กัณฑ์ที่ ๒๗
มงคลสูตร
จิตของผู้ที่โลกธรรมกระทบแล้วไม่หวั่นไหว๑
เป็นจิตไม่ยินร้าย๑
เป็นจิตไม่ยินดี๑
เป็นจิตเกษม๑
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ (๓ ครั้ง)
ผุฎฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ |
จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ |
อโสกํ วิรชํ เขมํ |
เอตมฺมงฺ คลมุตฺตมํ ฯ |
เอตาทิสานิ กตฺวาน |
สพฺพตฺถมปราชิตา |
สพฺพตฺถ โสตฺถํ คจฺฉนฺติ |
ตนฺเตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ ฯ |
ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงธรรมิกถาแก้ด้วยมงคลสูตร ในคาถาสุดท้ายสืบต่อไป จะชี้แจงแสดงตามวาระพระบาลี คลี่ความเป็นสยามภาษาตามมตยาธิบาย พอเป็นเครื่องประคับประคองฉลองศรัทธา ประดับสติปัญญา คุณสมบัติของท่านผู้พุทธบริษัท ทั้งคฤหัสถ์บรรพชิต บรรดามาสโมสรในสถานที่นี้ทุกถ้วนหน้า
เริ่มต้นแห่งมงคลสูตร ในภาถาท้ายว่า
ผุฏฺบสฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ
อโสกํ วิรชํ เขมํ เอตมฺมงฺคลมุติตมํ
ว่าจิตของบุคคลผู้ใด อันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว ย่อมไม่เศร้าโศก ย่อมปราศจากความขุ่นมัว เป็นแดนเกษมจากโยคะ ได้ชื่อว่าเป็นมงคลอันสูงสุด นี่เป็นเนื้อความของพระบาลี คลี่ ความเป็นสยามภาษาได้ความแค่นี้
ในคาถา
เอตาทิสานิ กตฺวาน สพฺพตฺถมปราชิตา
สพฺพตฺถ โสติถ คจฺฉนฺติ ตนฺเตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย กระทำซึ่งมงคลทั้งหลายเช่นนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง ย่อมถึงซึ่งความสวัสดีในที่ทั้งปวง ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด
นี่เป็นภาถาสุดท้าย ที่มงคลสูตรคลี่ความเป็นสยามภาษาได้ความเท่านี้ ต่อไปนี้จะอรรถาธิบายเป็นลำดับไป
จิตของบุคคลใดอันโลกธรรมถูกต้องแล้วไม่หวั่นไหว มีจิตเป็นตัวยืน และโลกธรรมทั้งหลายเป็นตัวจรโลกธรรมท่านจัดเอาไว้ ๘ อย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ติเตียน ทุกข์ จัดเป็นอิฎฐารมณ์ภาคหนึ่ง ลาภ ยศ สรรเสริฐ สุข นี้เป็นอิฎฐารมณ์ สิ่งเป็นที่นิยมน่าปรารถนาทั้งนั้น ที่เป็นอิฎฐารมณ์ อนิฎฐารมณ์นี้ของมีประจำโลก ถ้าโลกนี้มีอยู่ตราบใด ก็มีอยู่ตราบนั้น ถ้าโลกนี้ไม่มีอยู่ตราบใด ก็ไม่มีตราบนั้น อิฎฐารมณ์ อนิฎฐารมณ์ทั้ง ๒ อย่างนี้ ก่อนเราเกิดมา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เขาก็มีอยู่แล้ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ติเตียน ทุกข์ เขาก็มีอยู่แล้ว เขาไม่ได้หายไปทางไหน เขาประจำอยู่ในโลกนี้ เขาไม่ใช่ของใคร ใครจะถือเอาเป็นสิทธิ์ไม่ได้ เป็นของทั่วไปแก่มนาย์ที่เกิดมาในโลก หรือสัตว์ใด ๆ ที่เกิดมาในโลก ก็แบบเดียวกัน ส่วนลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นอิฎฐารมณ์นิยมชมชอบทั้งนั้น เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ติเตียน ทุกข์ เป็นอนิฎฐารมณ์ไม่นิยมชมชอบทั้งนั้น
เหตุนี้เราท่านทั้งหลายเมื่อมาประสบพบพุทธศาสนาแล้ว มีที่หลีกที่เลี่ยงแท้ ๆ แต่ว่าผู้ที่ไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ ก็ไม่รู้จะหลีกเลี่ยงไปไหน ท่าไหน อย่างไร ผู้ที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ก็รู้จักหลีกเลี่ยง ผู้ที่ได้ฝึกฝนใจในธรรมของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ก็มีท่าหลีกเลี่ยงในอิฎฐารมณ์ อนิฎฐารมณ์เหล่านี้ ถ้าไม่ได้ฝึกฝนใจในธรรมของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ ก็ไม่มีท่าจะหลีกเลี่ยง