หนี้

วันที่ 13 เมย. พ.ศ.2563

หนี้
 

                กาลครั้งหนึ่งไม่นานนัก มีเด็กชายคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่กับปู่ของเขาในกระท่อมเล็กๆ เเถบชานเมือง ซึ่งถึงเเม้ฐานะของพวกเขาจะยากจน เเต่เด็กชายก็ไม่รู้สึกเป็นทุกข์ร้อนอันใด เพราะเเค่มีข้าวกินอิ่ม มีเสื้อผ้าสะอาดๆใส่ เขาก็คิดว่ามีความสุขมากเเล้ว
 
                 ปู่ของเขาทำอาชีพจับปลา เพื่อส่งสินขายให้กับร้านค้าในเมือง ซึ่งโดยปกติเเล้ว ปู่ของเขาเมื่อจับปลามาได้ก็จะส่งต่อให้กับร้านค้าขาประจำที่อยู่ในเมืองด้วยตนเอง ซึ่งบางครั้งก็ได้พาหลานชายติดสอยห้อยตามไปด้วย เป็นอย่างนี้เรื่อยมา

                 อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อปู่ของเด็กชาย เห็นว่าหลานชายโตพอที่จะช่วยเหลือการงานต่างๆได้เเล้ว จึงได้ตัดสินใจใช้ให้เด็กชายไปส่งในเมืองให้เเทน

ปู่ : "นี่หลานเอ๋ย เดี๋ยวนี้เจ้าก็โตขึ้นมากเเล้ว น่าจะพอช่วยเหลืองานที่ยากๆได้เเล้ว เจ้ายังจำจะพอร้านค้าเจ้าประจำ ที่ปู่พาเจ้าไปส่งปลาด้วยกันหรือไม่"

เด็กชาย : "จำได้ครับ ท่านปู่ "

ปู่ : "ถ้าอย่างนั้น วันนี้เจ้าเอาปลาไปส่งให้กับร้านในเมืองเเทนปู่หน่อยนะ เมื่อส่งเขาเเล้วก็อย่าเเล้วเก็บเงินค่าปลากลับมาให้ด้วยล่ะ"

เด็กชาย : "ได้ครับท่านปู่ "

 

             เด็กชายเดินเข็นรถเข็นไปส่งปลาด้วยความขยันขันเเข็ง  พวกเพื่อนบ้านในละเเวกนั้น ได้เห็นเด็กชายเดินทางออกจากบ้านคนเดียว ก็ได้ถามด้วยความเอ็นดูว่า

เพื่อนบ้าน : "อ้าว เจ้าหนู  วันนี้ไม่ไปส่งปลากับท่านปู่ของเจ้าเหมือนเคยหรอกรึ "

เด็กชาย :  "ท่านปู่บอกว่า เดี๋ยวนี้ข้าโตเเล้ว ช่วยเหลืองานต่างๆได้เเล้ว เลยให้ข้าไปส่งปลาคนเดียวก็พอ"

เพื่อนบ้าน : "อือ จริงๆด้วย  ท่านปู่ของเจ้า นี่โชคดีจังนะ ที่มีหลานชายช่วยเเบ่งเบาภาระได้เเล้ว"

 

             เด็กชายเดินทางต่อไป ด้วยความเบิกบานใจ เมื่อไปถึงร้านอาหารในเมือง

เด็กชาย :  "เถ้าเเก่ ข้าเอาปลามาส่งให้ครับ"

เถ้าเเก่ : "อือ ขอบใจมาก เอาไปวางไว้ที่หลังร้านเลย เดี๋ยวข้าจะเอาเงินมาจ่ายให้ "

 

             เมื่อเด็กชายนำปลาไปส่งที่ร้านอาหารเสร็จเรียบร้อยเเล้ว ขณะที่กำลังจะเดินกลับ เด็กชายก็ได้สังเกตเห็นว่า ผู้คนในเมืองนั้น มีเเต่คนเเต่งตัวกันดีๆ ดูหรูหรากันทั้งนั้นเลย ต่างกันเขาที่เเต่งตัวมอซอ เเละเสื้อผ้าตัวเก่าๆทุกวัน 

