ผัดวัน ไม่ประกันพรุ่ง

วันที่ 09 มค. พ.ศ.2559

ผัดวัน ไม่ประกันพรุ่ง


    สาเหตุที่ตรัสชาดก พระทศพลทรงปรารภนิสัยเดิมข้ามชาติของภิกษุคือ มีภิกษุ 30 รูปขอกรรมฐานแล้วเข้าป่า แต่รูปหนึ่งเกียจคร้าน ติดในรสอาหาร ไม่อยากไปลำบากในป่า จึงไม่ขอไปด้วยหมู่ภิกษุทั้ง 29 เพียรพยายามตลอดพรรษา ถือเอาห้องวิปัสสนายังปฐพีให้บันลือลั่นบรรลุพระอรหันต์ออกพรรษากลับมาเฝ้าพระทศพล พระองค์ทรงชื่นชมสรรเสริญภิกษุทั้ง 29 รูปท่ามกลางสงฆ์จากนั้นพระขีณาสพเหล่านั้นได้ทูลขออนุญาตกลับป่าตามเดิมเพื่อไปโปรดชาวบ้านที่อุตสาหะอุปัฏฐากตนมาตลอดพรรษาส่วนรูปที่เกียจคร้านฟังคำที่พระทศพลทรงสรรเสริญเพื่อนๆ ของตนแล้วเกิดอยากบำเพ็ญสมณธรรมบ้าง คราวนี้จึงขอตามไปด้วย ตกดึกบำเพ็ญเพียรจัดไม่นอนทั้งคืนบำเพ็ญสมณธรรมโดยรีบเร่งเกินไป พอถึงมัชฌิมยาม ยืนพิงแผ่นกระดานหลับไป กลิ้งตกลงมากระดูกขาแตกเกิดทุกขเวทนาแรงกล้า พระขีณาสพเหล่านั้นต้องช่วยกันรักษาพยาบาล การเดินทางจึงชะงักแล้วพากันกลับมาเฝ้าพระตถาคตเจ้า พระองค์จึงตรัสว่า มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้นที่ภิกษุนี้รีบเร่งกระทำ
ความเพียร ในเวลามิใช่กาลเพราะความที่ตนเป็นผู้มีความเพียรย่อหย่อน แม้ในครั้งก่อนก็ได้ทำอันตรายการเดินทางของพวกเธอมาแล้ว เมื่อภิกษุกราบทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้..

 

    ในอดีตกาล ณสำนักเรียนตักกสิลา อาจารย์ทิศาปาโมกข์มีศิษย์อยู่ในสำนักถึง 500 คนวันหนึ่ง บรรดาศิษย์พากันไปป่าหาฟืนมารวบรวมไว้ แต่มีศิษย์คนหนึ่งเห็นต้นไม้ร่มรื่นเลยเข้าไปนอนสักงีบ กะคำนวณเวลาว่าเดี๋ยวตื่นขึ้นมาก็ใช้เวลาไม่นานหักกิ่งไม้ต้นนี้ทำฟืน ศิษย์คนอื่นๆ หาฟืนเสร็จแล้วก็ผูกเป็นมัดๆ แล้วแบกกลับสำนักไปกันหมด เหลือศิษย์นั้นคนเดียวที่ยังมัวนอนเพลินอยู่ เผอิญมีศิษย์คนหนึ่งแบกฟืนเดินผ่านมาเห็นพอดีจึงปลุกให้ตื่น ศิษย์นั้นรีบตื่นลนลาน ลุกขึ้นขยี้ตาจนหายง่วงแล้วรีบปีนขึ้นต้นกุ่มจับกิ่งเหนี่ยวมาหักตรงหน้า ปลายไม้ก็ดีดลัดขึ้นโดนนัยน์ตาแตกไปข้างหนึ่ง เอามือข้างหนึ่งปิดตาแล้วใช้อีกข้างหักกิ่งสดมาทำฟืน โดยไม่มีเวลามาพิจารณาว่ากิ่งสดหรือแห้งแล้วคว้ากิ่งใดได้ก็นำมามัดไว้แล้วแบกวิ่งตามหลังเพื่อนๆ ไปจนถึงสำนักทีหลังคนอื่น ได้เอาฟืนสดของตนไปสุมทับกับฟืนแห้งของศิษย์คนอื่นๆ ที่กองรวมกันไว้ ค่ำคืนนี้อาจารย์สั่งศิษย์ทุกคนว่า..

