ตอนที่14 รอยลบ ที่ไม่ลบเลือน

วันที่ 21 กย. พ.ศ.2563

ตอนที่14  รอยลบ ที่ไม่ลบเลือน

                  การเขียนด้วยดินสอหรือปากกา หากผิดก็ใช้ยางลบหรือน้ำยาลบคำผิดแก้ไข แต่รอยจารที่ลบไม่ออกผู้เขียนหนังสือใบลานก็มีกรรมวิธีหลากหลายที่จะแก้ไข เป็น ‘รอยลบ’ ที่ไม่เคยจะ ‘ลบเลือน’

20075-1.jpg

                  พระภิกษุสูงวัยใช้มือหนึ่งจับเหล็กจารปลายแหลมและอีกมือหนึ่งช่วยประคองขณะขีดเขียนเนื้อความพระไตรปิฎกบนแผ่นใบลานที่วางอยู่บนเข่าอย่างชำนาญ น้ำหนักมือที่ลงอย่างพอดีกอปรกับความรู้ในพระธรรมวินัยที่ได้ศึกษามาตลอดระยะเวลาหลายพรรษา

                 ทำให้ลายเส้นของ แต่ละอักขระคมชัด เรียงเป็นแถวเป็นระเบียบงดงาม ทั้งเนื้อความก็ครบถ้วนสมบูรณ์ไร้ร่องรอยการแก้ไข ซึ่งการจะจารใบลานให้สวยงามเช่นนี้ได้ ต้องผ่านการศึกษา ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และต้องอาศัยสมาธิที่จดจ่อ มิเช่นนั้นอาจจารตัวอักษรผิดพลาด คัดลอกเนื้อหาไม่ตรงกับต้นฉบับ หรือจารเนื้อหาไม่ครบถ้วน

20075-2.jpg

                 ผู้จารคัมภีร์ใบลานมีทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ที่ผ่านการบวชเรียนมาก่อน ผู้จารที่มีฝีมือดีเรียกว่า “ช่างจาร” ส่วนผู้จารที่อยู่ในราชสำนัก เรียกว่า “อาลักษณ์”

                วิธีการจารจะใช้เหล็กจารซึ่งมีลักษณะคล้ายดินสอหรือปากกา ส่วนปลายเป็นเหล็กแหลม ด้ามจับทำด้วยวัสดุหลากหลาย อาทิ ไม้ งาช้าง เขาสัตว์ หรือโลหะ

               เหล็กจารที่ใช้ในประเทศไทยโดยทั่วไปมีความยาวประมาณ 18-25 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร

20075-3.jpg

                    การจับเหล็กจารคล้ายกับการจับปากกาหรือดินสอ คือ ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง แต่การเขียนกับการจารใบลานนั้นมีข้อที่แตกต่างกันที่การใช้มือและทิศทางของตัวอักษร

                   การเขียนใช้มือที่ถนัดเพียงข้างเดียว โดยพาดดินสอหรือปากกาไว้บนนิ้วกลาง แล้วใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้เป็นตัวควบคุมการขยับ สามารถเขียนเนื้อความได้ทั้งจากซ้ายไปขวา จากขวามาซ้าย หรือจากบนลงล่างแล้วแต่ธรรมเนียม

20075-4.jpg

                   แต่การจารนั้นต้องใช้ 2 มือ คือ ใช้มือขวาจับเหล็กจารคล้ายกับการจับดินสอหรือปากกา และใช้มือซ้ายจับสนับโดยมีนิ้วหัวแม่มือซ้ายคอยดันเหล็กจาร ทิศทางการจารจะจารจากซ้ายไปขวาโดยให้ตัวอักษรอยู่ใต้เส้นที่ตีไว้บนแผ่นลาน

                  สำหรับผู้จารที่ชำนาญแล้วสามารถจารใบลานโดยไม่ใช้สนับรอง เพียงวางใบลานไว้บนเข่าและใช้มือซ้ายประคองเหล็กจารก็สามารถจารได้อย่างคล่องแคล่ว สวยงาม

20075-5.jpg

                    การจะได้ใบลานที่จารได้สวยงามนั้น ผู้จารต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดหรือมีการแก้ไขให้น้อยที่สุด เพราะหากจารผิดจะไม่สามารถลบออกได้เหมือนการใช้ยางลบ

                    เมื่อปลายเหล็กจารขีดลงบนเนื้อลานเป็นร่องลายเส้น ซึ่งอาจปรากฏเพียงลายเส้นจางๆ แต่เมื่อจารเสร็จแล้ว ผู้จารจะนำเขม่าจากควันไฟหรือถ่านบดละเอียดผสมน้ำมันยางมาลูบให้ทั่วบนพื้นลาน

