ตอน 15 สายสนองเส้นผม

วันที่ 25 กย. พ.ศ.2563

ตอน 15  สายสนองเส้นผม

                  สตรีไทยปรารถนาส่วนแห่งบุญในการสร้างสรรค์คัมภีร์ใบลาน แม้ตนไม่อาจเป็นผู้จารคัมภีร์ได้เฉกเช่นฝ่ายชาย แต่ก็ขอแสดงออกซึ่งบทบาทอันงดงามในฐานะผู้ปกป้องคัมภีร์ด้วยเส้นผมของตน

20100-1.jpg

                   ดอกไม้หลากสีต่างพันธุ์ ยังถูกร้อยเรียงรวมกันด้วยเส้นด้ายเป็นพวงมาลัยเพื่อบูชาพระรัตนตรัย แผ่นลานแต่ละหน้าเมื่อได้จารจารึกอักษรสำคัญถ่ายทอดคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

                  ก็ต้องเรียงร้อยเป็นผูกเป็นมัดรวมเป็นเรื่องราวเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการสืบรักษาและศึกษาพระธรรมคำสอนอันเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย

                  ‘สายสนอง’ คือ ไหม ด้าย หรือเชือก ที่ร้อยแผ่นลานเข้ากันเป็น ‘ผูก’ ตามปกติ 1 ผูก จะประกอบด้วย 24 แผ่นลาน หากนับด้านหน้าและด้านหลัง แผ่นลานผูกหนึ่งจะมี 48 หน้าลาน ในกรณีที่เนื้อหาที่จารยาวเกิน 24 แผ่นลานก็จะขึ้นผูกใหม่

20100-2.jpg

                   คัมภีร์หนึ่งมัดจะมีจำนวนผูกมากน้อยต่างกัน บางเรื่องอาจจบเพียง 3-4 ผูก แต่บางเรื่องอาจยาวถึง 20-30 ผูกก็ได้ ผูกสุดท้ายจะพิเศษกว่าผูกอื่น เพราะส่วนใหญ่มีความยาวเกิน 24 แผ่นลาน ส่วนที่เกินจะนับเป็นจำนวนลาน เช่น มี 28 แผ่นลาน จะเรียกว่า 1 ผูก 4 ลาน เป็นต้น

                  วิธีร้อยสายสนองเข้าผูก เรียกว่า ‘ร้อยหู’ จะร้อยตามรูที่เจาะเอาไว้ริมซ้ายของแผ่นลานเพียงฝั่งเดียว โดยทำห่วงผูกไว้ที่ปลายข้างหนึ่ง แล้วเอาปลายอีกข้างหนึ่งร้อยเข้าไปในห่วง โอบรอบกึ่งใบลานด้านบนเป็นวิธีเข้าเล่มหนังสือแบบโบราณ

20100-3.jpg

20100-4.jpg

                   ส่วนรูที่เจาะไว้ฝั่งขวาของแผ่นลานจะปล่อยว่างไว้ เวลาจะอ่านคัมภีร์ต้องคลายสายสนองออกเสียก่อนจึงจะพลิกเปิดหน้าลานได้สะดวก เมื่ออ่านเสร็จจึงดึงสายสนองเข้าให้แน่นสนิทเช่นเดิม

20100-5.jpg

                  นอกจากวัสดุทั่วไปที่ทำจากไหม ด้าย หรือเชือกแล้ว บางแห่งยังพบสายสนองทำจากเส้นผม ที่ผู้หญิงไทยในอดีตตั้งใจสละบูชาเพื่อถักฟั่นเป็นสายสนองร้อยแผ่นลาน บ้างก็นำเส้นผมมาถักเปียยาว ๓-๕ เมตร ใช้เป็นเชือกมัดห่อคัมภีร์ใบลาน

20100-6.jpg

สุรสิทธิ์ ไทยรัตน์, 2556

 

                การถวายเส้นผมที่ดูแลรักษาอย่างดีเพื่อทำเป็นสายสนองหรือเชือกมัดคัมภีร์ แสดงถึงแรงศรัทธาของสตรีที่มีต่อพระรัตนตรัยอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด

                และยังแสดงถึงความปรารถนาอยากมีส่วนร่วมในการตอบแทนคุณพระศาสนา เฉกเช่นฝ่ายชายซึ่งเป็นผู้จารคัมภีร์

20100-7.jpg

                 ทั้งนี้เพราะสตรีไทยโบราณส่วนใหญ่อ่านหนังสือไม่ออก เนื่องจากการศึกษาแต่เดิมไม่นิยมให้เล่าเรียนหนังสือ เน้นให้มีความรู้เฉพาะการบ้านการเรือนและงานฝีมือเป็นความรู้ติดตัว จะมีเฉพาะสตรีชั้นสูงในรั้วในวังเท่านั้นที่มีโอกาสได้เล่าเรียนเขียนอ่าน

                 ส่วนฝ่ายชายเป็นผู้ได้รับโอกาสทางการศึกษามากกว่า เพราะศูนย์กลางของสรรพศาสตร์อยู่ที่วัด มีพระภิกษุสงฆ์ทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่กุลบุตรที่เข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์ สอนหนังสือไทย มอญและขอม ให้ความรู้คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา

                 รวมทั้งอบรมสั่งสอนจริยธรรม กระทั่งถึงวัยอันควรก็จะได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรหรืออุปสมบทเป็นพระภิกษุตามประเพณีต่อไป

20100-8.jpg

                 ดังนั้นผู้ที่สามารถจารคัดลอกคัมภีร์ใบลานทางพระพุทธศาสนาได้ จึงมีแต่ฝ่ายชายที่ผ่านการบวชเรียนมาเท่านั้น

                 แม้พระพุทธศาสนาจะให้โอกาสในการบวชเรียนแก่บุรุษมากกว่าสตรี อย่างไรก็ตามในกรอบของวัฒนธรรมยังมีการจัดสมดุลของการจรรโลงพระพุทธศาสนา

20100-9.jpg

                 ซึ่งสะท้อนความสำนึกรู้คุณของฝ่ายหญิงผ่านสายสนองเส้นผม ที่ร้อยรวมแผ่นคัมภีร์ใบลาน หรือเส้นผมที่ผูกรวมคัมภีร์เป็นมัด ประหนึ่งสายใยที่ผูกโยงพระธรรมคำสอนให้ร้อยรวมเรียงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

                 อันเป็นสัญลักษณ์ของบทบาทคู่กันระหว่างเพศภาวะชายในฐานะผู้สร้างสรรค์คัมภีร์ใบลาน และบทบาทของเพศภาวะหญิงในฐานะผู้ปกป้องรักษา อันแสดงถึงบทบาทการตอบแทนคุณพระศาสน์ได้อย่างงดงามและทัดเทียมกัน

 

เรียบเรียงจากบทความวารสารอยู่ในบุญ เรื่อง

ร้อยเรียงลาน สืบสานพุทธธรรม ฉบับธันวาคม 2556

สนองคุณพระศาสน์ บทบาทสตรีไทย ฉบับสิงหาคม 2557

อ้างอิง

ก่องแก้ว วีระประจักษ์ และวิรัตน์ อุนนาทรวรางกูร. คัมภีร์ใบลานฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2546

สุรสิทธิ์ ไทยรัตน์. คัมภีร์ใบลานในประเทศไทย. กรุงเทพ : มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย, 2556

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.036677551269531 Mins