ถ้าว่าได้ฟังธรรมของสตบุรุษ หรือได้ฝึกฝนในธรรมของสัตบุรุษแล้วก็มีท่าที่จะหลีกเลี่ยง ถ้าไม่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ หรือได้ฝึกฝนในธรรมของสัตบุรุษแล้ว ก็ไม่มีท่าหลีกเลี่ยงอีกเหมือนกัน เหตุนั้น เราท่านทั้งหลาย ทั้งคฤหัสถ์สรรพชิต เมื่อรู้จักชนิดของอิฎฐารมณ์และอนิฎฐารมณ์เหล่านี้แล้ว มีที่หลีกเลี่ยงได้ จิตของเราที่จะรับนิฎฐารมณ์หรืออนิฎฐารมณ์ จิตหลีกเลี่ยงจากอำฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์เหล่านี้ ต้องบังคับจิตให้ดี จติของเราต้องมีที่ตั้ง ตั้งจิตเสียให้ดี ให้ถูกหลีกถูกฐานของที่ตั้งจิตเสียให้ดีแล้ว จะต่อสู้ซึ่งอิฎฐารมณ์และนิฏฐารมณ์เหล่านี้ได้ ถ้าว่าตั้งไม่ดีแล้วละก็จะต่อสู้อิฎฐารมณ์ อนิฎฐารมณ์ไม่ได้เลย
ตั้งให้ดีจะตั้งตรงไหน ? ต้องตั้งที่ตั้งของเชขา ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนาย์ ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ สะดือทะลุหลังขึงด้ายกลุ่มเส้นหนึ่ตึง ขวาทะลุซ้ายขึงด้ายกลุ่มเส้นหนึ่งตึงแค่กัน ตึงด้วยกันทั้งอสงเส้นตรงกลางจดกัน ตรงกลางที่จดกันของกลางนั่นแหละ ตรงนั้นเรียกว่า กลางกั๊ก ใจหยุดที่กลางกั๊กนั่นแหละ ถูกกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ หมั่นเอาใจจดอยู่ตรงั้นแหละ เริ่มต้นก็หมั่นอาใจจดอยู่ตรงนั้นแหละเสมอ จะนั่ง จะนอน จะเดิน จะกิน จะอื่ม จะมี จะทำ จะพูด จะอุจจาระ ปัสสาวะ ก็หยุดตรงนั้นเสมอ แล้วก็ไม่ค่อยจะอยู่ จดเถอะ จดหนักเข้า ๆ พอชินหนักเข้าก็ชำนาญ หนักเข้า ๆ ก็อยู่ พออยู่เท่นั้นยิ้มแล้วละเรา พอใจหยุดตรงนั้นเท่านั้น ยิ้มแล้วละ
พอใจหยุดเสียได้เท่านั้นแหละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ติเตียน ทุกข์ ไม่กระทบกระเทือนแล้ว เฉยเสียแล้วล่ะ ไม่อาดูรเดือดร้อนด้วยอิฎฐารมณ์-อนิฏฐารมณ์แล้ว ต้องทำใจให้หยุด พอหยุดเสียเท่านั้น ทั้งอิฎฐารมณ์อนิฏฐารมณ์ ทำอะไรไม่ได้ ตรงนั้นนั่นแหละ ถ้าทำใจให้หยุดตรงนั้นแล้วก็ได้ละ ถูกส่วนละ ถูกส่นเช่นนั้นละก็ สิ่งที่เป็นอิฎฐารมณ์ ลาภ ยศ สรรเสริฐ สุข เกิด ส่วนที่เป็นนิฎฐารมณ์ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ติเตียน ทุกข์ ไม่กระทบกระเทือน ทำให้จิตกระทบกระเทือนไม่ได้
ถ้าจิตเป็นขนาดนี้แล้ว บุคคลนั้น ถึงซึ่งความสูงสุดแล้ว ถึงซึ่งมงคลแล้ว เข้าถึงซึ่งเนื้อหนังมงคลแล้วเป็นตัวมงคลขึ้นแล้ว บุคคลนั้นเป็นตัวมงคลขึ้นแล้ว นี้อยากได้มงคลต้องทำอย่างนี้นะ ถ้าทำไม่ถูกอย่างนี้นะก็ไม่ได้มงคลทีเดียว ถ้าว่าอาดูรเดือดร้อนไปตามอิฎฐารมณ์ อนิฎฐารมณ์เป็นอัปมงคล แท้ ๆ อัปมงคลไม่ใช่เป็นแต่เฉพาะฆราวาสหญิงชายนะ ภิกษุสามเณรเหมือนกัน พอสงบไม่ลง ทำใจหยุดไม่ได้ก็เป็นอัปมงคลแท้ ๆ เมื่อรู้เช่นนั้น รู้จักละมงคล อัปมงคล เช่นนี้ นี้ต้องเพียรทำใจให้หยุดเข้าซี หยุดได้เวลาใดก็เป็นมงคลเวลานั้น ถ้าหยุดไม่ได้เวลาใดก็เป็นอัปมงคลเวลานั้น รู้จักชัดดังนี้นะ เมื่อรู้จักชัดดังนี้ละก็ นี่เป็นข้อที่หนึ่ง
ข้อที่สอง อโสกํ โศกน่ะเขาแปลว่าความผากความเผือด ความผากของใจ ความเผือดของใจ ความแห้งของใจ ความแห้งเผือดของใจนั้นเรียก่า โศก เขาแปลว่าความแห้ง โสโก โสจนา โสจิตฺตตฺตํ อนฺโต โสโก อนฺโต ปริโสโก แห้งเหือดโดยรอบ ผาดเผือดโดยรอบของใจนั้นเรียกว่าความโศก โศกนั่นแหละที่จะมีกับจิตของบุคคลใดขึ้นได้ ก็เพราะอาศัยใจน่ะ หยุด พอใจหยุดเข้าไปเวลาใด เวลานั้นโศกผอมลงไปทันที โศกนี่จะเกิดเวลใด? เวลาพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบใจ พลัดพรากจากพี่น้องวงศาคณาญาติใด