เด็กชาย : "ทำไม ผู้คนในเมืองถึงมีเเต่คนเเต่วตัวกันดีๆ กันทั้งนั้นเลยนะ "

 

              บังเอิญเด็กชายก็ได้ยิน ชายสองคนที่เเต่งตัวเหมือนคนมีฐานะ นั่งกินอาหารอยู่กำลังคุยกันว่า

 

ชาย 1 : "บอกตามตรงเลยว่า ข้าเนี่ย เสื้อก็ต้องยี่ห้อ รองเท้าก็ต้องมียี่ห้อ ไม่อย่างนั้น ไม่กล้าออกจากบ้าน "

ชาย 2 : "ใช่ๆ เดี่ยวนี้ข้า ต้องเเต่งตัวให้ดูดีมีฐานะหน่อย คนเขาจะได้นับหน้าถือตา "

ชาย 1 : "ถูกต้องที่สุดเลย  ฮ่า ฮ่า ฮ่า " 

 

              ด้วยความสนใจ เด็กชายจึงได้เดินทางเข้าไปไต่ถามชายทั้งสองว่า

เด็กชาย : "ท่านพี่ชายทั้งสอง ทำอย่างไร  พวกท่านจึงมีเครื่องกายอย่างนี้มาใส่ได้  "

ชาย 1 : "ก็ต้องซื้อหาเอาน่ะสิ "

เด็กชาย : "โห อย่างนี้พวกท่าน ก็ต้องมีฐานะร่ำรวยมากน่ะสิ ถึงได้หาซื้อของเเพงๆเเบบนี้ มาใส่ได้   ปู่ของข้าจับปลาทั้งวัน ยังได้เงินนิดเดียวเอง อย่างนี้คงต้องเก็บเงินนานเลย จึงจะมีโอกาสดีๆ ได้ใส่ของดีๆอย่างพวกท่านได้ " 

ชาย 1 : "ไม่จำเป็นหรอก เจ้าไม่รู้เหรอ เดี๋ยวนี้เขามีระบบเงินกู้ อยากได้ก็กู้เงินมาซื้อก่อน เเล้วค่อยทะยอยผ่อนใช้เขา "

ชาย 2 : "ใช่ๆ ผ่อนวันละนิด วันละหน่อยก็ได้ สบายจะตาย เเทบไม่รู้สึกเลยว่า ได้เสียเงินด้วยซ้ำ"

ชาย 1 : "อืม ระบบเงินเขากู้ เหมือนไม่ต้องจ่ายอะไรเลย"

เด็กชาย :  "เเล้วเราจะหาระบบเงินกู้ ได้อย่างไร"

ชาย 1 : "ก็ไปที่บ้านของท่านเศรษฐี"

 

             เด็กชายได้ยินอย่างนั้น จึงรีบเดินทางไปที่บ้านของเศรษฐีทันที .. ขณะนั้นเศรษฐีกำลังนั่งคุยธุระกับเฉินกุ้ยเซียน อยู่ในบ้าน  เมื่อเศรษฐีเห็นเด็กชายเข้ามาหา 

เด็กชาย : "ท่านเศรษฐีขอรับ ข้าน้อยมีเรื่องอยากรบกวน "  

 

ท่านเศรษฐีจึงได้ขอตัวออกไปคุยด้วย

เศรษฐี : "ท่านอาจารย์เฉิน ข้าขอตัวสักประเดี๋ยวนะ เดี๋ยวข้ากลับมาคุยต่อ"

เฉินกุ้ยเซียน : "เชิญท่าน ตามสบาย"

 

เศรษฐี : "ว่ายังไงเจ้าหนู มีธุระอะไรกับข้าอย่างนั้นหรือ"

เด็กชาย :  "ข้าน้อย อยากมาขอกู้เงินกับท่านสักหน่อย"

 

เศรษฐีเมื่อได้ยินก็รู้สึกขบขันขึ้นมาทันที เขาจึงได้ตอบไปอย่างเอ็นดูว่า

 

เศรษฐี : "กู้เงินอย่างนั้นรึ  เด็กอย่างเจ้า จะเอาเงินไปทำอะไร"

เด็กชาย :  "ข้าน้อยอยากเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องเเต่งกายใหม่ ให้เเพงๆ หรูๆ หน่อย จะได้ดูดีเหมือนคนอื่นเขาบ้าง"

