แยกหมู่เราตาย

วันที่ 08 ธค. พ.ศ.2558

แยกหมู่เราตาย

สาเหตุที่ตรัสชาดก
            พระทศพลเสด็จโปรดพระญาติมิให้ทะเลาะกันเรื่องแย่งน้ำ ตรัสถึงสัตว์เมื่อทะเลาะกันก็ถึงความพินาศ พระญาติทั้งหลายทูลอ้อนวอนแล้ว จึงทรงนำอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้..

 

       ในอดีต มีนกกระจาบหลายพันตัวอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง กาลนั้น นายพรานคนหนึ่งทำเสียงร้องเหมือนนกกระจาบเพื่อล่อนกมารวมกันแล้วทอดตาข่าย จับนกมาบรรจุเต็มกระเช้าไปขายเลี้ยงชีพอยู่เป็นประจำ วันหนึ่ง นกกระจาบตัวหนึ่งมีแผนจะให้ทุกตัวไม่ต้องถูกจับ จึงกล่าวกับนกทั้งฝูงว่า..

"นี่พวกเรา! ถ้าหากพวกเราเกิดพลาดถูกจับอยู่ในตาข่าย พวกท่านแต่ละตัวโปรดสอดหัวเข้าข่ายแต่ละตาแล้วบินยกขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็นำไปพาดพุ่มไม้หนามต้นโน้น เช่นนี้แล้วพวกเราก็จะบินหนีออกทางข้างล่างได้"

 

         นกกระจาบทุกตัวเห็นดีด้วยต่างยอมรับข้อตกลงนี้กันหมด หลังจากนั้นมา นายพรานก็ไม่สามารถรวบตาข่ายจับนกได้ทันเลย ต้องกลับบ้านมือเปล่าทุกวัน หนำซ้ำยังต้องเสียเวลาปีนต้นไม้หนามอย่างทุลักทุเลตามเก็บตาข่ายบนยอดไม้อีก ทำให้ต้องกลับบ้านมืดค่ำจนภรรยาโกรธ และดุด่าสามีเป็นการใหญ่ นายพรานกล่าวปลอบภรรยาว่า..


"เธอคอยดูเถอะ! พวกมันทะเลาะกันเมื่อใด เมื่อนั้นแหละ! มันจะตกอยู่ในเงื้อมมือเรา"

       ล่วงไป 3 วัน การอยู่ร่วมกันในฝูงนกที่เคยสงบสุขเพราะอุบายยกข่ายยังใช้ได้ดี แต่บัดนี้เริ่มมีเค้าลางแห่งความตายปรากฏแล้ว นกกระจาบตัวหนึ่งเกิดบินพลาดไปเหยียบหัวของนกกระจาบอีกตัว นกที่ถูกเหยียบก็โกรธ แม้จะได้รับการขอโทษแล้วก็ยังชวนทะเลาะ นกทั้งสองทะเลาะกันรุนแรงจนถึงกับอาฆาตแค้น! การเหยียบหัวกันมิได้สร้างปัญหา การไม่ยกโทษให้กัน! จึงสร้างปัญหาอย่างแท้จริง

 

       ดังนั้นหากทั้งหมดต้องตายก็นับว่าเป็นเพราะนกทุศีลเพียงไม่กี่ตัวแท้ๆ..มิว่าใครจะถูกหรือผู้ใดผิด นกกระจาบผู้ต้นคิดวิธีลอดข่าย รู้ว่าการทะเลาะได้เกิดขึ้นแล้วและไม่มีทีท่าว่าจะแก้ไขได้ พรานไพรก็มาล่านกอยู่ทุกวัน วันแห่งความตายกำลังคืบคลานเข้ามากว่านกสองตัวนี้จะคิดแก้ไขก็สายไปแล้ว! ที่ผ่านมานกทั้งสองคิดว่าความอยู่รอดของตนเป็นเรื่องง่ายๆหาได้รู้ถึงอานุภาพของอุบายลอดข่ายไม่ ว่ามีอานุภาพมากเพียงใด อานุภาพแห่งความสามัคคีมีมากจนคุ้มครองทุกตัวตนให้รอดพ้นภัยพรานมาได้โดยไม่มีแม้สักตัวที่จะได้รับอันตราย แต่ตอนนี้กลับถูกนกมักโกรธเพียงตัวเดียวทำลายเสียยับเยินไม่มีชิ้นดี! เพียงตัวเดียวก็เพียงพอ! พอที่จะทำให้การผนึกรวมกันต้องแตกกระจายดุจรอยร้าวเดียวบนแก้วทำแก้วให้แตกเป็นเสี่ยง

 

