เรื่อง กว่าจะรู้สึก

วันที่ 04 กค. พ.ศ.2562


เรื่อง กว่าจะรู้สึก

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี  ฤาษีผู้ทรงอภิญญาท่านหนึ่ง พำนักอยู่ในหิมวันตประเทศ ท่านมีปกติอยู่ด้วยสุขในฌาน ครั้งหนึ่งท่านออกจากป่าหิมพานต์ เพื่อบริโภคโภชนะมีรสเค็ม รสเปรี้ยวบ้าง บรรลุถึงกรุงพาราณสีโดยลำดับ  แล้วพำนักอยู่ในพระราชอุทยาน รุ่งขึ้นกระทำสรีรกิจเสร็จแล้ว ครองผ้าเปลือกไม้ ห่มหนังเสือเฉวียงบ่า เกล้าผมเรียบร้อยแล้ว ทรงบริขาร เที่ยวภิกษาจารอยู่ในกรุงพาราณสี ถึงประตูพระราชนิเวศน์.
พระราชาทอดพระเนตรเห็น ทรงเลื่อมใสในอิริยาบถของท่าน รับสั่งให้นิมนต์มา ให้นั่งเหนืออาสนะอันมีค่ามาก ทรงอังคาสด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต ครั้นท่านกระทำอนุโมทนาแล้ว ทรงอาราธนาให้พำนักในพระราชอุทยาน.
พระดาบสก็รับการอาราธนา   ฉันในพระราชวัง ถวายโอวาทราชสกุล พำนักอยู่ในพระราชอุทยานถึง ๑๖ ปี.
อยู่มาวันหนึ่งพระราชาจะเสด็จไปปราบปรามความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในปัจจันตชนบท  ตรัสสั่งพระมเหสีพระนามว่า มุทุลักขณา ว่า เธอจงอย่าประมาท จงปรนนิบัติพระผู้เป็นเจ้าให้ดี  แล้วเสด็จไป.
ตั้งแต่พระราชาเสด็จไปแล้ว พระฤาษีก็ไปสู่พระราชวัง ตามเวลาที่ตนพอใจ.
อยู่มาวันหนึ่ง พระนางมุทุลักขณาทรงเตรียมอาหารสำหรับพระฤาษีเสร็จ ทรงดำริว่า วันนี้
พระคุณเจ้า คงมาช้า ก็ทรงสรงสนานด้วยพระสุคันโธทก ตกแต่งพระองค์ด้วยเครื่องประดับอลังการทั้งปวง ให้ลาดพระยี่ภู่น้อย ณ พื้นท้องพระโรง ประทับเอนพระกายรอพระฤาษีจะมา
ฝ่ายพระฤาษี กำหนดเวลาของตนแล้ว ออกจากฌานเหาะไปสู่พระราชนิเวศน์ทันที
พระนางมุทุลักขณา ทรงสดับเสียงผ้าเปลือกไม้ รับสั่งว่า พระคุณเจ้ามาแล้ว รีบเสด็จลุกขึ้น. เมื่อพระนางรีบเสด็จลุกขึ้น ผ้าที่ทรงเป็นผ้าเนื้อเกลี้ยงก็หลุดลง.
ขณะนั้น พระฤาษีเข้าทางช่องพระแกล แลเห็นรูปารมณ์อันไม่สมควรของพระเทวี ก็ทำลายอินทรีย์เสีย ตลึงดูด้วยอำนาจความงาม ที่นั้นกิเลสที่อยู่ภายในของท่านก็กำเริบ เป็นเหมือนต้นไม้
