ชื่อรอด..แต่ไม่รอด
วิชชาธรรมกายเป็นวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่หายสาบสูญไปหลังจากพุทธปรินิพพานประมาณ 500 ปี ซึ่งหลวงปู่ท่านได้ปฏิบัติธรรมอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และค้นพบขึ้นมาใหม่ วิชชานี้มีคุณวิเศษอันไม่มีประมาณ และได้สร้างความอัศจรรย์ให้กับวงการพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก หากคนไม่ได้มาปฏิบัติ หรือไม่ได้เห็นอานุภาพกับตาตัวเองจริง ๆ ก็จะเชื่อได้ยาก เช่น วิชชาการระลึกชาติ การรู้วาระจิต การดับเดือนดับดาว การปัดลูกระเบิดในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 2 การรักษาโรค ฯลฯ
ซึ่งความมหัศจรรย์อันไม่มีประมาณนี้ ทำให้คนที่ไม่ได้ มาศึกษา มักจะกล่าวหาว่า หลวงปู่อวดอุตริมนุสธรรม ทั้ง ๆ ที่ คำว่าธรรมกาย ก็มียืนยันไว้ในพระไตรปิฎกอย่างชัดเจนหลายแห่ง แต่หลวงปู่ท่านก็ไม่หวั่นไหว และยิ่งไปกว่านั้น.. ท่านยังทำการสอน และเผยแผ่วิชชาธรรมกายจนกลายเป็นที่ยอมรับ และมีคนหันมานับถือศรัทธาท่านเป็นจำนวนมหาศาล
แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ที่รู้สึกไม่พอใจหลวงปู่ ถึงขนาดพูดเหยียดหยามถึงขั้นรุนแรงว่า “ใครอยากเป็นอสุรกาย จงไปเรียนธรรมกาย ที่วัดปากน้ำ” ซึ่งข่าวนี้ก็ได้ทราบถึงหลวงปู่ จึงทำให้ท่านได้พูดว่า
“คนเช่นเราไม่ใช่ไร้ปัญญา ชั่วก็รู้ ดีก็เห็น เราจะฆ่าตัวเราเองเพราะความปรารถนาทำไม ที่เขาพูดหาว่าเราอย่างนั้น บางคนคงจะไม่รู้จักคำว่า “ธรรมกาย” มีอยู่ที่ไหน หมายเอาใคร เขาอาศัยความไม่รู้มาว่าเราผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อผู้ไม่รู้มาติเตียนเรา ความไม่รู้ของเขาจะลบล้างสัจธรรมของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้าจะกลบก็กลบได้เพียงชั่วคราว ไม่ช้าดวงแก้วของพระพุทธศาสนาก็จะเปล่งรัศมีให้ผู้มีปัญญาเห็นด้วยสายตาของตนเอง...”
ด้วยความที่มีคนไม่เข้าใจหลวงปู่หลายเรื่อง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดคิดขึ้น คือ เกิดอาชญากรรมขึ้นในวัด ซึ่งวันนั้น พระกมล ศิษย์ที่ถูกใจของหลวงปู่ในด้านเทศนา ใช้ปฏิภาณ และด้านปฏิบัติชั้นดี เทศนาหัวข้อธรรมเกี่ยวกับพระกรรมฐาน ซึ่งหลวงปู่ก็ฟังอยู่ด้วย และเมื่อเทศน์เสร็จแล้ว ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต่างคนก็ต่างแยกย้ายเตรียมกลับที่พักของตน
แต่ทันใดนั้นเอง.!!! มีผู้ร้ายเข้ามาลอบสังหารหลวงปู่วัดปากน้ำที่หน้าศาลาการเปรียญ ขณะที่หลวงปู่กำลังออกมาจากศาลาเพื่อกลับกุฏิ โดยผู้ร้ายได้ใช้ปืนยิงหลวงปู่ ทำให้กระสุนถูกจีวรท่านทะลุ 2 รู และผู้ร้ายก็เอาปืนยิงนายพร้อม ซึ่งเป็นอุปัฏฐากผู้ติดตาม ทำให้กระสุนถูกปากนายพร้อมทะลุแก้ม เป็นแผลสาหัส แต่ไม่ ถึงแก่กรรม
ครั้นภายหลังก็จับผู้ยิงได้ ชื่อนายรอด แต่หลวงปู่ท่านก็เมตตา ไม่ถือโทษโกรธ ไม่เอาเรื่องเอาความอะไรเลย แต่เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีด้านกฎหมายไม่ยอม จึงกราบเรียนหลวงปู่ว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เพราะหากไม่ทำตามกฎหมาย อีกหน่อยกฎหมาย จะไม่ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนายรอดที่ลอบยิงหลวงปู่ก็ติดคุกอยู่นาน จนกระทั่งถึงกำหนดวันที่นายรอดจะต้องออกจากคุก ซึ่งหลวงปู่ท่านได้เห็นในที่ และทักขึ้นว่า วันนี้นายรอดออกจากคุก แต่จะไม่รอด ซึ่งก็จริง ๆ คือ เมื่อนายรอดออกจากคุกมาแล้ว ก็โดนคู่อริยิงตายทันที