20075-6.jpg

Cr: https://www.trueplookpanya.com/blog/content/61824

 

                 จากนั้นจะทำการ “ลบใบลาน” โดยใช้ทรายร้อนหรือแกลบมาลบหมึกหรือเขม่าดำๆ ออก ซึ่งในขั้นตอนนี้ เขม่าสีดำบริเวณพื้นลานที่ไม่ได้จารตัวอักษรลงไปจะถูกลบออก แต่ตรงบริเวณที่มีการจาร น้ำหมึกสีดำจะไหลไปฝังตามร่องลายเส้นปรากฏเป็นตัวอักษรสีดำที่อ่านได้อย่างชัดเจน

20075-7.jpg

                    ดังนั้นหากผู้จารทำสัญลักษณ์แก้ไขตัวสะกดหรือจารข้อความผิดพลาด เมื่อลบใบลานแล้วจะเห็นร่องรอยการแก้ไขบนหน้าแผ่นลานอย่างชัดเจน

                  คัมภีร์ใบลานที่ใช้ในพิธีสำคัญหรือ “คัมภีร์ฉบับหลวง” ที่สร้างขึ้นภายใต้การสนับสนุนของพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์จะมีความประณีต วิจิตรบรรจง ไม่มีการแก้ไข เพราะหากจารผิดจะต้องเปลี่ยนแผ่นลานและเริ่มจารเนื้อความในหน้านั้นใหม่ตั้งแต่ต้น

20075-8.jpg

คัมภีร์ฉบับหลวง

                     

                  แต่หากเป็นคัมภีร์ใบลานทั่วไปที่สร้างโดยสามัญชน ที่เรียกว่า “คัมภีร์ฉบับราษฎร์” หรือ “คัมภีร์เชลยศักดิ์” หากเกิดความผิดพลาดผู้จารอาจใช้วิธีเริ่มจารใบลานใหม่ หรือทำการแก้ไขข้อความที่ผิดพลาดหรือตกหล่น

20075-9.jpg

คัมภีร์ฉบับราษฎร์

 

                   โดยการเขียนตัวอักษรที่ถูกทับไปบนตัวที่เขียนผิด การป้ายทับตัวอักษรที่ผิดด้วยยางไม้ การทำสัญลักษณ์ การจารแทรกข้อความที่ตกหล่น หรือเริ่มจารใหม่นี้ไม่เพียงแต่เป็นการเสียเวลาเท่านั้นแต่ยังเสียทรัพย์เพิ่มด้วย เพราะกว่าจะได้แผ่นลานแต่ละแผ่นต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลานานอีกทั้งบางยุคใบลานก็มีราคาสูง

                  ดังนั้นผู้ที่จะจารคัมภีร์ใบลานที่ทรงเนื้อหาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ไร้ตำหนิและไม่สิ้นเปลือง จะต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะจาร มีความระมัดระวังและใช้สมาธิขณะจารอย่างมากทีเดียว

                  วิธีแก้ไขตัวสะกดผิด ผู้จารนิยมทำสัญลักษณ์เป็นเลขศูนย์เล็กๆ ตรงกลางตัวอักษรที่จารผิด ขีดเส้นกลางตัวอักษร หรือทำขีดเล็กๆ หลายๆ ขีดบนตัวอักษร เพื่อเป็นการบอกว่าไม่ต้องการใช้อักษรตัวดังกล่าว แล้วจารตัวอักษรที่ถูกต่อมา

                  บางครั้งพบว่าเมื่อผู้จารเผลอจารผิดและรู้ตัวทันก็จะปล่อยตัวอักษรนั้นจารค้างไว้ครึ่งตัว แล้วจารตัวที่ถูกต้องแทน หรือผู้จารอาจใช้วิธีจารตัวอักษรที่ถูกทับบนอักษรที่ผิดเลยก็มี

20075-10.jpg

การแก้ไขตัวสะกดผิด

                      ในกรณีข้อผิดพลาดเป็นข้อความยาวอาจใช้วิธีทำวงเล็บคร่อมหรือขีดเส้นกลางอักษรตลอดช่วงที่ไม่ต้องการ แต่หากจารเนื้อความตกหล่นจะใช้การทำสัญลักษณ์กากบาทเล็กๆ ตรงช่วงที่ต้องการเพิ่มข้อความ แล้วจารข้อความที่ต้องการเพิ่มด้วยอักษรขนาดเล็กพอที่พื้นที่ว่างระหว่างบรรทัดจะอำนวย หากเป็นการแก้ไขในยุคหลังบางครั้งจะใช้หมึกดำหรือเขียนเพิ่ม

