๑.ทำไมต้องหล่อรูปเหมือนเป็นทองคำแท้ ในเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ?
ช่วงนี้ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่เศรษฐกิจตกต่ำ เศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำเช่นกัน หนำซ้ำยังมีภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ไต้ฝุ่นเอตาวถล่มญี่ปุ่น เกิดน้ำท่วมหนักนำความเสียหายอันมหาศาลมาสู่เมืองอิบารากิ หรือการที่มนุษย์เข่นฆ่ากันเองในสงครามเดือดกลางเมืองซีเรีย และที่ใกล้ตัวเราที่สุด ก็คือ ระเบิดแยกราชประสงค์ที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิตอย่างน่าสลดสังเวช สิ่งนี้เป็นดัชนีชี้ให้เห็นว่า บุญของคนในประเทศส่วนใหญ่ลดน้อยลง จึงทำให้มีแต่เรื่องแย่ ๆ จนทำให้เศรษฐกิจตกต่ำขัดสนไปทุกหัวระแหง
ในเมื่อประเทศกำลังประสบภัยที่มีผลกระทบกับเราโดยตรง จะให้นิ่งนอนใจอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร !!!
และเมื่อเป็นเช่นนี้ ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธก็ต้องมาศึกษาเรื่องราวในพระไตรปิฎกว่า ในครั้งที่เกิดภัยพิบัติทำนองนี้ เขาแก้ปัญหากันอย่างไร ?
ย้อนไปในยุคที่ชาวเมืองกรุงพาราณสีเกิด “ฉาตกภัย” คือ ภัยที่เกิดจากความแห้งแล้ง ฝนไม่ตก เกษตรกรไม่สามารถทำไร่ไถนาได้ เกิดภาวะอดอยากยากจนสัตว์เลี้ยงตลอดจนผู้คนจะล้มตาย เพราะขาดน้ำและอาหาร ในชาตินั้น เมณฑกเศรษฐี (ผู้เป็นปู่ของมหาอุบาสิกาวิสาขา) ได้เกิดเป็นมหาเศรษฐีประจำเมือง แต่กำลังจะอดตายกันทั้งครอบครัว เพราะภัยนี้ด้วย แต่ในสภาวะที่กำลังจะอดตายนี้เอง ก็ได้ตัดสินใจถวายข้าวมื้อสุดท้ายของตัวเอง โดยคิดว่าจะยอมสละชีวิตเพื่อแลกกับการให้ทาน เพื่อถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งท่านก็ได้อธิษฐานว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอให้ข้าพเจ้าอย่าได้ประสบฉาตกภัยในที่ ๆ ข้าพเจ้าเกิดอีกเลย ตั้งแต่บัดนี้ไป ข้าพเจ้าพึงสามารถที่จะให้ภัตรแก่ชาวชมพูทวีปได้ทั้งหมด ข้าพเจ้าไม่พึงทำงานเลี้ยงชีพด้วยมือของตนเอง ในขณะที่ข้าพเจ้าใช้ให้คนชำระฉาง ๑,๒๕๐ ฉาง และชำระร่างกายให้สะอาดแล้ว นั่งอยู่ที่ประตูฉางเหล่านั้น มองดูในเบื้องบนเท่านั้น ธารแห่งข้าวสาลีแดง พึงตกลงมาเต็มฉางทั้งหมด และผู้นี้จงเป็นภรรยา ผู้นี้จงเป็นบุตร ผู้นี้จงเป็นหญิงสะใภ้ และผู้นี้จงเป็นทาสของข้าพเจ้า ในสถานที่ ๆ ข้าพเจ้าเกิดแล้วเถิด”
ในยุคนั้น ถือว่าสาหัสยิ่งกว่าประเทศไทยในยุคนี้ แต่สุดท้ายผลบุญจากการเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อถวายทานของท่านเศรษฐี ก็บันดาลให้เกิดผลบุญอัศจรรย์ คือ จากหม้อข้าวที่ไม่มีข้าวเหลือเลย อยู่ ๆ ก็มีข้าวเพิ่มขึ้นเต็มหม้อ แถมตักเท่าไรก็ไม่พร่อง เพราะยังคงเพิ่มขึ้นเต็มหม้อทุกครั้งที่ตัก อีกทั้งยุ้งฉางที่ว่างเปล่า ก็กลับเต็มล้นไปด้วยข้าวเปลือกและพืชพันธุ์ธัญญาหารเหมือนเดิม ฝนฟ้าก็ตกให้ความชุ่มฉ่ำแก่คนทั้งเมือง และชาวเมืองเมื่อทราบข่าว ต่างก็หลั่งไหลมารับเอาอาหารและพันธุ์พืชจากบ้านของท่านเศรษฐี ทำให้ชาวชมพูทวีปทั้งหมดดำรงชีพอย่างมีความสุขตลอดชีวิต
ต่อมาในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านก็ได้บังเกิดเป็น เมณฑกเศรษฐี ผู้มีแพะทองคำ ซึ่งเป็นแพะกายสิทธิ์ที่สามารถบันดาลสมบัติเลี้ยงคนได้เป็นจำนวนมหาศาล และบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันได้ในที่สุด
จากเรื่องราวข้างต้นยืนยันให้เห็นว่า “วิกฤติเศรษฐกิจ ต้องแก้ด้วยบุญ” ดังนั้น การทำบุญในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงควรทำอย่างยิ่ง เพราะถ้าเราหมดบุญ เราก็จะอดอยากยากจน ฉะนั้นเราควรรีบหาบุญใหญ่ ที่ให้อานิสงส์มากทำ เพื่อจะได้มีกำลังบุญมากพอที่จะฝ่าวิกฤติชีวิตและเศรษฐกิจไปได้
๒.การหล่อพระด้วย “ทองคำ” เป็นเรื่องปกติหรือไม่ ?