นับจากนั้น... ชื่อเสียงของหลวงปู่ก็โด่งดังขึ้นไปอีก จนมีศิษยานุศิษย์หันมาให้ความเคารพนับถือท่านอย่างล้นหลาม แต่คนไม่ชอบท่านก็ยังมีอยู่ จึงทำให้มีคนลอบวางยาพิษหลวงปู่โดยแอบใส่ในภัตตาหารของท่าน แต่หลวงปู่ท่านก็เห็นในญาณ ท่านจึงรู้ล่วงหน้าก่อนทุกครั้ง และถ้าสำรับอาหารไหนมียาพิษ หลวงปู่ท่านจะเอาช้อนเงินจุ่มลงไปเพื่อพิสูจน์ให้ดู แล้วช้อนเงินก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำทันที ตรงนี้ปู่ผง (น้องชายที่เป็นอุปัฏฐากของหลวงปู่) เคยเล่าให้น้าองุ่นฟังว่า มีครั้งหนึ่งหลวงปู่ท่านไม่ยอมบอก อยู่ ๆ ก็บอกแค่ว่า..ให้เอาอาหารในสำรับไปทิ้ง ทำให้อุปัฏฐากนึกเสียดาย ไม่ยอมทิ้ง เลยเอาไปวางไว้ก่อน แต่พอดีมีหมาแมวมากิน ทำให้หมาแมวตายทันที หลวงปู่จึงตำหนิ... พร้อมทั้งพูดว่า..ก็ในสำรับมันมี ยาพิษ !!
สิ่งที่น่าทึ่งมากก็คือ ผู้ที่แอบลอบวางยาพิษเพื่อทำร้าย หลวงปู่ไม่เคยทำสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังไม่มีใครทำอะไรท่านได้เลย ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หลวงปู่มีชื่อเสียงขจรขจายเลื่องลือขึ้นไปอีก คือ ดังอย่างไม่ต้องโหมโรง ทำให้ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ จนมีแต่คนบอกว่า หลวงปู่ท่านศักดิ์สิทธิ์จริง แต่หลวงปู่กลับบอกว่า “ธรรมกายต่างหากล่ะ..ที่ศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งถ้าพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของวิชชาธรรมกายแล้ว มีเรื่องหนึ่งที่ปู่ผงเล่าให้น้าองุ่นฟัง ในช่วงหลวงปู่ทำวิชชาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่า...
อยู่ ๆ ก็มีลูกระเบิดตกลงกลางวงฉัน ทำให้ทุกคนตระหนกตกใจกันมาก แต่หลวงปู่ท่านก็นิ่ง ๆ แล้วบอกว่า “ไหนให้ลองเอาระเบิดลูกนี้ไปพิสูจน์ดูสิว่า มันด้านรึเปล่า..?” ซึ่งปรากฏว่ามัน ไม่ด้าน..!! จึงเป็นเหตุทำให้เกิดความฮือฮาและแปลกใจกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชว่า แล้วทำไมมันถึงไม่ระเบิด!!! ซึ่งปู่ผงก็พูดว่า.. “ก็บุญและอานุภาพวิชชาธรรมกายล่ะซิ..” จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ และ หลังจากนั้นวิชชาธรรมกายก็ได้เผยแผ่อย่างกว้างไกลขึ้นไปอีก จนมีผู้หันมาสนใจนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมกันมาก และเข้าถึงพระธรรมกาย จนเกิดพยานทางศาสนาขึ้นอย่างมากมาย และกลายเป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่บัดนั้น...
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า หากวิชชาธรรมกายของหลวงปู่เป็นของเทียม คือ มิใช่ของแท้ หรือไม่ประกอบด้วยเหตุและผล หรือไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติแล้ว ถึงแม้จะโด่งดังได้..ก็จะโด่งดังเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แล้วก็จะดับไปในที่สุด
แต่ตรงกันข้ามวิชชานี้กลับสืบทอดกันมาเป็นมรดกอย่างช้านาน อีกทั้งยังรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ ทำให้มีผู้สนใจและปฏิบัติธรรมตามอย่างท่านมายาวนานกว่า 95 ปีแล้ว (เริ่มนับตั้งแต่ พ.ศ. 2460 ซึ่งเป็นปีที่หลวงปู่บรรลุธรรม ค้นพบวิชชาธรรมกาย)
Cr. ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