ๆ หรือตายจากกันนั่นแหละ โศกเกิดละ พอโศกเกิดขึ้นเวลาใดใจผาดเผือด ข้างในน่ะไม่ได้แห่งผากแต่อย่างหนึ่งอย่างใด พอความโศกเกิดขึ้นเท่านั้นแหละแห่งไปทันทีทีเดียว คนมีเรี่ยวมีแรงคนอ้วนนั่นแหละหมดแรงนอนผลอยทีเดียว นั่นแหละความแห้งเหือดของใจละ ความโศกละ นี้ความโศกกระทบหัวใจเข้าแล้วเช่นนี้ ความโศกกระทบดวงใจเข้าแล้วเช่นนี้ เป็นไปตามอำนาจของความโศกแล้วต้องเป็นดังนี้ ต้องแก้ไขทันที ทำใจหยุดเสีย พอใจหยุดเสียเท่านั้นแหละไม่ยักโศกแต่นิดเดียว โลกธรรมจะมากระทบสักเท่าหนึ่งเท่าใดก็ไม่โศก เพราะใจหยุดเสียแล้ว
ไม่ใช่เท่านั้น ใจหยุดเสียแล้ว ริวรซํ ปราศจากความขุ่นมัว วิรชํปราศจากธุลี เร้าหมองก็ไม่มีแก่ใจเพราะใจหยุดเสียแล้ว ไม่เศร้าหมอง ไม่ขุ่นมัว แต่อย่งหนึ่งอย่าใดเลยทีเดียว ไม่เศร้างหมองไม่จขุน่นมัวเลยเพราะใจหยุดเสียแล้ว ถ้าใจไม่หยุดเสียแล้วโลกธรรมกระทบก็ไม่ได้ เศร้าหมองขุ่นมัวได้เพราะตัวโง่ไม่ทันกับดวงจิต โง่กว่าดวงจิต ไม่ทำจิตให้หยุดเสีย ทำจิตปล่อยไปตามอารมณ์ ไม่กินกับอารมณ์ เมื่อเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ติเตียนทุกข์ เข้าไประดมได้เช่นนี้ ก็ทำจิตให้เศร้างหมองขุ่นมัวไม่ผ่องใส เมื่อจิตไม่ผ่องใสนั่นลงโทษตัวเอง ไม่ใช่ลงโทษใคร ลงโทษตัวของตัวเอง นี่เป็นข้อที่สาม
ข้อที่สี่ เขมํ ถ้าว่าจิตหยุดเสียได้ละก็ เขมํ ทีเดียว เกษมผ่องใสเหมือนอย่างกับกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้าทีเดียว เกษมผ่องใสขนดนั้น จขิตเกษมผ่องใสเช่นนั้นแล้ว จิตดวงนั้นแหละตัวมงคลแท้ ๆ ที่เรียกว่ามงฺคลํ อุตฺตมํ นั่นแหละตัวมงคลแท้ ๆ เทียว เหตุเครื่องถึงซึ่งความเจริญจริง ถ้าจิตหยุดเช่นนั้นเสียแล้วละก็ เงินน่ะ ไม่ต้องหายาก-หาลำบากแต่อย่างไรหรอก ถ้าจิตผ่องใสขนาดนั้นแล้ว ไม่ต้องทำงานอะไรมากมายไปหรอก มันไหลเข้ามาเองนะ เงินน่ะไม่เดือดร้อน มีแต่เงินเข้า เงินออกไม่มีนะ ออกก็เล็ก ๆ น้อย ๆ เข้ามามาก ผ่องใสอย่งนั้นละก็ นั่นตัวนั้นเป็นตัวสำคัญทีเดียวแหละ ใจเป็นแดนเกษมอยู่เสมอไป อย่งนี้ให้ตั้งจิตให้อยู่ให้ดูของตัวไว้ให้ผ่องใสอยู่อย่งนั้น เงินทองไหลมาเป็นมงคลแท้ ๆ มงคลแปลว่าเหตุเครื่องถึงซึ่งความเจริญ ไม่ใช่เหตุเครื่องถึงซึ่งควมเสื่อม อัปมงคลเหตุถึงซึ่งความเสื่อมทราม แต่ว่ามงคลน่ะเหตุถึงซึ่งความเจริญ
นี่ถ้ารู้ทางดำเนินของพระพุทธศาสนาเช่นนี้แล้วละก็ ภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาพอบวชเข้าเป็นภิกษุสามเณรแล้ ไม่ต้องทำอะไร ต้องทำใจให้ใสเท่านั้นแหละ ทำใจใสแล้วก็เป็นใช้ได้ ถ้าใจไม่ใสภิกษุสามเณรนั้นใช้ไม่ได้ ยังเป็นภิกษุสามเณรแต่ภายนอก ภายในเป็นไม่ได้ พอใสภายในก็เป็นภิกษุสามเณรทีเดียว นั้นเป็นที่ไหว้ที่บูชาของมหาชนทีเดียว เป็นที่เคารพนบไหว้ทีเดียว ให้รู้หลักจริงดังนี้นะ ถ้ารู้จักหลักจริงดังนี้ละก็ นี่แหละข้อมงคล
แสดงมาต้งแต่ต้นโน้นเป็น ๓๘ ข้อตั้งแต่ อเสวนา มาจนกระทั่งถึงจิตเกษม เป็นแดนผ่องใสนี่เป็นมงคล ๓๘ ข้อ แต่ว่าสวดได้ ๓๗ เท่านั้นเอง เห็นจะไปคละกันกับข้อใดข้อหนึ่ง ผู้เรียงบาลีจะเคลื่อนคลาดแต่อย่างใดก็ไม่รู้ แต่นั้นเป็นเรื่องของบาลีท่าน แต่ว่าที่ยืนยันมงคลน่ะมี ๓๘ แต่ว่าถ้าตรวจจริงมี ๓๗ ข้อ นับทั้งที่แสดงมา ๔ ข้อนี้เข้าด้วย ในคาถาเบื้องท้ายของมงคลนี้ ในสี่ข้อนี้ ทำให้ใจหยุดใจนิ่งใส่ได้ละก็นั่นแหละ เอตมฺมงฺคลมฺตฺตมํ ในสี่ข้อและเป็นเหตุเครื่องถึงซึ่งความเจริญอันสูงสุด
เอตาทิสานิ กตฺวาน สพฺพตฺถมปราชิตา
สพฺพตฺถ โสตฺถิ คจฺฉนฺติ ตนฺเตสํ มงฺคลมฺตฺตมนฺติ
