู้จักหลักอันนี้แล้ว นี่แหละ เป็นความจริงทางพระพุทธศาสนาตัวจริง ทีเดียว นี้เป็นข้อที่ลึกซึ้ง "
ความจริงที่ถูกปกปิด หลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านมาเปิดเผยให้พวกเราได้ทราบอย่างนี้ พวกจะเราว่าอย่างไร กันดี...เอาเป็นว่า ว่าอย่างไร ก็ว่าตามหลวงปู่ฯ กันดีกว่านะทำตามถนัด ไม่ขัดนโยบาย ทำสบายสบาย ทำตามสไตล์ เอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย ไปให้ถึงที่สุดให้ได้ ก็แล้วกัน... ชีวิตจะได้ไม่เหลวไหล ไม่เลอะเลือน ไม่โกงตนเอง ไมหลงไปทำงานให้พญามาร บุญก็ไม่ได้ บารมีก็ไม่เกิดเราจะได้ชื่อว่า ฉลาดเต็มที่ ชีวิตจะได้เลิศประเสริฐ ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งบารมี เกิดมาไม่ตายฟรี กันทุกคนนะ
11 ตุลาคม พุทธศักราช 2558
ธรรมะริมทาง ไปที่สุดแห่งธรรม
