ทำแท้งด้วยจำเป็น บาปหรือไม่

วันที่ 23 พย. พ.ศ.2549

 

คำถาม..  การทำแท้งด้วยความจำเป็น เช่น ผู้หญิงที่ถูกข่มขืน หรือขณะตั้งครรภ์ เกิดป่วย เป็นโรคหัดเยอรมัน ถ้าปล่อยให้เด็กคลอดออกมาก็จะพิการ การทำแท้งด้วย ความจำเป็นอย่างนี้ เป็นบาปหรือไม่เจ้าคะ ?

 

.....คำถามนี้หลวงพ่อเข้าใจว่า เป็นคำถามซึ่งค้างคาใจของหลายๆ คนที่กำลังฟังอยู่เหมือนกัน

 

คำตอบ..  ในเรื่องของการทำแท้งนั้น ไม่ว่าจะทำแท้งเพราะถูกข่มขืน หรือว่าขณะตั้งครรภ์เกิดป่วย เป็นโรคหัดเยอรมันก็ตาม ถ้าถามว่าบาปไหม ก็ตอบได้ชัดเจนลงไปเลยว่า เป็นบาปแน่นอน เพราะการทำแท้ง คือ การฆ่าคน เมื่อขึ้นชื่อว่าฆ่าเสียแล้ว ย่อมเป็นบาปทั้งนั้นถึงจะบอกว่า ถูกข่มขืน ไม่ได้เต็มใจที่จะท้องเลย หรือว่าเต็มใจ ที่จะมีครรภ์ในครั้งนี้ แต่ว่าเกิดป่วยเป็น โรคหัดเยอรมันขึ้นมา หากปล่อยให้เด็กคลอด ออกมา ก็เสี่ยงเหลือเกินที่เขาจะพิกลพิการ

 

.....ไม่ว่าจะเสี่ยง หรือไม่เสี่ยง จะเต็มใจที่จะมีครรภ์ หรือไม่เต็มใจ ถ้ามีการฆ่ากันเมื่อไหร่ ก็เป็นบาปเมื่อนั้น เพราะว่านิสัยโหดร้าย ได้เข้ามาในกมลสันดาน ของมนุษย์เสียแล้ว เนื่องจากมนุษย์นั้น มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าสัตว์ตรงที่ไม่ฆ่านี่เอง ถ้าถามว่า รักที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร มนุษย์ทุกคนตอบเหมือนกัน ทั้งโลกนั่นแหละ ว่ารักชีวิตของตัวเองที่สุด อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้หมูหมากาไก่ถ้ามันพูดได้ ไปถามเถอะ ว่ารักอะไรที่สุด มันก็ตอบแบบเดียวกับมนุษย์ คือรักชีวิตของมันที่สุด

 

.....ถึงมันจะไม่เคยบอกเรา แต่เราก็สามารถจะรู้ได้ ไม่เชื่อลองไปเงื้อมือ เงื้อเท้าทำท่าว่าจะตี จะทำร้ายมัน มันจะรีบวิ่งหนีไปทันที แสดงว่าสัตว์ทั้งหลาย ก็รักชีวิตของมัน ไม่น้อยไปกว่าเราเลย นั่นคือ ใครๆ ก็รักชีวิตของตนเอง เพราะฉะนั้น ใครๆ ก็ต้องไม่ฆ่าใคร ถ้าไปฆ่าใครเขาเข้า ก็เป็นบาป เพราะฉะนั้น แม้ลูกจะอยู่ในท้องของคุณ แล้วคุณก็ไม่อยากจะให้เขาเกิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่เมื่อเขามาเกิดในท้องของคุณ เขามีชีวิตแล้ว ถ้าคุณไปฆ่าเขา คุณก็บาป

 

.....หรือว่าก็อยากจะให้เขาเกิดหรอก แต่ถ้าปล่อยให้คลอดออกมา แล้วเขาพิการจะว่าอย่างไร พิการก็พิการ เพราะคนเราถึงพิการ อย่างไรคุณค่าของ ความเป็นคน ก็ยังดีกว่าสัตว์อยู่นั่นเอง