เศรษฐี : "โห เห็นคนอื่นมี เลยอยากมีมั่ง อย่างนั้นหรือ เเล้วเจ้าต้องการจะกู้สักเท่าไรล่ะ"

เด็กชาย :  "เอ่อ ..สัก 50 ตำลึงครับ"

 

               เศรษฐีได้ฟังดังนั้น ก็ได้จ้องมองสีหน้าเเละเเววตาสักครู่ เเล้วเขาก็ยิ้มอย่างมีเมตตา พร้อมกับเอ่ยว่า

เศรษฐี : "หืม ตกลง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถนำเงินมาจ่ายคืนให้ข้าได้ เอาอย่างนี้ครั้งนี้ข้าจะให้เจ้ากู้โดยไม่คิดดอกเบี้ยเลยก็เเล้วกัน เเต่เจ้าจะต้องมาจ่ายคืนให้ตรงเวลานะ หากเบี้ยวนี่ล่ะก็ ข้าจะไปเเจ้งมือปราบ ไปจับเจ้าเข้าตาราง "

เด็กชาย :  "เย้ ขอบคุณมากครับ ท่านเศรษฐี "

              เด็กชายรับเงินมาด้วยความดีใจ เมื่อรับเงินเเล้ว เขาก็ขอตัวจากไปทันที

เฉินกุ้ยเซียน : "มีธุระเรื่องอันใดรึ ท่านเศรษฐี"

เศรษฐี : "อ้อ  เด็กคนนั้นน่ะ มาขอกู้เงิน 50 ตำลึงน่ะท่าน ข้าก็เลยให้ไป"

เฉินกุ้ยเซียน : "เเล้วท่านคิดว่า เด็กคนนั้น จะสามารถนำเงินมาจ่ายคืนให้กับท่าน ได้อยู่หรอกหรือ "

เศรษฐี : "เงินเเค่ 50 ตำลึงนั้น จะได้คืนหรือไม่ ข้าก็มิได้ใส่ใจหรอก เเต่ข้าดูจากเเววตาอันมุ่งมั่น ของเด็กชายคนนั้นเเล้ว ทำให้ข้านึกตัวข้าสมัยยังเด็ก สมัยที่ข้ายังยากจน เเละหลงผิดในเรื่องเงินจนเกือบเอาตัวไม่รอด ข้าเชื่อว่าเงินก้อนนี้จะให้บทเรียนสำคัญในชีวิตเเก่เขาได้  "

 

            เมื่อเด็กชายได้รับเงินไปเเล้ว ก็นำเงินไปซื้อเสื้อผ้าเเต่งกายใหม่ ตามที่เขาตั้งใจไว้ทันที 

เด็กชาย : "ท่านคนขาย ช่วยจัดชุดใหม่สวยๆ พร้อมเครื่องประดับที่ใส่เเล้วหล่อๆเท่ห์ๆ ให้ข้า 1 ชุด "

คนขาย : "ได้เลยครับ คุณหนู"

เด็กชาย :  "หืม การกู้เงินนี้ดีจริงเล้ย ทำให้เรามีสิ่งของเครื่องใช้ใหม่ดังปรารถนา ที่ท่านปู่ก็ไม่เคยซื้อให้"

 

             เมื่อเด็กชาย ได้เสื้อผ้าสวยๆ อย่างที่ตั้งใจเเล้ว เขาก็ตั้งใจเดินออกมาเพื่ออวดคนในเมืองทันที

ชาย 1 : "โห เด็กน้อยเจ้าดูดีขึ้นมากเลย ยังกับเป็นคุณหนูเลย "

ชาย 2 :  "ใช่ๆ ดูดี มีชาติตระกูล มาสิ มาร่วมนั่งวงสังสรรค์กันด้วยกัน"

เด็กชาย :  "ได้เลย "

ชาย 1 : "เถ้าเเก่มารับรายการอาหาร จากคุณหนูหน่อยเร็ว "

เถ้าเเก่ : "ได้คร้าบบ "

             เด็กชายนั่งร่วมวงกับชายทั้งสอง เเละสั่งอาหารเเพงๆ มากินกัน อย่างสำราญใจ .. สักพักต่อมา ก็ได้มีขอทานผู้หนึ่ง เดินเข้ามาเพื่อขอทาน

