สามัญญผลเบื้องสูง...เข้าถึงคุณวิเศษและขจัดกิเลสไปตามลำดับ
ในลำดับนั้นเอง พระพุทธองค์จึงทรงแสดงสามัญญผลที่ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น จนถึงขั้นสูงสุด อันได้แก่ วิชชา ๘ ประการซึ่งเป็นการเข้าถึงคุณวิเศษต่าง ๆ และบรรลุมรรคผลไปตามลำดับ ตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี จนกระทั่งขจัดกิเลสจนหมดสิ้นเป็นพระอรหันต์ในที่สุด ซึ่งผู้ที่จะเข้าถึงวิชชา ๘ ประการนี้ได้
จิต ของผู้นั้น ต้องมีความตั้งมั่นในระดับ ฌานสมาบัติดังที่พระพทุธองค์ตรัสแสดงไว้ว่า “เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีกิเลสเพียงดังเนินปราศจากความเศร้าหมอง อ่อน เหมาะแก่การใช้งาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้” จากนั้นจึงค่อยน้อมใจไปเพื่อวิชชา ๘ ประการ อันได้แก่
๑) วิปัสสนาญาณ
๒) มโนมยิทธิญาณ เนรมิตกายที่เกิดแต่ใจ ๓) อิทธิวิธญาณ แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง
๔) ทิพพโสตธาตุญาณได้ยินเสียงด้วยหูทิพย์อันบริสุทธิ์เหนือมนุษย์
๕) เจโตปริยญาณกำหนดรู้จิตของสัตว์และคนอื่นด้วยจิตของตน
๖) ปุพเพนิวาสานุส สติญาณ ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ
๗) จุตูปปาตญาณ เห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติและกำลังเกิด
๘) อาสวักขยญาณ๑
สำหรับวิชชา ๘ ประการสุดท้าย คือ อาสวักขยญาณ เมื่อผู้เจริญสมาธิภาวนา สามารถประคองจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่ยิ่งขึ้นต่อไปอีก จิตย่อมบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสและอุปกิเลส จิตจึงผ่องแผ้วสว่างไสวถึงที่สุด ยังผลให้บรรลุญาณหยั่งรู้อริยสัจ ๔ รู้ว่าจิตของตนหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวงแล้ว นั่นคือ บรรลุอรหัตตผลซึ่งเป็นสามัญญผลขั้นสูงสุด ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระเจ้าอชาตศัตรูดังนี้
“เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีกิเลสเพียงดังเนิน ปราศจากความเศร้าหมอง อ่อน เหมาะแก่การใช้งาน ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ภิกษุนั้น น้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธนี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา นี้อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา เมื่อเธอรู้เห็นอยู่อย่างนี้จิตย่อมหลุดพ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ และอวิชชาสวะ เมื่อ
จิตหลุดพ้นแล้วก็รู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”๒
อานิสงส์หรือสามัญญผลในข้อนี้เอง เป็นผลของการบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาขั้นสูงสุด ประณีตที่สุด ก้าวล่วงจากสมมติสงฆ์เข้าสู่ภูมิของพระอริยสงฆ์ เป็นพระสงฆ์สาวกผู้สมควรกับสังฆคุณทั้ง
๙ ประการ สมดังพุทธดำรัสที่ว่า “ไม่มีผลแห่งความเป็นสมณะที่เห็นประจักษ์อย่างอื่นที่ยอดเยี่ยมกว่าหรือประณีตกว่าผลแห่งความเป็นสมณะที่เห็นประจักษ์นี้เลย”๓
"อานิสงส์ขั้นสูงสุดของการบวชในพระพุทธศาสนา ย่อมทำให้ผู้บวช
ก้าวล่วงจากสมมติสงฆ์เข้าสู่ความเป็นพระอริยสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ"
เชิงอรรถ อ้างอิง
๑ ศึกษาเพิ่มเติมในรายละเอียดของ วิชชา ๘ ได้ใน ที.สี. ๙/๒๓๔-๒๔๙/๗๗-๘๔ (แปล.มจร)
๒ ที.สี. ๙/๒๔๘/๘๔ (แปล.มจร)
๓ ที.สี. ๙/๒๔๙/๘๔ (แปล.มจร)
จากหนังสือ ที่สุดแห่งธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ 3
โดยคุณครูไม่เล็ก