เรื่องทำไมต้องโกหก

วันที่ 04 พย. พ.ศ.2562

เรื่องทำไมต้องโกหก

                 ข้าพเจ้าจำอายุตนเองในเวลานั้นไม่ได้ เข้าใจว่าต้องไม่เกิน ๖ ขวบ เพราะยังไม่ได้เรียนหนังสือในชั้นเรียน วันนั้นนั่งเล่นขายของอยู่คนเดียว ที่พื้นดินตรงเชิงบันไดบ้าน มีคนมาขอเช่านาแม่ สองคนคุยกับแม่อยู่บนบ้าน เสียงแม่พูดว่า
"เมื่อวานนี้มีคนทางหมู่บ้านท่าเสา เค้ามาขอเช่า ขึ้นค่าเช่าให้อีก...ถัง ชั้นก็ยังไม่ได้ตอบตกลงกับเค้าหรอกนะ จะต้องถามพ่อกุ่ม แม่นิ่ม ก่อน เพราะเป็นคนเช่าอยู่เดิม จะให้ราคาเพิ่มเหมือนคนที่มาขอเช่าเมื่อวานได้มั้ย ถ้าให้ไม่ได้ ปีนี้ชั้นต้องขอให้คนใหม่เค้าทำนะ เพราะหมดสัญญากันแล้ว"


อีกฝ่ายก็พูดว่า "ฉันก็จนมาก หนี้ก็มาก พี่ครูจะผ่อนผันให้อีกสักปีไม่ได้หรือ"
"ก็อยากจะผ่อนให้หรอก เห็นใจอยู่ เอาเป็นว่าขึ้นกว่าเดิมอีก  ซักนิดเถอะ อีก.. ถังนะ" แม่ตอบ
ผลที่สุดก็มีการตกลงกัน คนเช่านายกมือไหว้ขอบคุณครั้งแล้ว  ครั้งเล่า รำพันถึงความใจดีของแม่ข้าพเจ้าที่ยอมลดราคาลงบ้าง และไม่เปลี่ยนคนเช่าคนใหม่ แล้วพากันลากลับไป


ข้าพเจ้ารู้สึกสงสัยเป็นกำลัง เมื่อแขกไปกันหมดแล้ว ข้าพเจ้าจึงถามแม่ว่า
"แม่จ๋า แม่จ๋า เมื่อวานนี้หนูก็อยู่กะแม่ทั้งวัน หนูไม่เห็นมีใครมาบ้านเราซักคน แม่ว่ามีคนมาจากท่าเสา มาขอเช่านาของเรา หนูไม่เห็นเลย"

 

แม่หัวเราะขำในความช่างสังเกตของข้าพเจ้าแล้วพูดว่า
"ก็ไม่มีใครมาน่ะซีลูก แต่แม่ต้องพูดอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่พูดอย่างนั้น เราก็ไม่ได้ค่าเช่าเพิ่ม"


ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กเล็กเกินไป ยังไม่รู้จักว่าการพูดอย่างนั้นเรียกว่า "โกหก" จึงได้แต่เฝ้าครุ่นคิดงุนงง สงสัย
"เอ เรื่องที่ไม่มีจริง แต่เอามาพูดเหมือนเรื่องนั้นมี อย่างนี้มัน  ยุ่งยากจัง เราไม่ชอบการที่แม่ทำอย่างนี้เลย ทำไมนะ ถ้าเราต้องการค่าเช่านาเพิ่ม เราก็ขอจากคนเช่าตรงๆ ก็ได้ ทำไมต้องสร้างเรื่องขึ้นมา  อย่างที่แม่ทำนี่ ถ้าเป็นเรา เราจะสร้างได้อย่างไร จะเอาความคิดที่ไหนมาแต่งเรื่อง เมื่อโตขึ้นเราต้องดูแลที่นาเหล่านี้แทนแม่ เราจะพูดเรื่องที่ไม่มีเรื่องจริงๆ เกิดขึ้นอย่างที่แม่ทำให้เราดูอยู่นี่ เราจะสร้างได้อย่างไร  เราไม่ใช่ลิเกที่เล่นที่วัดนี่ จะได้แต่งเรื่องเก่ง เล่นให้คนดูร้องไห้ก็ได้  หัวเราะก็ได้"

 


ในเวลานั้นข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าการทำอย่างที่มารดาทำให้ดู  คือพูดเรื่องไม่จริงนั้น เป็นความยากลำบากอันยิ่งยวด ข้าพเจ้าไม่มีความสามารถทำได้ นี่เป็นความรู้สึกแท้จริง คือรู้ว่าเป็นของทำได้ยาก แต่ไม่รู้เรื่องการทำบาป คิดแต่ว่า ยากจัง ยากจัง เราทำไม่ได้ ทำไม่ไหวมัน  ยุ่งยากมาก แล้วหัวสมองเล็กๆ ของข้าพเจ้าก็คิดขึ้นมาเองในขณะนั้นว่า