ขอทาน : "นายท่าน โปรดเมตตา คนยาก คนจนด้วยเถิด"

ชาย 1 : "นี่ ไปให้พ้นนะ อย่ามาใกล้ข้า เดี๋ยวทำให้เสื้อผ้าของพวกข้าเปรอะเปรื้อน"

ชาย 2 :  "ใช่ๆ ดูสารรูป ดูการเเต่งตัว อย่างนี้ จนอย่างเดียวไม่พอ ต้องไม่มีกินด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า "


           ขอทานได้ฟังดังนั้น ก็ก้มหน้าเเละหันหลังกลับ เเต่ก่อนที่จะเดินจากไป ขอทานผู้นั้นก็ได้เดินกลับมา เเล้วเอ่ยถามว่า 


ขอทาน : "พวกท่านเเต่งตัวหรูหรา เเถมยังได้กินอาหารเเพงๆ บอกข้าหน่อยเถิดว่า พวกท่านหาเงินมาจากไหนเหรอ"

ชาย 1 : "พวกข้าก็ไปกู้มาน่ะสิ"
ชาย 2 : "ใช่ๆ"
ขอทาน :  "ถ้าอย่างนั้น พวกท่านก็จนกว่าข้าเสียอีก "

 

             เมื่อชายหนุ่มทั้งสอง ได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที

ชาย 1 :  "โถ พูดออกมาได้ พวกข้าจะจนกว่าขอทานอย่างเจ้าได้อย่างไร "

ชาย 2 : "ใช่ พูดพล่อยๆ ดูการเเต่งตัว ก็ต่างกันลิบลับเเล้ว"

ขอทาน :  "ถึงเเม้ว่าข้าจะจน เเต่ก็ไม่ได้เป็นหนี้เป็นสิน ข้าไม่มีเงิน เเต่พวกเจ้าเงินติดลบ ใครกันเเน่ล่ะที่จนกว่ากัน ขอทานอย่างข้ายังคิดได้เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

           เมื่อขอทานพูดเเล้ว ก็ได้เดินจากไป ทิ้งให้ทั้ง 3 คน อึ้ง! จนนึกอะไรไม่ออก

 

ชาย 1 : "เมื่อกี้พวกเรายังกลายเป็นร่ำรวยอยู่เลย เเต่ตอนนี้พวกเราจนกว่าขอทานอีกหรือนี่"

ชาย 2 : "ข้าก็เริ่มรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันเเล้วล่ะ ข้าว่าพวกเราเเยกย้ายกันทำมาหากิน ไปหาเงินใช้หนี้พวกเขากันดีกว่า"

ชาย 1 : "อือ ดีเหมือนกัน เราเเยกย้ายกันเถอะ เจ้าหนู"

ชาย 2 : "เถ้าเเก่เก็บเงิน"

               เเละเเล้วทั้งหมดก็ต่างเเยกย้ายกันไป ..

 

              บัดนี้เด็กชายเริ่มคิดได้ว่า "เเล้วเราจะหาเงินที่ไหน ไปใช้คืนกับท่านเศรษฐีล่ะทีนี้ ท่านปู่ก็คงไม่มีเงินมาให้ข้าอย่างเเน่นอน"

             เด็กชายเดินทางกลับบ้านด้วยความทุกข์ใจ เเละเปลี่ยนเอาเสื้อผ้าชุดเดินมาใส่ เเละไม่ได้บอกเรื่องราววันนี้ให้ปู่ของเขารู้ ได้เเต่ถามว่า 

เด็กชาย :  "ท่านปู่ หากข้าอยากมีเงินมากๆ จะต้องทำอย่างไร อย่างนั้นหรือครับ"

ปู่ : "ปู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าปู่รู้ ปู่ก็คงรวยมาตั้งนานเเล้ว "

 

             วันต่อมาเด็กชาย จึงได้ขอนุญาติปู่ของเขา เพื่อออกไปงานทำในเมือง

เด็กชาย : "ข้าอยากออกไปหางานทำในเมือง"

ปู่ : "ทำไมรีบนักเล่า เจ้ายังเป็นเด็กอยู่เลยนะ "