การการสร้างและหล่อพระเป็นประเพณีตั้งแต่ครั้งโบราณกาล เพื่อให้เป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ในกาลก่อน อย่างที่เห็นเด่นชัดในปัจจุบัน ก็คือ หลวงพ่อทองคำ ณ วัดไตรมิตรวิทยาราม ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ที่ได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊ก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หนัก ๕.๕ ตัน หรือ ๕,๕๐๐ กิโลกรัม เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย ถือเป็นมรดกทางอารยธรรมล้ำค่ายิ่งของพระพุทธศาสนาที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้นการหล่อหลวงปู่ด้วยทองคำขนาดเท่าครึ่งขององค์จริง ซึ่งใช้ทองแค่ประมาณ ๑ ตัน จึงถือเป็นเรื่องปกติ
๓.ทำไมนิยมนำ ทองคำ หรือรัตนะชาติแพง ๆ มาสร้างพระหรือเจดีย์ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ ?
เพราะรัตนชาติ และทองคำเป็นธาตุที่ทรงอิทธิพลต่อมนุษย์ เป็นธาตุที่ดึงดูดความสนใจของมนุษย์ได้ดี เนื่องจากสวยและมีมูลค่าสูง ขนาดสิ่งไม่ดีเขายังเอาทองคำแท้ ๆ มาทำเลย อย่างผู้เขียนเคยไปเห็นที่เกาะมาเก๊า เขายังทำไพ่เป็นทองคำ หรืออย่างเข้าไปในบ่อนคาสิโนแหล่งอบายมุขที่ลงทุนเป็นหมื่น ๆ ล้านบาทในมาเก๊า พื้นที่เราเหยียบย่ำ เขาก็ฝังทองคำแท้ ๆ ลงไปจำนวนมาก แล้วให้คนเดินเหยียบไปเหยียบมาเลย
ดังนั้น การหล่อพระ การสร้างเจดีย์ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งดี ก็ควรทำให้สูงค่า น่าเคารพเลื่อมใสศรัทธา เพื่อดึงดูดให้คนมาสนใจเช่นกัน เพราะตั้งแต่พุทธกาลเขาก็ทำกันเช่นนี้ อย่างอดีตชาติของ พระมหากัจจายนะ ท่านก็ได้ถวาย แผ่นอิฐทองคำ ทำเป็นฐานเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ หรืออย่างโชติกเศรษฐี ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในสมัยพุทธกาล อดีตชาติได้เอารัตนชาติมาประดับเสา บานประตู และกระเบื้องทั้งหมด เพื่อสร้างพระคันธกุฎีถวายพระบรมศาสดา หรือปัจจุบันที่เห็น ๆ กัน ก็คือ ยอดพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ที่มีเพชรแท้อยู่ ๕,๔๔๘ เม็ด มีทับทิม ๒,๓๑๗ เม็ด มีมรกตเม็ดใหญ่อยู่ตรงกลาง และบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่ขนาด ๗๖ กะรัต ดังนั้นการนำทองคำมาหล่อพระจึงเป็นสิ่งสมควรอย่างยิ่ง
๔.ทำไมต้องหล่อหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หล่อองค์อื่นไม่ได้หรือ ?
