ลิงยอมตนจนหมู่พ้นภัย

วันที่ 26 พย. พ.ศ.2558

ลิงยอมตนจนหมู่พ้นภัย


          สาเหตุที่ตรัสชาดก ณ พระวิหารเชตวัน ภิกษุสนทนากันในธรรมสภาว่า พระทศพลทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่พระญาติ พระทศพลเสด็จมา ทรงทราบเรื่องที่ตั้งขึ้นดังกล่าว จึงทรงนำอดีตมาตรัสเล่าดังต่อไปนี้..

          ในอดีต ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีต้นมะม่วงผลทิพย์ต้นหนึ่งอยู่ริมน้ำ ฝูงลิงกำลังกัดกินมะม่วงหอมหวานกันอย่างเอร็ดอร่อย ขณะนั้นเองมีลิงตัวหนึ่งพลันคิดได้ว่า..


"มะม่วงรส เลิศเช่นนี้หากตกไปอยู่ในมือมนุษย์แล้วคงไม่แคล้วภัยใหญ่หลวงจะล่วงมาสู่หมู่พี่น้องของเราแน่! จำต้องป้องกันภัยไว้ก่อน"

          ลิงช่างสังเกตร้องตะโกนแจ้งทุกตัวให้ช่วยกันกินผลที่อยู่เหนือน้ำให้หมด แต่กลับมีผลหนึ่งซ่อนอยู่ในรังมดแดง ไม่นานมันก็ตกลงไปในน้ำไหลสู่มือพระราชา! พระองค์ทรงลองลิ้มชิมเสวยรสชาติก็พลันล่วงเลยเส้นประสาท เกิดซาบซ่านบาดจิต ยากจะคิดทนทานไหว ตรัสสั่งหมู่ทหารให้รีบรุดเรือล่องไป ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่มะม่วงต้นนี้ ทรงเข้าไปเสวยจนอิ่มแล้วบรรทมหลับไปใต้ร่มไม้นั้นเองรุ่งขึ้นฝูงลิงคล้ายดังไม่รู้ตัวว่าบัดนี้มีทหารอยู่เต็มป่า จะหาความหรรษามิได้แล้ว ความจริงลิงย่อมไวต่อการสังเกตเหตุเภทภัย เพียงแต่ว่าขณะนี้รสชาติมะม่วงช่างยั่วยวนใจ จึงไม่เห็นมนุษย์และไม่เห็นกระทั่งความตายไปแล้ว กระทั่งยังไม่รู้เลยว่าพระราชาได้สั่งทหารล้อมรัศมีต้นไม้ และตั้งธนูเตรียมยิงลิงทุกตัวไว้พร้อมสรรพ

            ในที่สุด! ฝูงลิงได้เหลือบเห็นทหารทั้งกองพันแล้ว! มะม่วงหมดรสชาติทันที มะม่วงแม้มีรสแต่ลิ้นไม่อาจรับรส อีกแล้ว ฝูงลิงจำนวนมากเกิดกลัวตาย ยืนใจหายตัวสั่นกันทั้งฝูง ลิงช่างสังเกตได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่า วันนี้ต้องมาถึงแน่ บัดนี้เห็นทางรอดของหมู่คณะน้อยยิ่งกว่าน้อย ฉับพลันนั้นก็คิดได้วิธีหนึ่ง จึงรีบกัดหวายกระโดดสุดแรงไปฝังตรงข้ามรั้งกิ่งไม้ ผูกหวายกับกิ่ง ทิ้งปลายผูกเอวแล้วกระโดดอย่างเร็วกลับมาฝังเดิม แต่หวายยาวไม่พอจึงเหนี่ยวกิ่งไว้ แล้วตะโกนให้ฝูงลิงรีบวิ่งข้ามตนไต่หวายหนีไปให้เร็วที่สุด ฝูงลิงละล้าละลังรีบขอขมาลิงผู้กล้าแล้วรีบไต่ข้ามไปอีกฝัง ทว่าลิงเกเรตัวหนึ่งเกิดริษยาในความเป็นพระเอก อยากแกล้งลิงผู้กล้ารีบชิงกระโดดขึ้นไม้สูงอย่างเร็วแรงดิ่งทิ้งตัวลงมากระทืบหลังลิงผู้เสียสละสุดแรงแล้ววิ่งหนีไป ลิงนั้นไม่ทันตั้งตัวหัวใจแตกสลายปิมจะขาดใจ แต่ยังไม่ยอมให้ตัวเองตาย แม้ทุกส่วนในร่างกายไร้เรี่ยวแรงแต่มือกลับแข็งแรงยิ่งนัก! ลิงทั้งเจ็บปวดอย่างสุดแสนแทบใจขาดแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด จนกว่าทุกตัววิ่งผ่านไปได้ทั้งหมด เพื่อให้หมู่คณะปลอดภัย!