                      การแก้ไขอีกวิธีที่พบก็คือ การป้ายคำผิดด้วยหรดาลสีเหลือง วิธีนี้พบมากในใบลานที่พบในประเทศไทย คัมภีร์บางฉบับที่เพิ่งจารในยุคหลังใช้วิธีลบโดยใช้สีฝุ่นสีขาวทาบนตัวที่ไม่ต้องการ

                      ส่วนใบลานที่พบในประเทศพม่าบางครั้งใช้สีแดงป้ายปิด เมื่อป้ายแล้วส่วนใหญ่จะเว้นไม่จารทับเนื้อความตรงส่วนที่ป้าย แต่จารเนื้อหาที่ถูกต้องต่อจากส่วนที่ป้ายไว้

20075-11.jpg

การแก้ไขข้อความ

                      การแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยวิธีต่างๆ ดังกล่าวมีผลต่อการทำความสะอาดใบลานเพื่ออนุรักษ์ เพราะหากใบลานขึ้นราต้องทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ขณะเช็ดก็ต้องระวังไม่ให้แอลกอฮอล์โดนหมึกที่เขียนเพิ่มหรือที่แก้ไขเนื้อความ หรือสีที่ป้ายปิดข้อผิดพลาด มิเช่นนั้นอาจทำให้หมึกละลายหรือสีที่ป้ายไว้หลุดออกได้

20075-12.jpg

                   หรือในกรณีที่ตัวอักษรเริ่มจางและต้องลงหมึกสีดำที่ได้จากเขม่าหรือถ่านบดละเอียดเพื่อเพิ่มความเข้ม หากไม่ระวังปล่อยให้หมึกไปโดนสีที่ป้ายไว้ เมื่อนำผ้าหรือสำลีเช็ดออก จะเกิดรอยปื้นสีดำบนหรดาลสีเหลืองหรือสีฝุ่น ทำให้ใบลานดูไม่สวยงาม

20075-13.jpg

                    ทุกเส้นจารที่ขีดเขียนลงบนใบลานนั้นมีคุณค่า ที่ผู้จารบรรจงลงอักขระเพื่อส่งต่อความรู้ บอกเล่าประสบการณ์เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่สำคัญไม่แพ้วัสดุชิ้นใดที่มนุษยชาติเคยใช้บันทึกลายลักษณ์อักษร

                   แต่ในการประดิดประดอยสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ ไม่ว่าผู้จารจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ความเหนื่อยล้า ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจทำให้เกิดการผิดพลาดขึ้นในระหว่างการจารใบลานได้ แต่เมื่อผิดพลาดแล้วผู้จารได้แก้ไขตามกรรมวิธีต่างๆ หรือมีการอ่านทวนโดยผู้รู้ เมื่อพบข้อผิดพลาดจึงได้แก้ไขให้ถูกต้อง

                  แต่ด้วยลักษณะทางกายภาพของใบลานที่อย่างไรก็ไม่อาจลบคำหรือส่วนที่จารผิดให้เลือนหายได้ ผู้จารหรือผู้แก้ไขจึงได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่นวัตกรรมสมัยนั้นๆ จะเอื้ออำนวย แก้ไขสิ่งผิดพลาดให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้ลูกหลานที่ตามมาศึกษาภายหลังเข้าใจและนำไปใช้ผิดๆ ซึ่งความเข้าใจผิดนั้นเป็นอันตรายที่บางครั้งอาจจะก่อให้เกิดภัยใหญ่หลวงได้

20075-14.jpg

                    ใบลานที่จารผิดแม้ไม่สวยงามแต่ก็มีคุณค่า ทำให้เรารู้ว่าใบลานนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจไม่ใช่สักแต่ว่าจาร และยังบอกเล่าให้เรารู้ว่า ใบลานนี้มีผู้นำมาศึกษา ไม่ใช่จารเอาไว้บูชาแต่ไม่เคยนำถ้อยคำสอนและประสบการณ์ล้ำค่าเหล่านั้นมาศึกษาเรียนรู้ เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ขึ้นกับตนเองและผู้อื่นเลย

อ้างอิง

สุรสิทธิ์ ไทยรัตน์. (2556). คัมภีร์ใบลานในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.044033185640971 Mins