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายกระทำซึ่งมงคลเช่นนี้แล้ว ทั้ง ๓๘ ข้อนั้น มาปราชิตา สพฺพตฺถ ย่อมเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง มีแต่ชนะ ฝ่ายพ้ไม่มีเป็นเด็ดขาดทีเดียว ไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง โสตฺถิ คจฺฉนฺติ ย่อมถึงซึ่งควมสวัสดีในที่ทั้งปวง จะอยู่ในสถานที่ใด ๆ ย่อมมีแต่ความสวัสดีเรื่อย ๆ ไป จะอยู่ในถ้ำในภูเขา จะอยู่ในสถานที่ใดมีแต่ความสวัสดี ความอัปมงคลความชั่วร้ายไม่มี มีแต่คววามสวัสดีเป็นเบื้องหน้า ท่านจึงยืนยันว่า ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทั้งปวง
ตนฺเตสํ มงฺคลมฺตฺตมํ ข้อนั้น เป็นตุเครื่องถึงซึ่งความเจริญอันสูงสุดในธรรมวินัยของพระบรมศาสดา ใน ๓๘ ข้อที่แสดงมาจบแล้วนี้ นี่แหละเป็นมงคลในทางพุทธศาสนา ท่านจึงจัดเป็นบาลีคัมภีร์ใหญ่ ถ้าจะแสดงให้กว้างขวางออกไปทีละข้อ ๆ ใน ๓๘ ข้อนี้ต้องแสดงขนาด ๓๘ วัน ก็เห็นจะจบละ ๓๘ วัน นี่แสดงแต่เนื้อความของวาระพระบาลี คลี่ความเล็กน้อย ไม่กว้างขวางนัก
มงคลทั้งหลายเหล่านี้แหละ ที่เรานิยมยกย่องชมเชยสรรเสริฐกันนัก ทำอะไรก็ทำการเป็นมงคล มงคลซี มีการมีงานอะไร เลี้ยเหล้ากันคลึกทีเดียว นั่นมงคลหรือนั่น? เอาอัปมงคลไปดันเข้าเสียแล้ว แล้วบอกว่าเป็นมงคลด้วย มงคลแต่ปากน่ะ เนื้อหนังไม่ใช่มงคล เนื้อหนังเป็นอัปมงคล มงคลแต่ปาก ถ้ามงคลจริง ๆ ละก็ดังกล่าวแล้ว ๓๘ ข้อมาโน้น ต้องทำใจให้ใส ทำใจให้เป็นสุขทีเดียว
พอทำใจใส่ได้เท่านั้นแหละ เป็นหนทางไปสู่มรรคผลในนิพพานทีเดียว นิพฺพาน สจฺฉิ กิริยาย เพื่อจะกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ทำใจใส่เท่านั้น พอถูกส่วนเท่านั้นแหละอ้ายที่ใสแหนวอยู่นั่นแหละขยายส่วนออกไป ใจที่ใส่นั่นขยายส่วนออกไป แต่พอขยายส่วนได้ส่วนเท่านั้น ใจพอใสก็หยุดนิ่งอยู่ที่ใสนั่น หยุดในหยุด หยุดในหยุด หยุดในหยุด ที่ในหยุดนั่นแหละ พอถูกส่วนเข้าเท่นั้นแหละ เห็นดวงใสผุดขึ้นที่ใจหยุดนั่นแหละ เท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ใจก็หยุดอยู่ที่กลางดวง ดวงที่ผุดขึ้นเท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ หยุดกลางอยู่นั่น กลางของกลาง กลางของกลาง กลางของกลาง กลางของกลาง ซ้ายขวาหน้าหลังล่างบนนอกในไม่ไป นี่ที่เณรฝรั่งสำเร็จไปแล้วน่ะ สำเร็จไปแล้วก็ทำทางนี้แหละ แบบเดียวดังนี้ทีเดียว ไม่ได้ไปทางอื่น พอถูกส่วนเข้าเท่านั้นแหละผุดขึ้นอีกดวงหนึ่ง เขาเรียกว่า ดวงศีล เท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เท่ากัน ใจก็หยุดนิ่งอยู่กลาง ดวงศีล นั่นแหละ พอถูกส่วนเข้าผุดขึ้นอีกดวง ดวงเท่ากัน เท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตยืเรียกว่า ดวงสมาธิ หยุดอยู่กลาง ดวงสมิ กลางของกลางหนักขึ้นอีกพอถูกส่วนเข้าผุดขึ้นอีกดวงหนึ่ง เท่า ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์นี่เรียกว่า ดวงปัญญา หยุดอยู่กลางดวง ปัญญา นั่นแหละ พอถูกส่วนเข้าผุดยึ้นอีกดวงหนึ่งเข้าเรียกว่า ดวงวิมฺตติ เท่า ๆ กัน
หยุดอยู่กลางดวง วิมุตติ นั่นแหละ ถูกส่วนเข้าผุดขึ้นอีกดวงหนึ่งเรียกว่า ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่กลางดวง วิมุตติญาณทัสสนะ นั่นแหละ พอถูกส่วนเข้าก็เห็น กายมนุษย์ละเอียดนี่ตัวจริงนะ เห็นอย่างนี้แหละ แล้วก็ไปเรื่อยไปทีเดีย พอเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด อ้ายกายที่นอนฝันออกไป ไม่เคยเห็นมันเลยนี่ ทำไมมาเห็นมันเข้าล่ะ เมื่อเห็นเข้าเช่นนี้แล้วเราจะทำอย่างไร? อ้อ นี่มาอย่างไรกันล่ะ อ้อ มจากใจหยุด นั่นแหละก็เอาใจของกายมนุษย์ละเอียด
