พนักงานหญิงในยมโลกตอบว่า “ต่างกันที่บุญกุศล ซึ่งได้ทำมาแล้วแต่ชาติก่อน แม้คนที่จะไปเกิดในเมืองมนุษย์ด้วยกัน ก็ยังแตกต่างกันอีกเป็นหลายสิบจำพวก บางคนไปเกิดในตระกูลพ่อแม่มียศถาบรรดาศักดิ์ ร่ำรวยอย่างมหาศาล แต่เมื่อได้เข้าไปในท้องแม่แล้ว พอโตหน่อย ก็ต้องกลายเป็นพิการไป หรือบางคนไม่พิการแต่ประพฤติตัวเหลวไหล ใช้จ่ายเงินทองที่พ่อแม่ให้อย่างย่อยยับหมด ตัวเองกลับต้องลำบากยากจนลงอีก ก็เคยมีเสมอ บางคนไปเข้าท้องคนชาวนา อย่างยากจน แต่พอโตขึ้นมีคนไปรับเลี้ยง ให้เล่าเรียนดี ก็ได้เป็นใหญ่เป็นโต มีความสุขสำราญ ทุกชีวิตเป็นไปตาม กรรมของเขาที่ได้สร้างสมมา ทั้งสิ้น”
แม่อาจารย์ทองสุขฟังแล้วจึงว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกที่จะได้ไปเกิดเป็น เทวดานางฟ้า จึงจะสวยกว่าพวกที่ไปเกิดเป็นคนในเมืองมนุษย์กระมัง”
เจ้าพนักงานหญิง ผู้นั้นตอบว่า “ถ้าพูดอย่างทั่วๆไป ไม่เจาะจง ก็ว่าสบายกว่ากันหลายร้อยเท่า แต่วิญญาณที่ฉลาดบางดวง ก็ไม่อยากไปจุติในสวรรค์ ยังคงอยากไปเข้าท้องมนุษย์อยู่นั่นเอง เพราะในเมืองสวรรค์นั้น มีความสุขสบายอยู่มากก็จริง แต่ความหลงระเริงยังมีมาก หลงในความสนุกสนาน หลงในอำนาจถือตัวเป็นใหญ่ หลงติดในสมบัติต่างๆ ลืมตัวไม่คิดถึงความจริง อริยสัจ เมื่อถึงคราวหมดบุญจะจุติ จึงได้คิดและเสียใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้เสียแล้ว เป็นเสียอย่างนี้ ร้อยก็เกือบทั้งร้อย
คนที่มีความทุกข์ เช่นคนในเมืองมนุษย์ ก็มีประโยชน์ดีอย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะเมื่อเกิดทุกข์ก็ย่อมดิ้นรนจะหาทางปลดเปลื้องความทุกข์ จึงเป็นเหตุให้บางคน เข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้อุตส่าห์บำเพ็ญความดีไป ก็อาจจะได้เข้าถึง ขั้นพระอริยะบุคคล เป็นพระโสดาบันหรือสูงกว่านั้นขึ้นไปได้ง่ายกว่า พวกติดสุข หลงสุขในทางกามารมณ์ บนสวรรค์
(เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)