       นกกระจาบผู้ต้นคิดเห็นเหตุการณ์กลับกลายเช่นนี้ก็ไม่นั่งรอวันตาย นกรู้แน่แก่ใจว่าพวกของตนแบ่งเป็นฝักฝ่าย และจะไม่ยอมยกข่ายพร้อมกันอย่างแน่นอน ฉะนั้นความพินาศอย่างใหญ่หลวงจะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว จึงรีบเข้าไปเกลี้ยกล่อมขอร้องให้ทั้งสองเลิกรากันก่อนที่นายพรานจะมา แต่กลับไม่มีใครฟัง นกกระจาบบัณฑิตอยู่รอช่วยเหลือต่อไปไม่ได้อีกแล้ว มิฉะนั้นจะตายกันทั้งหมด จึงช่วยได้แต่พวกพ้องที่ยอมรับฟังตนแล้วรีบพากันบินหนีไปที่อื่นก่อนภัยมา..นายพรานเดินมา ..เริงร่าร้องหลอกล่อ ..นกชะลอร่อนลง ..ตรงพงไพรถิ่นเกิด ..พรานเชิดตาข่าย ..นกร้ายเถียงเกี่ยงกัน ..มันโกรธจนตาย ..พรานสบายได้ไป ..เอาไฟย่างกิน

 

ประชุมชาดก
       พระทศพลตรัสว่าความทะเลาะเป็นเหตุแห่งความพินาศฝ่ายเดียว ทรงประชุมชาดกว่านกกระจาบตัวที่เป็นบัณฑิตในครั้งนั้นได้เป็นตถาคตแลจากชาดกเรื่องนี้ หมู่นกมีข้อปฏิบัติอันเป็นประดุจข่ายเพชรป้องกันหมู่คณะได้อย่างวิเศษแต่ต้องพินาศสิ้น เพราะนกเพียงตัวเดียวก่อเหตุ ความพร้อมเพรียงเป็นสิ่งที่สร้างได้ยากยิ่งและถูกทำลายได้ง่ายอย่างยิ่ง ความพร้อมเพรียงบางครั้งก็ดูแข็งแกร่งเพราะต้านภัยใหญ่หลวงได้ แต่บางครา
ก็ดูเปราะบางเพราะเพียงคนเดียวก็สามารถทำลายได้ การอยู่ร่วมกันย่อมหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันมิได้ ความถ้อยทีถ้อยอาศัย ยอมรับอัธยาศัย แล้วปรับให้สงบสุขด้วยระเบียบวินัย จึงสำคัญต่อหมู่คณะมาก หากโกรธกัน ไม่ยอมรับกันสิ่งที่ดีต่อหมู่คณะก็มิอาจถูกนำมาใช้ได้ ปัญหาจึงมิได้เกิดจากความไม่เหมือนกัน แต่เกิดจากการไม่ยอมปรับตัว กระทั่งไม่รักในระเบียบวินัยของหมู่ ดังนั้นหากในหมู่คณะยังมีคนที่มุ่งแตกแยกแตกร้าว คอยแต่จับผิดกันเอง ไม่ยอมให้อภัยกัน ไม่มองด้านสว่างทำให้พลาดโอกาสที่หมู่คณะจะเติบโตไปได้เร็วไว บุคคลผู้ไม่รักศีลและระเบียบวินัย พ่ายแพ้ต่อกิเลสทำตามอารมณ์ตนเองมากกว่าอยากเห็นความเจริญของหมู่คณะ จึงเปรียบเสมือนตัวถ่วงความเจริญของหมู่คณะอย่างแท้จริง ข้อปฏิบัติอันดีที่มีขึ้นมาเพื่อความรุ่งโรจน์ของหมู่จึงต้องพินาศไป เหมือนดวงจันทร์ถูกราหูบดบังไว้ มิให้รุ่งโรจน์อยู่

 

            ฉะนั้นจะเห็นว่า ในทางพระพุทธศาสนาถือกันว่า "พระวินัย" เป็นดั่งรากแก้วที่จะหยั่งให้ลำต้นคือพระพุทธศาสนา เติบโตมั่นคง แผ่กิ่งก้านสาขาไปได้ไม่สิ้นสุด แต่ต่อมาเมื่อระเบียบข้อปฏิบัติที่เคยเป็นอันเดียวกัน ได้ถูกทำให้แปลกแยกต่างกันไป มีการตั้งเป็นนิกายใหม่ๆ ตามความถนัดคำสอนดั้งเดิมที่จะนำพาสัตว์พ้นทุกข์ ทำพระนิพพานให้แจ้งได้ ก็เริ่มหลากหลายแปรไป แม้ยังชื่อว่าเป็นกิ่งก้านของพระพุทธศาสนา แต่ก็ถูกปรับแต่งไปนานาพันธุ์ จนมิรู้ว่าสรรพคุณดั้งเดิมยังเหลืออยู่ที่ต้นไหนกันแน่ หากข้อปฏิบัติทั้งหมดกลับเข้าสู่คำสอนดั้งเดิมดั่งต้นแม่ รากแก้วของพระพุทธศาสนาก็จะหยั่งรากลึก ยึดลำต้นมหึมาเป็นหนึ่งเดียว พามวลสรรพสัตว์ให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้จริงอีกครั้งดั่งพุทธกาล


"นิสัยไม่เกเรดุร้าย, ถ้อยทีถ้อยอาศัย, ไม่ชอบการกระทบกระทั่ง, ให้อภัย, ไม่ถือโทษ,พร้อมเพรียงกัน, รักระเบียบวินัย, ไม่มุ่งแตกแยกแตกร้าว คอยแต่จับผิด, ไม่ดูถูกดูหมิ่นกันและมองอย่างสร้างสรรค์"

         ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นนิสัยในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในศีลบารมี

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0083412528038025 Mins