หลวงพ่อสอนอะไร (ตอนที่๑๓)
ตลอดชีวิตของหลวงปู่วัดปากน้ำ สิ่งที่ท่านรักที่สุดคือ การสอนธรรมะเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงพระธรรมกาย แม้จะมีผู้พยายามบิดเบือนหรือ โจมตีว่าร้าย ท่านก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงปณิธาน ดังที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
“คนเช่นเราไม่ใช่ไร้ปัญญา ชั่วก็รู้ ดีก็เห็น เราจะฆ่าตัวเราเองเพราะความปรารถนาลามกทำไม ที่เขาพูดหาว่าเราอย่างนั้น บางคนคงจะไม่รู้จักคำว่า “ ธรรมกาย ” มีอยู่ที่ไหน หมายเอาใคร เขาอาศัยความไม่รู้ มาว่าเราผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อผู้ไม่รู้มาติเตียนเรา ความไม่รู้ของเขาจะลบล้างสัจธรรมของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้าจะกลบก็กลบได้เพียงชั่วคราว ไม่ช้าดวงแก้วของพระพุทธศาสนาก็จะเปล่งรัศมี ให้ผู้มีปัญญาเห็นด้วยสายตาของตนเอง
การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เป็นผลแห่งการปฏิบัติที่เราได้กระทำกันอยู่ แสดงให้เห็นว่าคณะวัดปากน้ำไม่ได้กินแล้วนอน เป็นสำนักที่เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เท่ากับเอาสำนักเราไปเผยแพร่ ดีเสียกว่าการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เพราะการที่เขานำไปพูดเช่นนั้นเป็นการกระทำของผู้พูดเอง เราไม่ได้จ้างไม่ได้วานใคร เมื่อพูดทางไม่ดีได้ก็ต้องมีคนพูดทางดีได้เหมือนกัน ธรรมจะต้องชนะอธรรมเสมอ เราไม่ต้องเดือดร้อนใจ เพราะธรรมกายของพระพุทธศาสนาเป็นของแท้ ไม่ใช่ของเก๊หรือของเทียม ธรรมกายจะปรากฏเป็นความจริงแก่ผู้เข้าถึงธรรม เรื่องอย่างนี้เราไม่หวั่น เราเชื่อในคุณพระพุทธศาสนา"
เมื่อคุณยายอาจารย์มาศึกษาวิชชาธรรมกายกับหลวงปู่แล้ว ท่านก็ได้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่ได้จากหลวงปู่ ให้กับหลวงพ่อธัมมชโย และไม่ใช่เพียงแค่ความรู้เท่านั้นที่ถูกถ่ายทอด แต่รวมถึงมโนปณิธานของหลวงปู่ในการเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก
ตั้งแต่เริ่มสร้างวัด หลวงพ่อธัมมชโยและทีมงาน ไม่เคยทิ้งเรื่องการปฏิบัติธรรม แม้งานในการบุกเบิกจะมากเพียงใดก็ตาม คุณยายจะเป็นผู้คอยตอกย้ำและเตือนให้หมู่คณะ รักษาธรรมะควบคู่ไปกับการทำงานหยาบให้ได้
อัธยาศัยที่สำคัญอย่างหนึ่งของหลวงพ่อธัมมชโย คือ การสอนธรรมะให้กับเด็ก ๆ ซึ่ง หลวงพ่อจะมีวิธีการและกุศโลบายให้เด็ก ๆ ที่โดยธรรมชาติมักไม่ค่อยอยู่นิ่ง มาสนใจนั่งนิ่ง ๆ ได้ เมื่อหลวงพ่อสอนธรรมะผู้ใหญ่ก็มักจะยกตัวอย่างเด็ก ๆให้ฟัง เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใหญ่ เกิดกำลังใจในการปฏิบัติธรรม
“ เด็ก ๆ เขาใจอินโนเซนต์ ไม่มีเรื่องมีราวอะไรให้คิด เขาไม่คิดซับซ้อนแบบผู้ใหญ่ ให้ทำอะไรก็ทำ เวลาบอกเด็กให้นั่งธรรมะ หลวงพ่อไม่ต้องพูดอะไรมาก บอกให้นึกดวงแก้ว นึกองค์พระ เขาก็นึก เขาไม่มีคำถามเหมือนผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่หล่ะขี้สงสัย บอกให้นึกดวงแก้ว ก็จะมีคำถาม เอาดวงขนาดไหน พอบอกให้เอาไว้ที่ศูนย์กลางกายก็จะควานหากันใหญ่ ว่าศูนย์กลางกายอยู่ตรงไหน แต่เด็กนี่บอกให้เขาเอาดวงแก้วไว้กลางท้อง เขาก็ไม่มีคำถามว่า กลางท้องอยู่ตรงไหน ”
อาตมาจะชอบฟังเรื่องราวที่หลวงพ่อท่านนำมาเล่าเป็นปกิณกธรรมมาก อีกทั้งชอบดูเวลาหลวงพ่อท่านเล่า ท่านจะมีความสุข เล่าไป ยิ้มไป พวกเราก็จะรู้สึกผ่อนคลาย แล้วมีความสุขตามไปด้วย
มีอยู่วันหนึ่งช่วงที่ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่ดอยสุเทพ-ปุย หลวงพ่อก็เล่าว่า หลวงพ่อเคยพาเด็ก ๆ มานั่งธรรมะกันที่นี่ ตามวิสัยของเด็ก เมื่ออยู่รวมกัน แม้จะมานั่งธรรมะก็อดที่จะเล่นกัน หยอกกันไม่ได้ ขนาดหลับตา แต่ก็ยังเอานิ้วไปแหย่คนที่อยู่ข้าง ๆ หลวงพ่อก็เลยต้อง เตือนว่า “ อย่าเล่นกันนะ ให้นั่งนิ่ง ๆ อย่ายุกยิกกัน”
ปรากฎว่าคำตอบของเด็กทำเอาผู้ใหญ่ที่มานั่งธรรมะด้วยต้องอึ้งกันไปเลย พร้อมกับความขวยเขินจะไม่เขินได้ไง ในเมื่อเด็กเล่นตอบว่า
“ พวกหนูข้างนอกยุกยิก แต่ข้างในหยุดนิ่ง ไม่เหมือนผู้ใหญ่ที่ข้างนอกหยุดนิ่ง แต่ข้างในยุกยิก ”
ว่าแต่ท่านผู้อ่านหล่ะ เป็นประเภทไหนเอ่ย ?
ขอขอบคุณภาพบทความดี ๆ จาก
อาสภกันโต ภิกขุ
๒๘ ก.ค. ๕๙
anacaricamuni.blogspot.ae