หยุดเข้าอีกนั่นแหละแบบเดียวกันไม่ได้มีเป็นสองไปละ พอหยุดถูกส่วนเข้าเท่านั้นแหละ เห็นดวงธัมมานุปัสนาสติปัฎฐาน ใสเท่าดวงจันทร์ดวงอาทติย์
หยุดอยู่กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าเห็น กายทิพย์
อ้อ อ้ายนี่กายฝันในฝัน กายของตัวเองแท้ ๆ จำได้เห็นหน้าเห็นตาจำได้ นี่เข้าถึงกายทิพย์แล้ว พอถึงกายทิพย์เท่านั้นมันก็รู้ทีเดียว อภิชฌา พยาบาทมิจฉาทิฎฐิ ของมนุษย์นี่ดับหมดแล้ว เหลือแต่โลภะ โทสะ โมหะ ในกายทิพย์ละ อ้อ อ้ายนี่กะเทาะกิเลสออกไปเป็นชั้นอย่งนี้หรือ ดังได้อย่างนี้เราไม่ต้องดับมันดับเองนี่ พอถูกส่วนเข้าก็ดับเองอย่างน้นแหละไม่ต้องไปดับ จะดับมันตั้งแต่หนุ่มจนแก่จนตาย ดับโลกโกรธหลงดับไม่ได้ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฎฐิดับไม่ได้ ต้องถอดไปเป็นชั้นอย่างนี้จึงจะดับได้ พอไปถึงกายทิพย์เข้าอภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฎฐิ ดับเหลือโลภะ โทสะ โมหะ ทั้งหยาบทั้งละเอียด
ใจกายทิพย์
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายทิพย์ พอหยุดถูกส่วนเข้าถึงดวงธัมมานุปัสสนะสติปัฎฐาน
หยุดอยู่กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าเห็น กายทิพย์ละเอียด
ใจกายทิพย์ละเอียด
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายทิพย์ละเอียด พอหยุดถูกส่วนเข้า ก็เห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน โตขึ้นเป็นลำดับนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิหยุดอยู่กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่นเข้าเข้าถึง กายรูปพรหม เลยกายทิพย์ไปเสียแล้วทั้งหยาบ ทั้งละเอียด นี่แหละโลภะ โทสะ โมหะหมดไป เหลือราคะ โทสะ โมหะ หนักขึ้นไป ละเอียดขึ้นไป ไปกำหนดยินดีในรูปฌานอรูปฌานโน่นแลหะคราวนี้
ใจกายรูปพรรณ
วันหยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายรูปพรหม ถูกส่วนเข้า เ ห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฌฐานโตขึ้นเป็นลำดับนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงธัมมานุปัสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก้เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้ถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมฺตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าเห็น กายรูปพรหมละเอียดชัด ๆ พอถูกส่วนเข้าก็เห็นกายรูปพรหมละเอียดทีเดียว
ใจกายรูปพรหมละเอียด
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายรูปพรหมละเอียด พอหยุดถูกส่วนเข้า ก็เข้าถึงดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐานนุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดอยู่กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
อยุดอยู่กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
อยุดอยู่กลาง ดวงปัญญา ถูกส่นเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าเห็น กายอรูปพรหมนี้ก็ ราคะ โทสะ โมหะหมดไปแล้วไม่เหลือเลย เหลือกามราคานุสัย ปกิฆานุสัย วิชฌานุสัยในกายอรูปพรหม
ใจกายอรูปพรหม
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายอรูปพรหม ถูกส่วนเข้า เห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดอยู่กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่นวเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง กายอรูปพรหมละเอียด
ใจกายอรูปพรหมละเอียด