 

    "ศิษย์ทั้งหลาย! พรุ่งนี้เราจะมีกิจนิมนต์ พวกเธอต้องรีบไปให้ถึงหมู่บ้านตำบลหนึ่งก่อนสายฉะนั้นพรุ่งนี้ ต้องรีบทานข้าวกันแต่เช้าตรู่ แล้วออกเดินทางทันที อย่าให้พลาดได้เชียว!"


    คนต้มข้าวรีบตื่นแต่เช้าตรู่คว้าหยิบเอาฟืนไม้สดไปจุด นั่งเอาปากเป่าอยู่นานสองนานไฟก็ไม่ติดสักทีจนดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว ไฟก็ยังไม่ติด พวกศิษย์เห็นว่าสายมากแล้ว ตอนนี้ไปไม่ทันเวลาเสียแล้วจึงพากันไปหาอาจารย์ อาจารย์ถามว่า..

 

"พ่อเอ๋ย พวกเจ้ายังไม่ได้ไปกันอีกรึ"
"ครับท่านอาจารย์! พวกผมยังไม่ได้ไป เมื่อวานตอนไปป่าหาฟืน มีศิษย์คนหนึ่งมัวนอนหลับที่โคนต้นกุ่ม ลุกขึ้นทีหลังแล้วรีบไปหักกิ่งไม้ลัดเอาตาแตก หอบเอาไม้สดๆ มาโยนไว้บนฟืนที่พวกผมหามาคนต้มข้าวขนเอาฟืนสดนั้นไปสำคัญว่าเป็นฟืนแห้ง จนอรุณขึ้นแล้วไฟก็ยังไม่ติด ขอรับ"อาจารย์ฟังสิ่งที่ศิษย์ทำผิดพลาดแล้ว กล่าวว่า..

 

"ความเสียหายถึงปานนี้เกิดขึ้นได้ เพราะการกระทำของคนอันธพาล กิจที่จะต้องรีบทำก่อนให้รีบทำก่อน ผู้ใดมัวทำทีหลัง ผู้นั้นต้องเดือดร้อนในภายหลัง เหมือนศิษย์ของเราที่หักไม้สดแล้วต้องมาตาบอดเดือดร้อนตนและคนอื่นอยู่เช่นนี้" บรรดาศิษย์ได้โอวาทจากอาจารย์แล้วก็แยกย้ายกันกลับไป

 

ประชุมชาดก
          พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า มาณพผู้ตาแตกในครั้งนั้นได้มาเป็นภิกษุผู้กระดูกขาแตกในบัดนี้ อาจารย์มาเป็นตถาคตแล


          จากชาดกเรื่องนี้ การพักสักงีบดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เวลาเพียงเล็กน้อยที่ถูกเลื่อนไป อาจนำความเสียหายใหญ่โตมาให้ตนเองและหมู่คณะได้ เวลาบางช่วงก็เปรียบดั่งหัวไม้ขีดหากเลื่อนไปแม้นิดย่อมไปกระทบเสียดสีกับส่วนอื่น ไฟคือ ปัญหา ย่อมปะทุขึ้นลุกลามไปทั่วได้ หรือในบางกรณี หากมีผู้ใดผิดนัดเพียง 5 นาที ที่ประชุมมีผู้รอ 20 คน ผู้ผิดนัดมิได้ทำผู้อื่นเสียเวลาเพียง5 นาที แต่เป็น 100 นาที เพราะคนทั้ง 20 เสียไปคนละ 5 นาที หากคนทั้ง 20 กระจายกันไปทำสิ่งสำคัญอันใดใน 5 นาทีของแต่ละคนสิ่งต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นอีกมากมาย


"นิสัยตื่นตัว, กลัวภัยความเกียจคร้าน, ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง และตระหนักถึงผลเสียเมื่อชะล่าใจ" ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นนิสัยในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในวิริยบารมี

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.026489516099294 Mins