เออ..ถ้ามีสมบัติอย่างที่ไร่ที่นาอย่างที่แม่มีอยู่ยังงี้ แล้วต้องแต่งเรื่องเหมือนลิเกที่วัดหลอกคนอย่างแม่ เราจะไม่ยอมเอาสมบัติพวกนี้เลย เราจะบอกแม่ให้ยกให้คนอื่นไปให้หมด เราทำอย่างแม่ไม่ได้
 

ข้าพเจ้าคิดเกลียดการโกหกมาตั้งแต่ตัวเล็กแค่นั้น พอโตรู้ความจึงทราบว่า การทำอย่างนั้นเป็นความชั่ว ก็ยิ่งไม่ชอบใจ เห็นว่าเป็นของไม่ดี ตนเองไม่ยอมทำ และถ้าเห็นใครทำก็จะพาลเกลียดคนที่ทำนั้นไปด้วย เพราะเหตุนี้คนที่รู้จักข้าพเจ้าใกล้ชิดดีจึงมักกล่าวถึง


บุคลิกลักษณะที่ถูกต้องอย่างหนึ่งของข้าพเจ้าคือการเป็นคน "ขวานผ่าซาก" พูดตรงไปตรงมา ไม่รู้จักโอนอ่อนให้พอดีพองาม เรื่องจริงความรู้สึกเป็นอย่างไรก็จะพูดจาบอกเล่าตรงออกมาอย่างนั้น ทำให้คนที่ไม่รู้จักกันดี  ไม่รู้อุปนิสัยใจคอ รู้สึกเกลียดชัง ไม่อยากเข้าใกล้ เพราะกลัวปากข้าพเจ้า 

 

นิสัยมาดีขึ้นบ้างในตอนมีอายุมากเกือบ ๔๐ ปี เป็นลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ท่านมีอายุอ่อนกว่าข้าพเจ้า ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปี แม้ท่านจะเป็นเด็กในสมัยเมื่อ ๒๐ กว่าปี
มาแล้ว ท่านก็สามารถวางตัวของท่านได้อย่างไม่มีที่ติ

 

ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส ท่านใช้วาจาสุภาพ สละ สลวย เมื่อต้องการตำหนิติเตียนผู้ใด  ท่านจะกล่าวชมส่วนดีงามของเขาเสียก่อน และกล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าเพิ่มส่วนที่บกพร่องอยู่ คือสิ่งใดบ้างก็จะเป็นคนบริบูรณ์ที่สุด ผู้ถูกติเตียนจะไม่รู้สึกเลยว่าถูกตำหนิ จะมองเห็นว่าท่านช่วยแนะนำวิธีแก้ไขข้อบกพร่อง  อันนับเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง


เมื่อข้าพเจ้าได้พบวิธีการของท่าน จึงได้รู้ถึงความเลวของตนเอง  ใครทำอะไรสิ่งใดไม่เหมาะไม่ควร ข้าพเจ้าก็จะตำหนิโครมลงไปตรงๆ เรื่องความดีอื่นๆ ของเขา เวลานั้นนึกไม่ออก ผู้ฟังจะรู้สึกเหมือนเขาถูกข้าพเจ้า
ด่า จึงโกรธเกลียด แทนที่จะเป็นผลดี กลายเป็นผลร้ายเสียหาย เป็นการสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว ขนาดมีครูบาอาจารย์เป็นตัวอย่างดังที่ว่ามานี้   ก็ยังแก้ข้อบกพร่องข้อนี้ของข้าพเจ้าได้ไม่หมด เผลอๆ ก็ปล่อยออกมา
เองอยู่บ่อยๆ


ด้วยนิสัยโผงผางตรงไปตรงมานี้เอง ในชีวิตของข้าพเจ้าจึงไม่ใคร่มีใครกล้ากล่าวมุสาวาทด้วย เพราะถ้าข้าพเจ้าจับได้จะไม่มีไว้หน้า  ถ้าไม่ต่อว่าเอาตรงๆ ก็จะเลิกคบกันไปทันที ดังนั้นประสบการณ์ที่จะเล่า
ไว้ในเล่มนี้จึงเป็นเพียงเรื่องที่คนอื่นกล่าวมุสากัน โดยมีเรื่องเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าเพียงบางส่วน ยกเว้นเรื่องแรกเกี่ยวข้องกับตัวข้าพเจ้ามากสักหน่อย

 

จากหนังสือ จากความทรงจำเล่ม2

อุบาสิกาถวิล วัติรางกูล

ชื่อเรื่องเดิม เรื่องโกหก

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.022582681973775 Mins