มียางที่ถูกมีดกรีด ทันใดนั้นเอง ฌานของท่านก็เสื่อม เป็นเหมือนกาปีกหักเสียแล้ว. พระฤาษียืนตลึงรับอาหารแล้ว ก็หาบริโภคไม่ เสียวสะท้านไปเพราะกิเลสทั้งหลาย ลงจากปราสาทเดินไปพระราชอุทยาน เข้าบรรณศาลา วางอาหารไว้ใต้ที่นอนอันเป็นกระดานเลียบ อารมณ์อันเป็นข้าศึกติดตาตรึงใจ ไฟกิเลสแผดเผาซูบเซียวเพราะขาดอาหาร นอนซมบนกระดานเลียบถึง ๗ วัน.
ในวันที่ ๗ พระราชาทรงปราบปรามปัจจันตชนบทราบคาบแล้ว เสด็จกลับมา ทรงประทักษิณพระนครแล้ว ยังไม่เสด็จไปพระราชนิเวศน์ทีเดียว ทรงพระดำริว่า เราจักพบพระผู้เป็นเจ้าก่อน ดังนี้แล้ว เสด็จเลยไปพระราชอุทยาน ทอดพระเนตรเห็นท่านนอน ทรงดำริว่า ชะรอยจะเกิดความไม่สบายสักอย่างหนึ่ง รับสั่งให้ทำความสะอาดบรรณศาลา พลางทรงนวดเฟ้นเท้าทั้งสอง
รับสั่งถามว่า พระผู้เป็นเจ้าไม่สบายหรือ ?
พระดาบสถวายพระพรว่า มหาบพิตร ความไม่สำราญอย่างอื่นไม่มีแก่อาตมภาพ แต่เพราะอำนาจกิเลส อาตมภาพมีจิตกำหนัดเสียแล้ว.
จิตของพระคุณเจ้า ปฏิพัทธ์ในนางคนไหน
จิตของอาตมภาพปฏิพัทธ์ในพระนางมุทุลักขณา.
พระราชารับสั่งว่า ดีแล้วพระคุณเจ้า ข้าพเจ้ายินดีถวายพระนางมุทุลักขณาแด่พระคุณเจ้า แล้วทรงพาพระดาบสเข้าพระราชนิเวศน์  ให้พระเทวีประดับพระองค์ด้วยเครื่องต้น เครื่องทรง งามสรรพ และได้พระราชทานแก่พระดาบส แต่เมื่อจะพระราชทานนั้น ได้ทรงพระราชทานสัญญาลับแด่ พระนางมุทุลักขณาว่า เธอต้องพยายามป้องกันพระผู้เป็นเจ้าด้วยกำลังของตน.
พระนางรับสนองพระราชโองการว่า เพคะ กระหม่อมฉันจักรักษาตนให้พ้นมือพระคุณเจ้า.
ดาบสก็พาพระเทวีลงจากพระราชนิเวศน์ เวลาที่จะออกพ้นประตูใหญ่ พระนางตรัสกะท่านว่า ท่านเจ้าค่ะ เราควรจะได้เรือน ท่านจงไปกราบทูลขอพระราชทานเรือนสักหลังหนึ่งเถิด
พระฤาษีก็ไปกราบทูลขอพระราชทานเรือน.
พระราชาพระราชทานเรือนร้างหลังหนึ่ง ซึ่งมนุษย์ใช้เป็นวัจจกุฏิ(ส้วม)
 ท่านก็พาพระเทวีไปที่เรือนนั้น
พระนางไม่ทรงประสงค์จะเข้าไป
ท่านทูลถามว่าเหตุไร จึงไม่เสด็จเข้าไป ?
เพราะเรือนสกปรก.
บัดนี้เราควรจะทำอย่างไร ?
พระนางรับสั่งว่า ต้องทำความสะอาดเรือนนั้น แล้วส่งดาบสไปสู่ราชสำนัก มีพระเสาวนีย์ว่า
ท่านจงไปเอาจอบมา เอาตะกร้ามา ครั้นดาบสนำมาแล้ว ก็ให้โกยสิ่งสกปรกและขยะเอาไปทิ้ง เสร็จแล้วให้ไปขนเอาโคมัยมาฉาบไว้ ครั้นแล้วก็ตรัสว่า ท่านต้องไปขนเตียงมา ขนตั่งมาแล้วให้พระดาบสขนมาทีละอย่าง มิหนำซ้ำ ยังแกล้งใช้ให้ตักน้ำและทำงานอื่นอีกด้วย.
