อิทธิบาท 4 ธรรมอันทำให้เกิดความสำเร็จ
- ฉันทะ พอใจรักใคร่ ในสิ่งที่ทำ
- วิริยะ พากเพียร ในการทำแบบไม่ย่อ ไม่ท้อ ไม่ถอย
- จิตตะ เอาใจใส่ฝักใฝ่จดจ่อ ทำสิ่งนี้สิ่งเดียว
- วิมังสา หมั่นสอดส่อง ทบทวนแก้ไข สิ่งที่ทำนั้น
ถ้าเจริญอิทธิบาท 4 อย่างนี้กับการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่กระทำอยู่ ก็จะประสบความสำเร็จสมความปรารถนาแม้จะทำสำเร็จเสร็จแล้ว การเจริญอิทธิบาท 4 กับสิ่งนั้นต่อก็สำคัญ เพราะ จะทำให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป…
พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้อิทธิบาท 4 จนกระทั่งได้ตรัสรู้ธรรม หมดอาสวะกิเลส เป็นผู้รู้แจ้งในภพสามแล้ว ในช่วงท้ายก่อนปรินิพพาน พระองค์ทรงปรารถนา ที่จะเจริญอิทธิบาท 4 เพื่อดำรงความเป็นพระพุทธเจ้าอีก 1 กัปป์ เพื่อจะอยู่สั่งสอนเวไนยสัตว์ ให้พ้นทุกข์ พบสุขตามพระองค์ เพราะ ยากมาก กว่าจะบังเกิดพระสัจธรรมอีก ต้องใช้เวลาอีกยาวนาน
ดังนั้น หากปัจจุบันเราทำ สิ่งใดสิ่งหนึ่งสำเร็จแล้ว ก็ต้องไม่ประมาท หยุดไว้เพียงแค่นั้น ต้องเจริญอิทธิบาท 4 สำเร็จในสำเร็จ ให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก
ทำทาน สำเร็จแล้วก็เจริญอิทธิบาท 4 การทำทาน ให้ยิ่งขึ้นไปอีก ให้เปลี่ยนผังความยากจน จากคนธรรมดาเป็นเศรษฐี จากเศรษฐีเป็นมหาเศรษฐี จากมหาเศรษฐีเป็นอภิอัครมหาเศรษฐี ฯลฯ
รักษาศีล สำเร็จแล้วก็เจริญอิทธิบาท 4 กับศีลที่เรารักษาดีแล้ว ให้ศีลหนาแน่นยิ่งๆขึ้นไปอีก จากศีล 5 เป็นศีล 8 จากศีล 8 เป็นศีล 10 ไปถึงศีลนักบวช 227
เจริญสมาธิภาวนา หยุดใจเราได้ ทำใจให้ผ่องใส เข้าถึงสภาวะธรรมภายในแล้ว เราก็เจริญอิทธิบาท 4 กับการหยุดนิ่งต่อไป หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง ดิ่งเข้ากลางของกลางไปเรื่อยๆ ให้เข้าถึงสภาวะธรรมภายในยิ่งๆขึ้นไป จนบรรลุธรรม.หมดสิ้นอาสวะกิเลส ตามพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า..
เจริญอิทธิบาท 4 เข้าไว้ ทำแบบนี้เรื่อยไป เราจะได้ไม่เบื่อหน่ายในความสำเร็จ ที่เสร็จแล้ว เพราะ ยังมีความสำเร็จ ที่เหนือความสำเร็จ รอคอยเราอยู่
09 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2558
ธรรมะริมทาง ไปที่สุดแห่งธรรม