ที่เรียกว่าความสำเร็จ
ตั้งแต่เดิม เมื่อค่านิยมทางวัตถุยังไม่เข้ามา มีบทบาทเท่าใดในสังคมของคนไทย ความสำเร็จโดย ส่วนใหญ่มุ่งไปทางด้านของนามธรรม คือการมีชีวิตอย่าง เป็นสุขมากกว่า ด้วยการยอมรับกันในค่าของความซื่อสัตย์ ความดี ความมีกตัญญู การมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีลูก ผู้ชายก็ได้บวชเรียน มีลูกผู้หญิงก็ประกอบไปด้วยความขยัน หมั่นเพียน กตัญญูต่อบิดามารดาตัวเอง บิดามารดาของสามี ส่วนค่าในทางวัตถุนั้น ก็เพียงแต่เป็นไปตามความ เหมาะสม เพราะมีระบบเจ้านายควบคุมให้อยู่ในขอบ เขตอันพอดี ดังนั้น ความสุขในชีวิตจึงเป็นสิ่งพึงปรารถนา และถือว่าเป็นความสำเร็จมากกว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่สามารถทำให้เกิดความ สำเร็จทางการได้รับการยอมรับจากคนในสังคมและการมี ความสุขในชีวิต สามารถเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ไม่เป็นที่รังเกียจ ของหมู่ญาติ ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ได้รับ การกล่าวขานไปชั่วลูกชั่วหลาน ยืนยันแน่นแฟ้นว่าตระกูลนี้ ครอบครัวนี้เป็นคนดี มีความสัตย์ และขยันหมั่นเพียร แต่ไม่ได้หมายความว่า ครอบครัวนี้มั่นคง มีที่นา มีเงิน เครื่องทองหยองเท่านั้นเท่านี้ ด้วยของเหล่านี้เป็นเพียงแต่ ส่วนประกอบ
คนโบราณไม่ได้เน้น หรือตื่นเต้นไปกับทรัพย์สิน แต่กลับเน้น หรือตื่นเต้นชื่นชมไปที่ตัวนามธรรมคือความดี เป็นหลักใหญ่ ส่วนทรัพย์ที่บังเอิญได้นั้น เป็นเพียงเครื่อง ยืนยันว่า คนๆ นั้นได้กระทำความดีจนได้รับการตกรางวัล เพราะโดยส่วนใหญ่ ทรัพย์สินทั้งหลายมักมาจากการตกรางวัล จากพระเมตตาหรือเมตตาจากผู้ใหญ่และเจ้านายเท่านั้น ด้วยของมีค่านั้นถือว่าสมควรแต่เฉพาะเจ้านาย คนธรรมดา จะได้ก็ต่อเมื่อประทานให้เท่านั้น เพราะของบางอย่างนั้น แม้มีเงินท่วมฟ้าก็ไม่สามารถหามาได้ หากไม่ได้รับการประทาน หรือพระราชทานให้จากเจ้านายพระองค์หนึ่งพระองค์ใด
ดังนั้น ความสำเร็จดั้งเดิมของสังคมไทย จึงถือกันที่ความดีมากกว่าสิ่งอื่นใด ไม่ใช่ถือเงินตราเป็นใหญ่เช่นในปัจจุบัน
แต่เมื่อสังคมผ่านเปลี่ยนไป ความเข้าใจของคน ในสังคมก็เริ่มถูกทำให้ผันไปจากความเป็นจริง กับบทบาท ของตัวรองมาเป็นตัวเอก และชลอบทบาทตัวเอกไปเป็นตัวรอง และรองลงไปเป็นตามลำดับ จนกลายเป็นเรื่องล้าสมัย หากใครนำขึ้นมาเอ่ยถึง ความสำเร็จของคนส่วนใหญ่ ในทุกวันนี้ จึงเป็นเพียงความมั่งคั่งมีที่แสดงออกในรูปของ การแต่งกาย ที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ไม้สอย ในฐานะทาง การงาน ทางสังคม ความดีที่เป็นที่ยอมรับของบรรพบุรุษ จางหายไป เหลือแต่ความเก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น กันฟาดฟัน ข้ามหน้าข้ามตากัน เพราะการมีหน้ามีตาหมายถึงเครือข่าย ของงาน ที่เรียกว่า connection กว้างขวางขึ้น และเมื่อเครือข่าย กว้างขวางขึ้นก็หมายถึง เงิน
ขบวนการของการประสบความสำเร็จจึงผกผัน ทำให้แต่ละก้าวที่ขึ้นไปสู่ความสำเร็จในแต่ละขั้นเต็มไปด้วย ความเจ็บปวด ความสูญเสีย และแน่นอนที่สุด ย่อมมีความทุกข์ เข้ามาปะปนในรูปแบบต่าง ๆ กัน เห็นชัดบ้าง เห็นไม่ชัดบ้าง แต่ที่แน่นอนที่สุด คือ ความละเอียดอ่อนของใจ ของเราเสียหายไปกับขบวนการต่างๆ จนทำให้ต่างพากัน ห่างจากจุดความพอดีในชีวิต ห่างการสร้างความดี ให้กับตน จนกลายเป็นปัญหาครอบครัวบ้าง ปัญหาเด็กในครอบครัวขาดความอบอุ่นบ้าง ปัญหาของการถูกทอดทิ้ง ของคนในวัยชรา ซึ่งล้วนแต่เป็นความทุกข์ที่เกิดจากการ ไต่ตัวเองขึ้นไปสู่จุดที่เรียกว่าความสำเร็จทั้งสิ้น
และนั่นก็เพราะเราต่างพากันไม่เข้าใจคำว่า ความสำเร็จนั่นเอง
ความสำเร็จ ซึ่งที่แท้คือการทำให้ชีวิตในแนวทาง ที่เราเลือกเดินนั้น มีความสุขด้วยประการต่างๆ ทั้งกับ ตนและคนรอบข้าง ตั้งแต่ใกล้ที่สุดออกไป หาใช่ลาภยศ ชื่อเสียง ความสำเร็จของงาน และเงินแต่เพียงอย่างเดียวไม่
หันหน้ามาสำรวจกันใหม่ เพื่อจะได้เดินหน้า หรือถอยหลังให้อยู่ในจังหวะที่พอดี ที่จะเรียกว่าความสำเร็จสมกับความปรารถนา
เพราะแน่นอน ทุกคนย่อมปรารถนาสิ่งที่ เรียกว่าความสุข แต่พาการย้อมสีแล้วเรียกเสียใหม่ว่า ความสำเร็จ ทำให้คิดว่าเป็นคนละอย่าง โดยไม่ทราบ หรือลืมไปว่าทั้งสองอย่างผูกพันและมีผลต่อกัน อย่างแยกจากกันมิได้
แต่ถ้าเข้าใจนั่นแหละคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่ทุกคนใฝ่หา
กุญแจใจ
เกษมสุข ภมรสถิตย์