เพราะท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีคุณวิเศษอันไม่มีประมาณจนเป็นที่รู้จักและมีคนเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมหาศาลมายาวนานกว่าร้อยปีแล้ว ซึ่งแม้ปัจจุบันท่านจะมรณภาพไปแล้ว ก็ยังมีลูกศิษย์ลูกหาเจออานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของท่านราวกับท่านยังมีชีวิตอยู่อย่างตลอดต่อเนื่อง และที่สำคัญยังขาดรูปหล่อของท่านอีก ๑ องค์ เพื่อประดิษฐานในเส้นทางพระผู้ปราบมาร จึงจำเป็นต้องหล่อท่านขึ้นมา
๕.ทำไมต้องหล่อหลวงปู่องค์ที่ ๘ ในเมื่อหล่อมาตั้ง ๗ องค์แล้ว ?
เพราะจะอัญเชิญไปประดิษฐานยังอนุสรณ์สถานแห่งสุดท้ายในเส้นทางพระผู้ปราบมาร ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านตั้งมโนปณิธานว่าจะบวชตลอดชีวิต เมื่อครั้งที่ท่านอายุ ๑๙ ปี ซึ่ง “เส้นทางพระผู้ปราบมาร” ก็คือ เส้นทางที่เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญที่เกี่ยวกับชีวประวัติของหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีทั้งหมด ๗ แห่ง
คือ ๑. สถานที่เกิดด้วยรูปกายเนื้อ ๒. สถานที่ตั้งมโนปณิธานว่าจะบวชตลอดชีวิต ๓.สถานที่เกิดในเพศสมณะ ๔. สถานที่เกิดด้วยกายธรรม ๕. สถานที่เผยแผ่วิชชาธรรมกายครั้งแรก ๖. สถานที่ค้นคว้าและเผยแผ่วิชชาธรรมกาย ๗.สถานที่ขยายวิชชาธรรมกาย (หลวงปู่ทองคำองค์ที่ ๗ เป็นองค์ที่หล่อไว้สำหรับอัญเชิญนำขบวนธุดงค์ในเส้นทางพระผู้ปราบมารในทุก ๆ ปี)
๖. มีถึง ๘ องค์ มากเกินไปหรือเปล่า ?
การหล่อแค่ ๘ องค์ ในยุคนี้ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับยุคพุทธกาล หรือยุคโบราณกาล อย่างในยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสร้างมหาวิหารไว้ถึง ๘๔,๐๐๐ แห่ง หรืออย่างในประเทศพม่า เมืองพุกาม ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์ ยังมีเจดีย์ที่สร้างติด ๆ กันมากถึง ๔,๔๔๖ องค์ ที่สำคัญปัจจุบันวัดหรือพระพุทธรูปในพระพุทธศาสนามีจำนวนน้อยมาก ทำให้คนไม่สะดวกเดินทางไปวัดหรือไปสักการะพระพุทธรูป อีกทั้งเมื่อเอามาเทียบกับแหล่งอบายมุขที่ทวีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน จนทำให้คนทำชั่วได้สะดวกทุกหย่อมหญ้า ซึ่งมีผลให้ศีลธรรมเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นนาน ๆ ครั้ง จะมีชาวพุทธหล่อหลวงปู่ด้วยทองคำเพิ่มขึ้นสักองค์ เพื่อเป็นศูนย์รวมใจและเป็นต้นแบบให้คนทำความดี จะไม่ได้เชียวหรือ ???
๗.การประดิษฐานรูปเหมือนทองคำหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ณ สถานที่ที่ ท่านตั้งมโนปณิธานว่าจะบวชตลอดชีวิต มีข้อดีอย่างไร ?