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายอรูปพรหมละเอียด ถูกส่วนเข้าถึง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดอยู่กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็ขถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่กลางดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง กายอรูปพรหมละเอียด
ใจกายอรูปพรหมละเอียด
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายอรูปพรหมละเอียด ถูกส่วนเข้าถึง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดอยู่กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสนะ ถูกส่วนเข้าเห็น กายธรรมโคตรภู รูปเหมือนพระปฏิมากรเกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันช่องส่องเงาหน้า พอเข้าถึงกายธรรมเท่านั้นแหละ กามราคานุสัย ปฏิหานุสัย อวิชชานุสัย หมดแล้วไม่มีเลยหายไปหมด เหลือแต่สักกายทิฎฐิ วิจิกิจฉา สีสัพพตปรามาส ในกายโคตรภูบุคคล
ใจของธรรมกายโคตรภู
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายโคตรภู แต่ว่าดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายน่ะ หน้าตักธรรมกายโตเท่าไหนละ ก็วัดผ่าเส้นศูนย์กลางโตเท่านั้นกลมรอบตัวนะ ใหญ่ขึ้นไปทีเดียว ใจกายธรรมก็หยุดนิ่อยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกาย ก็เข้าถึงดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกาย ก็เข้าถึงดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้า พอถูกส่วนเข้าเท่านั้นก็เข้าถึงกายธรรมโคตรภูละเอียด หน้าตัก ๕ วา สูง ๕ วา เกตุดอกบัวตูมนะ กายธรรมโคตรภูละเอียดน่ะ วัดผ่าเส้นศูนย์กลาง ๕ วา กลมรอบตัว
ใจกายธรรมโคตรภูละเอียด
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายธรรมโคตรภูละเอียด ถูกส่วนเข้า ก็ถึงดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ธรรมกายพระโสดา หน้าตัก ๕ วา สูง ๕ วา เกตุดอกบัวตูมในหนักขึ้น นี่หมด สักกายทิฎฐิ วิจิกิจฉา สีสัพพตปรามาส เข้าถึงพระโสดาแล้ว สังโยชน์เบื้องต่ำหมดไป พอถึงพระโสดาแล้วแต่ยังมีกิเลสอยู่ กามราคะ พยาบาทยังมีอยู่
ใจธรรมกายพระโสดา
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายพระโสดา พอถูกส่วนเข้าเท่านั้น เห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน วัดผ่าเส้นศูนย์กลาง ๕ วา กลมรอบตัว
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่นวเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล เท่ากัน
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ธรรมกายพระโสดาละเอียดหน้าตัก ๑๐ วา สูง ๑๐ วา เกตุดอกบัวตูมใสหนักขึ้นไป
ใจธรรมกายพระโสดาละเอียด
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายพระดสดาละเอียด พอหยุดถูกส่นวเข้า เห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง สมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ พอถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ธรรมกายพระสกทาคาหน้าตัก ๑๐ วา สูง ๑๐ วา เกตุดอกบัวตูมใสหนักขึ้นไปพอเข้าถึงพระสกทาคาเท่านั้น ส่วน กามราคะพยาบาท อย่างยาบหมด เหลือแต่ละเอียด
ใจธรรมกายพระสกทาคา
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทให้เป็นธรรมกายพระสกทาคา พอถูกส่วนเข้า เห็นดวงธัมมานุปัสสนสติปัฎฐาน
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึงดวงศีล
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติญาณทักสสนะ ถูกส่วนเข้าก็ถึง ธรรมกายพระสกทาคาละเอียดหน้าตัก ๑๕ วา สูง ๑๕ วา เกตุดอกบัวตูมใสหนักขึ้นไป