เด็กชาย : "ข้าไม่เด็กเเล้วล่ะ ข้าอยากมีเงินเยอะๆ จะได้มาช่วยเเบ่งเบาภาระท่านอย่างไรล่ะ"

ปู่ : "ถ้าอย่างนั้น ก็ลองดู เเต่ถ้าทำไม่ไหว ก็ไม่ต้องทำนะ"

 

              เด็กชายจึงเดินทางเข้ามาสมัครงานที่ในเมือง เเต่ไม่ว่าเขาจะไปขอสมัครงานที่ไหน ก็ไม่มีใครรับ เพราะว่าเขายังเด็กอยู่นั่นเอง

"มาสมัครงานอย่างนั้นหรือ ข้ารับไม่ได้หรอก เด็กอย่างเจ้า จะทำงานอะไรได้"

             

 เขาพยายามเดินหางานตั้งเเต่เช้าจรดเย็น จนท้อใจ เเต่ก็ไม่มีที่ไหน รับเขาเข้าทำงานเลย สักเเห่งเดียว

เด็กชาย : "ทำไมการหาเงิน จึงยากเช่นนี้นะ ตอนยืมเงินนั้นเเสนง่าย เเต่ตอนใช้มันเเสนยากจังเลย " 

 

เด็กชายนั่งลงที่หน้าศาลเจ้า ด้วยความเหน็ดเหนื่อยเเละหิวโซ 

เด็กชาย :  "หิวจังเลย ไม่ได้กินอะไรมาตั้งเเต่เช้าเเล้ว "

 

ขณะนั้น เฉินกุ้ยเซียน กำลังเดินทางไปขึ้นรถม้า ได้เห็นเข้า จึงได้เอ่ยถามว่า 

เฉินกุ้ยเซียน : "เด็กน้อยเอ๋ย เหตุใดเจ้ามานั่งซึม อยู่เพียงลำพังทำอะไรอยู่ตรงนี้ "

เด็กชาย :  "ข้าน้อยเดินหางานมาทั้งวัน จนเหน็ดเหนื่อยเเละหิวข้าว จึงต้องมาหยุดพักที่นี่ครับ "

เฉินกุ้ยเซียน : "หิวอย่างนั้นรึ พอดีข้าติดผลไม้มาด้วย มารับไปกินเสียก่อนสิ "

เด็กชายรับผลไม้มากินด้วยความหิวโซ  เมื่อกินเสร็จ เขาก็ได้เอ่ยถาม เฉินกุ้ยเซียนว่า


เด็กชาย : "ท่านอาจารย์ ข้าน้อยเป็นหนี้ เเต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ได้อย่างไร หากเราเป็นหนี้เเล้ว ไม่ใช้คืน จะได้หรือไม่ครับ "


เฉินกุ้ยเซียน : "เมื่อเป็นหนี้ เเม้จะยากเย็นเพียงไร ก็จะต้องหาทางใช้คืน  คนที่เป็นหนี้เเล้ว ไม่ยอมใช้คืน ก็มิต่างอะไรกับการลักขโมย หรือการปล้น "


เด็กชาย :  "เเต่ข้าน้อย พยายามหางานทำเเต่ก็ไม่มีใครรับ ข้าน้อยจะหาเงินมาได้อย่างไร"

เฉินกุ้ยเซียน : "เงินนั้น มีอยู่ทุกหนทุกเเห่ง ทุกคนอยากให้เงินเเก่เจ้าทั้งนั้น เพียงว่าเจ้าสามารถเเก้ไขปัญหาให้เเก่พวกเขาได้"

เด็กชาย :  "เเล้วใครกันเหรอครับที่มีปัญหา เเล้วอยากให้ข้าน้อย ช่วยเเก้ไขให้"

เฉินกุ้ยเซียน : "ทุกคนล้วนมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ลองคิดให้ดี หาให้เจอว่าปัญหานั้นคืออะไร เเล้วเราจะเเก้ไขปัญหาให้เขาได้อย่างไร"

เมื่อเฉินกุ้ยเซียน พูดจบ ก็ถึงเวลาที่รถม้าต้องออกเดินทางพอดี...