เมื่อคนได้มาสักการะ ก็จะเกิดคำถามว่า.. “ท่านสำคัญอย่างไร ทำไมต้องหล่อท่านด้วยทองคำ ?” จากนั้นก็จะหันมาศึกษา ประวัติ คุณธรรม คุณวิเศษ มโนปณิธานของท่านว่า..ทำไมหลวงปู่ถึงตั้งความปรารถนาที่จะบวชตลอดชีวิต ? การบวชมีดีอย่างไร ? และเมื่อศึกษาจนซาบซึ้งแล้ว ก็จะคิดทำตามข้อวัตรปฏิบัติอันดีงามของท่าน หรืออยากบวชตามอย่างท่านบ้าง
ที่สำคัญการสร้างพยานทางวัตถุและหลักฐานในพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งตอนนี้เราอาจจะมองไม่ออก แต่ถ้าอีกพัน ๆ ปีผ่านไป หลักฐานเหล่านี้จะกลายเป็นเครื่องยืนยันว่า บุคคลเช่นท่านมีอยู่จริง และท่านสามารถปฏิบัติตามอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้จริง เหมือนพระเจ้าอโศกมหาราช ถ้าท่านไม่สร้างมหาวิหาร ๘๔,๐๐๐ แห่ง ที่เห็นเป็นซากปรักหักพังในปัจจุบัน หลายคนอาจไม่เชื่อว่า กษัตริย์ที่เลื่อมใสและทุ่มเทเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างพระเจ้าอโศกมหาราชมีอยู่จริง เพราะในยุคปัจจุบันอยู่ ๆ จะมาบอกลอย ๆ ว่า ในอดีตเคยมีกษัตริย์ที่สร้างมหาวิหารถึง ๘๔,๐๐๐ แห่ง ซึ่งถ้าไม่มีหลักฐานเด่นชัด ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะมหาวิหารที่สร้างนั้นมีเป็นจำนวนมากเกินกว่าที่เราจะเชื่อว่าท่านได้สร้างไว้จริง ๆ
๘.อานิสงส์ผลบุญจากการเอาทองคำมาถวายไว้ในพระพุทธศาสนา ในพระไตรปิฎกเคยกล่าวไว้ไหม มีอะไรบ้าง ?
๑.ด้วยอานิสงส์ที่เคยถวาย แผ่นอิฐทองคำ ทำเป็นฐานเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้ พระมหากัจจายนะ มีผิวพรรณวรรณะละเอียดผุดผ่องดังทองคำ
๒.ด้วยอานิสงส์ที่เคยถวายอาสนะแก้วผลึกที่ฉาบทาด้วย ทองชมพูนุทอันเป็นทองคำบริสุทธิ์ เพื่อเป็นที่นั่งประทับของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้ภพชาติในอดีตของ พระมหากัจจายนะ ได้ไปเกิดเป็นเทพราชาผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ มีรัศมีแผ่ไปโดยรอบไกลถึง ๑๐๐ โยชน์ ได้บังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้มีฤทธิ์มาก มีรัตนะ ๗ ประการสว่างโชติช่วงทั้งกลางวันกลางคืนประดุจดวงอาทิตย์อุทัย และเวียนว่ายตายเกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิยาวนาน
๓.ด้วยอานิสงส์ที่ทำ หม้อดอกไม้ทองคำ ๓ ใบ ไปบรรจุไว้ในเจดีย์ทองคำที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อกราบขอขมาและระลึกถึงคุณของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้ ชฎิลเศรษฐี เป็น ๑ ใน ๕ ของเศรษฐีที่รวยที่สุดในสมัยพุทธกาล มีภูเขาทองคำสูง ๘๐ ศอก เกิดขึ้นหลังบ้าน
๔.ด้วยอานิสงส์ที่เคย ถวายบัลลังก์ทำด้วยทองคำมีค่าแสนหนึ่ง แด่พระปทุมตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้ภพชาติในอดีตของ พระภัททิยเถระ ได้ไปเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช ๗๔ ครั้ง เป็นพระเจ้าประเทศราชครอบครองพสุธา ๑,๐๐๐ ครั้ง เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๑ ครั้ง เกิดในตระกูลสูง สมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติและรูปสมบัติอันเลิศ ได้บวชและบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
๕.ด้วยอานิสงส์ที่ปลด เครื่องประดับทองคำ จากคอ แล้วมอบให้ช่างทองเพื่อนำไปทำอิฐทองคำเพื่อสร้างเจดีย์ทองคำสูง ๑ โยชน์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้ อุบาสิกาเสสวดี ละโลกแล้วไปเกิดในสวรรค์ มีวิมานทองที่สว่างไสวใหญ่โตวิจิตรตระการตา
๖.ด้วยอานิสงส์จากการ เอาเครื่องประดับมาทำเป็นอิฐทองคำ สร้างเจดีย์บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้ไปตัดรอนวิบากกรรมเก่าของ พระภัททกาปิลานีเถรี ที่ทำให้มีกลิ่นตัวเหม็นเหมือนส้วม ให้กลับกลายเป็นกลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากกายและมีกลิ่นดอกบัวออกจากปากในภพชาตินั้นเลย และในภพชาติสุดท้าย พระภัททกาปิลานีเถรี ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ผู้เป็นเลิศในด้านเป็นผู้มีความสามารถในการระลึกชาติได้เป็นเยี่ยม