ใจธรรมกายพระสกทาคา
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายพระสกทาคา พอถูกส่วนเข้า เห็นดวงธัมมานุปัสสนสติปัฎฐาน
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็ถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็ถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าก็ถึง ธรรมกายพระสกทาคาละเอียดหน้าตัก ๑๕ วา สูง ๑๕ วา เกตุดอกบัวตูมใสหนักขึ้นไป
ใจธรรมกายพระสกทาคาละเอียด
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็น ธรรมกาพระสกทาคาละเอียด ถูกส่วนเข้า เห็นดวงธัมมนุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติหยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง อรรมกายพระอนาคาหน้าตัก ๑๕ วา สูง ๑๕ วา เกตุดอกบัวตูมใสหนักขึ้นไป
ใจของธรรมกายพระอนาคา
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็น ธรรมกายพระอนาคา พอถึงแค่น้เข้า กามระคะ พยาบาท ชั้นหยาบชั้นละเอียดหมดแล้ว เหลือแต่รูปราคะ อรูปราคะมานะ อุทธัจจะ อวิชชา ในกายพระอนาคา ใจพระนาคาก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็น กายพระอนาคาถูกส่วนเข้าก็เข้าถึงดวงธัมมานุปัสสนะสติปัฎฐาน
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่ศูนย์กลาวง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาวง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาวง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ธรรมกายพระอนาคาละเอียด
ใจธรรมกายพระอนาคาละเอียด
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาวงดวงธรรมที่ทำให้เป็น ธรรมกาย พระนาคาละเอียดพอถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดอยู่ศูนย์กลาวง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่ศูนย์กลาวง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาวง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาวง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่ศูนย์กลาวง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดอยู่ศูนย์กลาวง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ธรรมกายพระอรหัต หนาตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา เกตุดอกบัวตูม เท่ากับธรรมกาย พระอนาคาละเอียด เท่ากัน พอถึงพระอรหัตก็หมดแล้ว รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะอวิชชานี่เรียกว่าเป็น สมุจเฉทปหาน เป็นพระอรหัตแล้วเป็นสมุทเฉทปหานกิเลสไม่ติดเท่าปลายผมปลายขน หมดกิเลสแค่นี้แหละ พอถึงพระอรหัตก็เสร็จกิจในพระธรรมวินัยของพระศาสดา
ใจพระอรหัต
ก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาวงดวงธรรมที่ทำให้เป็น พระอรหัต พอถูกส่วนเข้าก็เข้าถึงดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงศีล
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงศีล ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงสมาธิ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงปัญญา
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงปัญญา ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติ
หยุดอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้าเข้าถึง ธรรมกายพระอรหัตละเอียด หน้าตัก ๓๐ วา สูง ๓๐ วา เกตุดอกบัวตูมใสหนักขึ้นไป