           

.....ยกตัวอย่าง เคยคิดกันบ้างไหม ว่าตัวของเรานี่แหละ ถ้าเกิดไปประสบอุบัติเหตุ ถึงกับต้องแขนขาด ขาขาด แถมเสียลูกนัยน์ตาไปอีก ๑ ข้าง ซึ่งถือว่าพิการอย่างหนักทีเดียว

 

.....ถามว่าเมื่อเคราะห์หามยามร้าย ต้องพิการขนาดนี้แล้ว น่าจะฆ่าตัวตายไหม ก็ไม่น่าฆ่าตัวตายหรอก เพราะถึงพิการอย่างไร ถ้าหากรักษาใจเป็น ใจก็ไม่ได้พิการไปด้วย

 

.....เมื่อใจไม่พิการ ก็สามารถสร้างบุญ สร้างกุศลต่อไปได้ เพราะว่าปากยังพูดได้ ยังสวดมนต์ได้ ศีรษะก็ไม่ถึงกับยุบ ยังสามารถศึกษาธรรมะได้ ถึงจะมีสภาพพิกลพิการอย่างไร ก็ยังดีกว่าสภาพของสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งหมดสิทธิ์ในการทำความดี

 

.....เพราะฉะนั้น อยากฝากไว้เป็นข้อคิดสำหรับคุณแม่ในอนาคตทั้งหลาย ไม่ว่ากรณีถูกข่มขืน หรือว่าเจ็บไข้ได้ป่วย กลัวว่าลูกที่คลอดมาแล้วจะพิกลพิการ ลูกเอ๊ย ปล่อยให้เขาเกิดออกมาเถิด

 

.....ในเมื่อหมูหมากาไก่ แม้กระทั่งมดปลวก ยังรักชีวิตของมันเลย แล้วลูกของเราที่อยู่ในท้อง เขาก็กลัวตายเหมือนกันนั่นแหละ

 

.....ส่วนที่ว่าถ้ากลายเป็นปัญหาของสังคมจะทำอย่างไร ปัญหาเหล่านี้ เช่น การถูกข่มขืน ความจริงนอกจากเป็น ปัญหาของสังคมแล้ว ยังเป็นเรื่องของ กรรมอีกต่างหากด้วย คือ

 

.....กรณีที่ ๑ การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะถูกข่มขืนนั้น สิ่งที่ตัวเองจะต้องมองก็คือ

 

.....๑. การแต่งเนื้อแต่งตัวของเราเหมาะสมหรือไม่ เราแต่งเนื้อแต่งตัว ล่อแหลมหรือไม่ เช่น ข้างบนก็เปิด ข้างล่างก็หดสั้นขึ้นมาสุดๆ อย่างที่เรียกว่า แต่งตัวไปล่อตะเข้ อย่างนี้โอกาสที่จะถูกข่มขืนก็มีไม่น้อย

     

.....๒. การวางตัวของเราเหมาะสมหรือไม่ การแต่งเนื้อแต่งตัวก็เรียบร้อยหรอก แต่ว่ากิริยาท่าทางของเรานั้น บาดหูบาดตาชาวบ้าน เขาเหลือเกิน เพราะพวกที่คิด ไม่ดีย่อมมีอยู่ในโลก จะไปห้ามไม่ให้เขาคิดไม่ดี เราห้ามไม่ได้ ที่ห้ามได้คือ ห้ามตัวเองที่จะไม่ไปทำอะไรที่ล่อแหลมให้ใครๆ เห็น

 

.....๓. ไปในที่ไม่ควรไปหรือไม่ การแต่งเนื้อแต่งตัว การวางตัวก็เหมาะสมดีแล้ว แต่ความระวังตัวที่จะไปในที่ไม่ควรไปมีหรือไม่

 

.....๔. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีหรือไม่ มีความระมัดระวังในทุกสิ่ง ทุกอย่างดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีหรือไม่

 

