"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากว่าภิกษุไม่เป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของผู้อื่นไซร้ เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาว่า เราทั้งหลาย จักเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตน ภิกษุทั้งหลาย เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล" สจิตตสูตร
พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนให้พุทธสาวกเป็นผู้ฉลาดในจิตของตน ถ้าหากว่ายังไม่รู้วาระจิตของผู้อื่น อย่างน้อยก็ให้รู้ใจของตัว เพื่อจะได้รู้เท่าทันกิเลสอาสวะ ที่มันคอยจะสอดแทรกเข้ามาอยู่ตลอดเวลา เราเผลอเป็นไม่ได้ ถ้าใจเราว่างจากกุศล มีช่องว่าง เดี๋ยวกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสามอย่าง มันจะเข้ามา แล้วควบคุมใจ บังคับใจเราให้คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี ก็จะมีวิบากที่เป็นบาปอกุศลเกิดขึ้นตามมา
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราสำรวมระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น พยายามนึกคิด ให้ใจเป็นบุญเป็นกุศลอยู่ตลอดเวลา ในใจให้อัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณงามความดี ใจใสๆ ใจสว่างไม่หมองคล้ำ บาปหรือกิเลสแม้มีอยู่ก็เหมือนไม่มี เพราะมันไม่ได้โอกาสเข้ามา มันทำอะไรเราไม่ได้ เนื่องจากเรามีสติรู้เท่าทันมัน เรามีสติ มีหิริ โอตตัปปะ เพียรละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส บาปอกุศลอะไร ก็ทำอันตรายเราไม่ได้
"จากส่วนหนึ่ง ของรายการธรรมะเพื่อประชาชน โดย พระเทพญาณมหามุนี"