พระฤาษีเอาหม้อไปตักน้ำมาจนเต็มตุ่ม เตรียมน้ำสำหรับอาบ ปูที่นอน.
ที่นั้น พระนางเทวีทรงจับพระดาบสผู้กำลังนั่งร่วมกันบนที่นอน ที่สีข้าง ฉุดให้ก้มลงมาตรงหน้าพลางตรัสว่า ท่านไม่รู้ตัวว่า เป็นสมณะหรือเป็นพราหมณ์เลยหรือ
พระดาบส กลับได้สติในเวลานั้นเอง. แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านไม่รู้ตัวเอาเสียเลย. ขึ้นชื่อว่ากิเลสทั้งหลาย กระทำความไม่รู้ตัวได้ถึงเพียงนี้. เมื่อท่านกลับได้สติ จึงคิดว่า ตัณหานี้เมื่อเจริญขึ้น จักไม่ยอมให้เรายกศีรษะขึ้นจากอบายทั้ง ๔ได้ เราควรถวายคืนพระนางเทวีนี้แด่พระราชา แล้วกลับเข้าสู่ป่าหิมวันต์ในวันนี้ทีเดียว ดังนี้แล้ว พาพระนางเทวีเข้าเฝ้าพระราชาถวายพระพรว่า ขอถวายพระพร อาตมภาพต้องการพระเทวีของพระมหาบพิตรแล้ว เพราะอาศัยพระนางผู้เดียว ตัณหาทุกอย่างจึงเจริญแก่อาตมภาพ ครั้งก่อนอาตมภาพ ยังไม่ได้รับพระราชทานพระเทวีมุทุลักขณา ของมหาบพิตรองค์นี้ อาตมภาพมีความปรารถนาอย่างเดียว เกิดความต้องการขึ้นอย่างเดียวเท่านั้นว่า โอหนอ เราพึงได้พระนาง แต่พออาตมภาพได้รับพระราชทานพระนาง ผู้มีพระเนตรแวววาว มีพระเนตรกว้าง มีดวงพระเนตรงามขำเข้าแล้ว ทีนั้นความปรารถนาข้อแรกของอาตมา ช่วยให้กำเนิดเกิดความปรารถนาสืบต่อเนื่องขึ้นไป เช่น ความปรารถนาเรื่องเรือน ความปรารถนาในเครื่องอุปกรณ์ ความปรารถนาในเครื่องอุปโภคต่างๆ  ก็ความปรารถนาของอาตมานั้นเล่า เมื่อพอกพูนเข้าอย่างนี้ จักไม่ยอมให้อาตมภาพยกศีรษะขึ้นได้จากอบาย  พอกันทีสำหรับพระนางนี้ ที่จะเป็นภรรยาของ
อาตมภาพ ขอมหาบพิตร จงรับมเหสีของมหาบพิตรคืนไป ส่วนอาตมภาพจักไปหิมพานต์.
ทันใดนั้นเอง พระดาบสก็ทำฌานที่เสื่อมไปให้เกิดขึ้นนั่งในอากาศแสดงธรรม ถวายโอวาทแด่พระราชา แล้วไปสู่ป่าหิมพานต์ทางอากาศทันที ไม่มาสู่ถิ่นของมนุษย์อีกเลย แต่เจริญพรหมวิหาร ไม่เสื่อมจากฌาน บังเกิดในพรหมโลกแล้ว.

Cr.ขุนพลไร้เงา
จบเรื่อง กว่าจะรู้สึก
พบกันใหม่โอกาสหน้า

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.022417533397675 Mins