 

...เด็กชายก็เดินทางกลับบ้าน เเละเก็บคำของเฉินกุ้ยเซียนมาครุ่นคิดตลอดทาง

 "ทุกคนล้วนมีปัญหา ข้าเองก็มีปัญหาเเละปัญหาของคนอื่น คืออะไรนะ"


เช้าวันต่อมา ปู่ของเด็กชายก็ใช้ให้หลานชาย ไปส่งปลาที่ร้านค้าในเมืองอีกเช่นเคย

ปู่ : "วันนี้เจ้าช่วยเอาปลาไปส่งให้ร้านค้าในเมืองอีกหน่อยนะ"

เด็กชาย : "ได้ครับ ท่านปู่"


               เด็กชายจึงเข็นรถเดินออกจากบ้านเหมือนเช่นเคย พลางก็ครุ่นคิดถึงวิธีการหาเงิน ที่เฉินกุ้ยเซียน ได้ชี้เเนะไปตลอดทาง

 

เด็กชาย :  "ทุกคนล้วนมีปัญหา เเต่ปัญหาคืออะไรหนอ.."


               เเต่ขณะที่เขาเดินทางผ่านหน้าบ้านของเพื่อนบ้าน ที่กำลังรับจ้างซักผ้าอยู่นั้น ก็ตะโกนขึ้นมาว่า 
เพื่อนบ้าน : "นี่เจ้าหนู เจ้ากำลังจะเข้าไปในเมืองอย่างนั้นรึ "
เด็กชาย :  "ใช่ครับ "
เพื่อนบ้าน : "ถ้าอย่างนั้น เจ้าช่วยติดเอาผ้าของข้าไปส่งในเมืองให้หน่อยสิ เดี๋ยวนี้สามีของข้าไปทำอาชีพอื่น เลยไม่มีเวลาช่วยเหลือข้าเลย เดี๋ยวพอส่งผ้าเเล้ว ช่วยเก็บเงินปลายทางกลับมาให้ด้วยนะ เดี๋ยวข้าจะเเบ่งเงินให้เจ้าเป็นการตอบเเทน"

เด็กชาย :  "ได้เลยครับ พี่สาว "


               จากนั้น เด็กชายก็นึกขึ้นได้ ทั้งปู่ของข้าเเละคนอื่นๆ ต่างก็ลำบากในการย้ายสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งกันทั้งนั้น นี่คือปัญหาของพวกเค้านั่นเอง

 

...ดุจดั่งสายลมเเห่งปัญญา ได้พัดผ่านเข้ามา...

 

 "เราต้องช่วยพวกเขา ขนส่งสินค้าเเละเก็บเงินปลายทาง"

เมื่อคิดได้ดังนั้น เด็กชายจึงได้เดินทั่ว ป่าวประกาศตลอดทางว่า 

เด็กชาย :  "รับส่งสินค้าด่วนเข้าไปในเมือง ส่งเร็ว เเละเก็บเงินปลายทางครับ"

 

               เมื่อพวกชาวบ้านละเเวกนั้น ได้ยิน ต่างก็ให้ความสนใจอย่างมาก เพราะพวกเขาก็ต่างมีสินค้า ต้องขนเข้าไปส่งในเมือง อยู่เป็นประจำเช่นกัน เมื่อมีคนอาสาลดภาระให้ได้ พวกเขาก็อยากใช้บริการขึ้นมาทันที 

 

ชาวบ้าน : "นี่เจ้าหนู เจ้ารับส่งของ เก็บเงินปลายทางด้วยอย่างนั้นหรือ ดีเลย ปกติข้าต้องขนไข่ไก่พวกนี้ไปส่งเอง เสียทั้งเเรง เสียทั้งเวลา กว่าจะได้กลับมาบ้านก็ต้องครึ่งค่อนข้างวัน ถ้าอย่างนั้นมารับไข่ของข้า ไปส่งให้กับร้านค้าในตลาดสด ให้ทีสิ"

เด็กชาย :  "ได้เลยครับ พี่ชาย"

ชาวบ้าน : "เจ้าหนูช่วยส่งผลไม้ ไปให้เเผงผลไม้ในตลาดให้ข้าด้วยนะ "

เด็กชาย :  "ได้เลยครับ ท่านลุง"