ใจก็หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลาวงดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายพระอรหัตละเอียดนี้ เสร็จกิจในพระพุทธศาสนาพระสมณโคดมแค่นี้ ปฏิบัติไปเถอะถึงแค่นี้แล้วก็แล้วคะ เสร็จกิจทางธรรม ต่อไปไม่ต้องเรียนไม่ต้องศึกษา เรียกว่ารู้เห็นเกิดขึ้นแล้วแก่เราทีเดียว กิจที่จะต้องทำอีกต่อไป กิจเพื่อความเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องมีกระไรต่อไป ภพของเราต่อไปไม่มี หมดภพแล้วแค่นี้ นี่เสร็จกิจในพระพุทธศาสนา เมื่อรู้จักหลักอันนี้แล้วก็เป็นของไม่ยาก ของไม่ใช่ทำยาก แต่ว่าได้เพียรกันนักแล้ว ทำกันได้เห็นได้มากแล้วโสดา สกทาคา อนาคา อรหัต ทำมาได้ก็จริง แต่ว่าไม่ติด ไปติดอยู่แค่ โคตรภูเท่านั้นเอง ที่จะติดโสดาสกทาคา อนาคา อรหัต ไม่ติดหลุดเสีย เพราะเหตุอะไรจึงหลุดไป? มารเขารองราดเสีย เขาเอาละเอียดมารองราดเสีย ไม่ติด กำลังแก้อยู่ ผู้เทศน์นี่แหละเป็นตัวแก้ละ กำลังแก้ รวมพวกแก้อยู่ทีเดียว แก้ไขอ้ายละเอียดเหล่านี้ให้หมดให้ได้ หมดได้เวลาใดแล้วก็ โสดาจะติด สกทาคาจะติด อนาคาจะติด อรหัตจะติดแล้วจะเหาะเหินเดินอากาศกันได้ทีเดียว ว่าไม่ช้าน่ะ ไม่เกิน ๒๕๐๐ น่ะ คงจะสำเร็จกันแน่ ไม่คนใดก็คนหนึ่งละ ไม่ต้องสงสัยกันละ จะเอาให้ได้จริงได้จังเขียวหนา นี้ให้รู้จักหลักจริงอย่างนี้นะ
เณรฝรั่งชั่วบวชเณรเท่านั้นแหละ เป็นฝรั่งแท้ ๆ พอบวชเป็นเณรสำเร็จแล้ว ผู้เทศน์เป็นอุปัชฌาย์บอกว่าให้ไปตามโยมผู้ชายมา ที่ตายไปแล้วจำได้ไม่ใช่หรือตั้งแต่อายุ ๕ ขวบ แต่ว่าจำได้ เป็นจะมีรูปจำได้ ก็ไปตาม อุตส่าห์พยายามไปตาม ไปทูลพระพุทธเจ้าพระสมณโคดมก็ไปทูล แล้วก็ตอบว่ามาเกิดเป็นลูกสาวเขาเสียแล้ว เดี๋ยวนี้เป็นลูกสาวเขา อายุขนาดสัก ๑๐ ขวบได้ เป็นลูกสาวเขาเสียแล้ว ลูกสาวของตัวเองนั่นแหละ พ่อของตัวมาเกิดเป็นลูกสาวของตัว ถ้าแกจะประพฤติผิดในกามจึงมาเกิดเป็นผู้หญิงเสีย ผู้ชายกลายเป็นผู้หญิงต้องประพฤติผิดในกาม ถ้าไม่ผิดน่ะไม่เป็นผู้หญิงหรอก ชั่วบวชเท่านั้น
พระก็ดี เณรก็ดี ทำจริงเป็นทุกคนเท่านั้นแหละ จริงแค่ไหนล่ะจะเป็นทุกคนน่ะ? จริงแค่ชีวิตซิ เป็นทุกคน จริงอย่างไรล่ะ? นั่งลงไประเดี๋ยวก็ได้รู้จริงกันละ นั่งลงไป เมื่อยเต็มที เอ้าเมื่อยก็เมื่อยไป ปวดเต็มที เอ้าปวดก็ปวดไป ทนไม่ไหว เอ้าไม่ไหวก็ทนไป ทนให้ไหว มันจะแตกก็แตกเดี๋ยวนี้ ดับให้มันดับเดี๋ยวนี้ไม่ถอยเลย ไม่เอาจริงเอาจังต้องเป็นทุกคน ไม่ต้องไปสงสัยละ พระสิทธตถะราชกุมารทำมาแล้ว เอเลือดจะแห้งเหือดหมดไปไม่ว่า เหลือแต่กระดูกหนังช่างมัน นี่มันก็เป็นทุกคนเท่านั้น แต่นี่ไม่ถึงขนาดนี้นะซี พอนั่งไป พอปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาแล้ว แอดเสียแล้ว อ๋อยเสียแล้ว นอนเสียแล้ว เอาเช้านั่นแล้ว จะเอาของจริง ตัวไม่จริงแล้ว จะได้อย่างไร ต้องจริงซิ จริงเอาชีวิตเข้าแลกจึงจะได้สมความปรารถนาน่ะ ให้รู้เข้าใจของจริงอย่างนี้นะ เมื่อรู้เข้าใจของอย่างนี้ละก็ไม่ต้องสงสัยละ พึงรู้ชัดเถอะ บอกให้ตรง ๆ ไม่วงแวะเวียนไปทางหนึ่งทางใดละ ทางไปของพระพุทธเจ้าพระอรหัตแท้ ๆ เชียวละ เมื่อรู้แน่เช่นนี้ละก็ จงทำให้เป็น เป็นได้ทุกคนนั้นแหละ
ที่ชี้แจงแสดงมานี้ตามวาระพระบาลี คลี่ความเป็นสยามภาษา ตามมตยาธิบาย พอสมควรแก่เวลาเอเตน สจฺจวชฺเชน ด้วยอำนาจความสัจที่ได้อ้างธรรมปฏิบัติตั้งแต่ต้นจนอวสานนี้ สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต ขอความสุขสวัสดีจงบัเกิดมีแก่ท่านทั้งหลายบรรดามาสโมสรในสถานที่นี้ทุกถ้วนหน้า อาตมภาพ ชี้แจงแสดงมาพอสมควรแก่เวลา สมมุติยุติธรรมิกถาด้วยอรรถนิยมความเพียงเท่านี้ เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้