 

พระราชาเฝ้ามองดูพฤติการณ์นั้นมาตลอด ทรงดำริว่า..
"ลิงตัวนี้เป็นแค่สัตว์กลับช่วยหมู่คณะอย่างไม่คิดชีวิตเพียงนี้เชียวรึ! ขุนกระบี่นี้จะตายไม่ได้"

ทรงรีบข้ามน้ำไปรับมารักษาทายานวดน้ำมันแล้วตรัสถามลิงว่า..
"ไฉนท่านทอดตัวเป็นสะพานให้วานรจำนวนมากข้ามไปล่ะ ท่านเป็นอะไรกับลิงพวกนั้นหรือ"


วานรทนช้ำในข่มเจ็บปวดตอบไปว่า..
"ถึงข้าพระองค์ต้องตายก็ไม่ทุกข์ใจเลย เพราะข้าพระองค์ได้นำความสุขมาให้แก่หมู่คณะแล้วราชาเช่นท่านก็ควรมอบความสุขสวัส ดิ์ให้กับคนในรัฐทั่วหน้ากัน อย่าบีบคั้นแว่นแคว้น ไม่ควรมีอคติควรผูกใจราษฎรด้วยสังคหวัตถุธรรม ดำรงมั่นในทศพิธราชธรรม แล้วสละชีวิตมอบความสุขให้ทวยราษฎร์"

 

        วานรทูลสอนสั่งพระราชาจบก็หมดลมสิ้นใจทันที พระราชทรงเผาสรีระวานรนี้ดุจถวายพระเพลิงแด่องค์ราชันในอดีต ทรงนำกะโหลกวานรมาเลี่ยมทองคำบูชา 7 วันแล้วนำไปประดิษฐานไว้ในพระเจดีย์ทองคำ ทรงบูชาอยู่ตลอดพระชนม์ชีพ พร้อมดำรงอยู่ในโอวาทของวานรผู้สละชีวิตเพื่อหมู่คณะ โดยมีกะโหลกทองคำเป็นเครื่องรำลึกนึกถึงวีรกรรม ทรงประพฤติตามโดยสละพระองค์มีน้ำพระหฤทัยเพื่อพสกนิกร บำเพ็ญบุญครองราชย์โดยธรรม เมื่อละโลกไปแล้ว พระองค์พร้อมชาวเมืองก็ไปพักที่ วรรค์กันถ้วนหน้า...

 

ประชุมชาดก
          พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้นได้เป็นพระอานนท์ในบัดนี้ ลิงวายร้ายเป็นพระเทวทัตส่วนขุนกระบี่ได้แก่เราตถาคต ฉะนี้แล

"เกิดเป็นคนควรมีใจให้พวกพ้อง ภัยทั้งผองกรายกล้ำไม่อยู่เฉยเอาหมู่คณะรอดปลอดภัยไม่ละเลย ฉะนี้เอย เอาตัวรอดตลอดกาล"

          จากชาดกเรื่องนี้ ความแล้งน้ำใจหรือความดูดายในหมู่คณะย่อมทำให้หมู่คณะวอดวายหากมีคนเช่นนี้อยู่มากหมู่คณะก็วอดวายเร็ว หากคนดีมีน้ำใจมีอยู่มากหมู่คณะก็เจริญเร็ว ดั่งวานรเห็นภัยที่จะเกิด ก็ไม่ดูดาย รีบขวนขวายขอความร่วมมือ เมื่อมีภัยมาไม่ทำเฉย รอให้คนอื่นมาแก้แม้รู้ทางแก้แต่ต้องเสี่ยงภัยก็ยอมอุทิศตนไม่รอดูเภทภัยให้เกิดกับหมู่คณะ เมื่อดำเนินการแก้ไขแล้วคนในหมู่คณะมาขัดขวางทำร้ายก็ไม่น้อยใจหรือถือโทษโกรธเคือง ยังคงมองเรื่องส่วนรวมไว้ก่อนโดยไม่ยอมอ่อนแอท้อแท้เลิกรา จึงนับว่าเอาตัวรอดได้อย่างแท้จริงคือเอาทั้งตนเองและหมู่คณะรอดทั้งยังได้นิสัยที่รอดจากกิเลส และเภทภัยในอบายส่วนผู้คิดเอาแต่ สบาย มักเอาตัวไม่รอดตลอดกาล

 

"นิสัยไม่ดูดาย ขวนขวายช่วยเหลือ ไม่ทอดธุระ, เสีย ละยอมตน อุทิศตนเพื่อประโยชน์ของหมู่คณะมากกว่าผลงานส่วนตัว, ไม่น้อยใจ ท้อแท้ เลิกราที่จะช่วยเหลือหมู่คณะ และไม่ถือสาผู้อิจฉาริษยา มุ่งช่วยหมู่คณะอย่างจริงใจ" 

        ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นนิสัยในวิถีของนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในทานบารมี

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.027415148417155 Mins