 

              เด็กชายส่งสินค้าให้กับผู้รับ พร้อมเก็บเงินให้กับผู้ส่งทุกคนอย่างเรียบร้อย ทุกประการ ผู้คนต่างบอกต่อกัน เเบบปากต่อปากถึงบริการขนส่งสินค้าของเด็กชาย จนมีคนมาขอใช้บริการอยู่ไม่ขาด นอกจากขาไป เด็กชายจะขนส่งสินค้าในเมืองเเล้ว ขากลับก็มีคนฝากสินค้าจากในเมือง มาที่นอกเมืองด้วยเช่นกัน  ไม่นานเด็กชายก็สามารถเก็บเงินได้จนครบ สามารถมาจ่ายคืนให้กับเศรษฐี ตามที่ได้สัญญาเอาไว้


เศรษฐี : "โห  เจ้าหาเงินเก่งได้มากเลยนี่  เเต่นี่ยังไม่ถึงกำหนดชำระเลย  เเต่เจ้าก็นำเงินมาคืนให้เเก่ข้าเเล้วหรือ "


เด็กชาย :  "ครับ เพราะข้าน้อย ไม่อยากเป็นหนี้อีกต่อไปเเล้ว การเป็นหนี้นั้น มันทำให้เป็นทุกข์ใจเหลือหลาย "


เศรษฐี : "อือ นั้นเหตุใด เจ้าจึงกลับมาใส่เสื้อผ้าเดิมๆอีกเเล้วล่ะ เลิกอยากใส่เสื้อผ้าเเพงๆ หรูๆ อีกเเล้วหรือ"


เด็กชาย :  "ข้าไม่อยากได้ อีกเเล้วล่ะครับ เพราะตอนนี้ข้าน้อยเห็นคุณค่าของเงินเเล้ว "


เศรษฐี : "อ้าว เหตุไฉน จึงเป็นเช่นนั้นเล่า ตอนไม่มีเงิน เจ้าชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เเต่พอตอนนี้มีเงิน เจ้ากลับไม่ชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือย คุณค่าของเงินมันเป็นอย่างไร อย่างนั้นหรือ"


เด็กชาย :  "คุณค่าของเงินนั้นมิได้อยู่ที่ว่า เรามีมากหรือน้อย เเต่อยู่ที่ว่าเราหามาด้วยความยากลำบากเพียงใดต่างหาก"


เศรษฐี : "หืม จริงอย่างเจ้าว่า ข้ามองเจ้าไว้ มิผิดจริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

 

             จากเหตุการณ์ในครั้นนั้นก็ได้ทำให้เด็กชายรู้ซึ้ง ถึงคุณค่าของเงิน รู้จักคิดเมื่อจ่าย รู้จักใช้เมื่อสมควร ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เขาได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อย่างเเท้จริง 

 

ข้อคิดจากเรื่องนี้


              การเป็นหนี้นั้นมักทำให้คนหลงคิดว่า เงินมันได้มาโดยง่าย จึงมักใช้จ่ายเกินตัว เกินความจำเป็น สุดท้ายจึงต้องรับความลำบากมากกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อตอนที่ต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ เเต่ในทางกลับกัน การค่อยๆเก็บหอมรอมริบ เมื่อพร้อมจึงใช้ กลับทำให้รู้สึกเห็นคุณค่าของเงิน เเล้วทำให้มีเวลาคิดทบทวนว่า สิ่งที่อยากได้นั้น เราต้องการจริงๆหรือไม่ บางครั้งก็พบว่า สิ่งที่เคยอยากได้มากๆนั้น เมื่อถึงตอนเก็บเงินได้พร้อมเเล้ว กลับไม่รู้สึกอยากได้อีกเลย เพราะรู้ซึ้งถึงคุณค่าของเงินที่หามาด้วยความยากลำบากนั่นเอง เเต่เมื่อเป็นหนี้เเล้วก็ควรหาทางใช้หนี้ เเต่การเป็นหนี้เเล้วไม่ใช้นั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการลักขโมย หรือการปล้น คือใช้คำสัญญาเป็นวุธนั่นเอง

 ที่มา https://m.youtube.com/watch?v=oOx537_rifU

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0087789495786031 Mins