.....ถ้าหากทั้ง ๔ ประการที่กล่าวมานี้ เหมาะสมหมดทุกอย่าง อย่างนั้นก็เป็นกรรมเก่าของเราแล้วล่ะลูก เมื่อเป็นเรื่องกรรมเก่าก็ต้องยอมรับ แต่ว่าอย่าได้คิดที่จะไปฆ่าใครอีกเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นบาปซ้อนบาปขึ้นมาอีก คือกรรมเก่าเนื่องจากเวรกาเมฯ ที่ติดตัวมา จึงทำให้ถูกข่มขืน แล้วชาตินี้ยังมาฆ่าลูก ในท้องของตัวเอง สร้างเวรปาณาติบาต เพิ่มเข้ามาอีก แล้วเมื่อไหร่ถึงจะหมดเวรกันเสียที

 

.....เพราะฉะนั้น ในกรณีที่ถูกขมขืน จะไปแก้ไขที่ใครคนใดคนหนึ่งนั้นไม่ได้ คงต้องมองกันถึงระดับครอบครัว และระดับสังคม ว่ามีสิ่งใดบ้าง ที่จะเป็นสาเหตุุแห่งการยั่วยุทางเพศ ทำให้กามกำเริบได้ง่าย เมื่อพบแล้วก็ต้องรีบช่วยกันกำจัดออกไป

 

.....ยกตัวอย่าง การนุ่งการห่ม การแต่งเนื้อแต่งตัวของผู้หญิงไทยในขณะนี้ ช่างขาดความระมัดระวัง ชอบแต่งตัวโป๊ๆ เปลือยๆ กันเหลือเกิน

 

.....เมื่อเป็นอย่างนี้ แม้ว่าตัวเองจะไม่โดนข่มขืน แต่ว่าก็มีโอกาสที่ จะทำให้กามราคะของ ผู้ชายบางคนกำเริบ แล้วไปทำร้ายผู้หญิงอื่น ทำให้ผู้หญิงอื่น ต้องถูกข่มขืน สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ทั้งนั้น การแสดงโชว์ตามแหล่งอบายมุขต่างๆ ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นสิ่งยั่วยุให้กามราคะของมนุษย์กำเริบได้ง่าย ก็เลยทำให้คนดีๆ พลอยถูกข่มขืนไปด้วย

 

.....ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ตัวคุณหนู หรือลูกคุณโยม หลานคุณโยม จะมาแก้ไขกันเองตามลำพัง นี่เป็นปัญหาระดับสังคม ระดับประเทศชาติ ที่รัฐบาลและทุกคน ในประเทศต้องหันหน้ามาดูแล และหาทางแก้ไขกันต่อไป

 

.....กรณีที่ ๒ คุณผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ แล้วเกิดมาป่วยด้วยโรคหัดเยอรมัน ถ้าปล่อยให้เด็กคลอดออกมา เด็กอาจจะพิการได้ ในกรณีนี้ ก็อยากจะฝากไว้ว่า ต้องกู้สุขภาพกันให้ถึงที่สุด หาทางที่จะแก้ไขเจ้าลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ กันสุดๆ ก็แล้วกัน

 

.....ส่วนช่วยได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพราะถึงลูกที่อยู่ในท้อง อาจจะพิกลพิการไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับชีวิตมด ชีวิตปลวก ชีวิตสัตว์อื่นๆ ลูกของเราก็ยังมีคุณค่ากว่าเยอะ

 

.....เพราะฉะนั้น เปิดโอกาสให้เขาได้เกิดมาเก็บบุญ เก็บกุศล ติดตัวไปอีกสักหน่อย ถึงแม้ว่าแกอาจจะต้องลาโลกไปเร็วกว่าคนอื่นบ้าง ก็ช่างเถอะ

 

.....คิดเสียว่า สงสารสัตว์โลกที่จะต้องมาหมดโอกาส สร้างบุญ สร้างความดี เพราะน้ำมือของเรา ผู้ได้ชื่อว่าเป็นแม่เลย

 

.....หลวงพ่อเองก็คงจะฝากข้อคิดเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ กลับไปพิจารณาให้ดีก็แล้วกัน อย่าต้องกลายเป็นฆาตกรมือน้อยๆ กันเลย

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.018352417151133 Mins