อัมพสูตร ว่าด้วยบุคคลเหมือนมะม่วง

วันที่ 18 มีค. พ.ศ.2564

18-3-64-3-b.jpg

อัมพสูตร ว่าด้วยบุคคลเหมือนมะม่วง

 

พระไตรปิฏกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬา]

อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

 

ภิกษุทั้งหลาย มะม่วง ๔ ชนิดนี้

มะม่วง ๔ ชนิดอะไรบ้าง คือ

๑.มะม่วงดิบเเต่ผิวสุก

๒.มะม่วงสุกเเต่ผิวดิบ

๓.มะม่วงดิบเเละผิวดิบ

๔.มะม่วงสุกเเละผิวสุก

ภิกษุทั้งหลาย มะม่วง ๔ ชนิดนี้เเล

 

ภิกษุทั้งหลาย ในทำนองเดียวกัน บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วง ๔ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก

บุคคล ๔ จำพวกไหนบ้าง คือ

๑. บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงดิบ แต่ผิวสุก

๒. บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงสุก แต่ผิวดิบ

๓. บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงดิบ และผิวดิบ

๔. บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงสุก และผิวสุก

 

ขยายความว่า

บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงดิบ แต่ผิวสุก เป็นอย่างไร

คือ บุคคลบางคนในโลกนี้มีการก้าวไป การถอยกลับ การเเลดู การเหลียวดูการคู้เข้า การเหยียดออก การครองสังฆาฏิ บาตร เเละจีวรที่น่าเลื่อมใส เเต่เขาไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า 'นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา' บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงดิบเเต่ผิวสุก เป็นอย่างนี้เเล เรากล่าวเปรียบบุคคลประเภทนี้ว่าเหมือนมะม่วงดิบเเต่ผิวสุก

 

บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงสุก แต่ผิวดิบ เป็นอย่างไร

คือ บุคคลบางคนในโลกนี้มีการก้าวไป การถอยกลับ การเเลดู การเหลียวดูการคู้เข้า การเหยียดออก การครองสังฆาฏิ บาตร เเละจีวรที่ไม่น่าเลื่อมใส เเต่เขารู้ชัดตามความเป็นจริงว่า 'นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา' บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงสุกเเต่ผิวดิบ เป็นอย่างนี้เเล เรากล่าวเปรียบบุคคลประเภทนี้ว่าเหมือนมะม่วงสุกเเต่ผิวดิบ

 

บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงดิบ และผิวดิบ เป็นอย่างไร

คือ บุคคลบางคนในโลกนี้มีการก้าวไป การถอยกลับ การเเลดู การเหลียวดูการคู้เข้า การเหยียดออก การครองสังฆาฏิ บาตร เเละจีวรที่ไม่น่าเลื่อมใส เเละเขาไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า 'นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา' บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงดิบเเต่ผิวดิบ เป็นอย่างนี้เเล เรากล่าวเปรียบบุคคลประเภทนี้ว่าเหมือนมะม่วงดิบเเต่ผิวดิบ

 

บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงสุก และผิวสุก เป็นอย่างไร

คือ บุคคลบางคนในโลกนี้มีการก้าวไป การถอยกลับ การเเลดู การเหลียวดูการคู้เข้า การเหยียดออก การครองสังฆาฏิ บาตร เเละจีวรที่น่าเลื่อมใส เเละเขารู้ชัดตามความเป็นจริงว่า 'นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา' บุคคลเปรียบเหมือนมะม่วงสุกเเต่ผิวสุก เป็นอย่างนี้เเล เรากล่าวเปรียบบุคคลประเภทนี้ว่าเหมือนมะม่วงสุกเเต่ผิวสุก

 

               ...บางคนเรียนรู้ธรรมะเเต่ไม่เอาไปใช้ ก็เหมือนมะม่วงที่ดิบ เราเรียนรู้ธรรมะเเล้วก็เอามาสอนตนเอง เเละไปเป็นต้นเเบบให้กับชาวโลก เป็นต้นเเบบให้เเก่ลูกหลาน คนรอบข้างได้ เเบบนี้คือสุกทั้งนอกเเละสุกทั้งใน เราต้องไปดูกิจวัตรของเรา ต้องไปดูตั้งเเต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยหลักธรรมไหม ถ้าตื่นขึ้นมาก็หงุดหงิด หน้าหงิกหน้างอ โมโหเเต่เช้า อารมณ์บูดเเต่เช้า ก็รู้ว่าเริ่มดิบเเล้ว ดิบภายนอกเเล้ว ภายในยังไม่สุกเลย เริ่มดิบทั้งนอกเเละในเเล้ว หากตื่นขึ้นมาอาราธนาศีล ใส่บาตร ปฎิบัติธรรม อารมณ์เย็น อารมณ์สบาย มีปัญหาอะไร ก็ค่อยๆใช้สติ ใช้ปัญญา พิจารณาหาลู่ทาง หาทางออก ค่อยๆเเก้ปัญหาไป เปรียบเหมือนบุคคลที่ทรงรู้ ภูมิรู้ ภูมิธรรม เเละก็สามารถได้นำธรรมะของพระพุทธเจ้าได้นำมาใช้จริงๆ ไม่ใช่เกิดอะไรขึ้นมา ก็หน้าหงิก หน้างอ ด่าทอกัน ทะเลาะเบาะเเว้งกัน ครอบครัว ลูกหลานมาเห็นเข้า ก็ว่า ไหนเเม่เข้าวัดมา สิบ ยี่สิบปี ทำไม ยังด่าไฟเเลบอยู่เลย ทำไมยังขี้โมโหอยู่เลย ขี้หงุดหงิดอยู่เลย พวกจะเข้าใจ โยนให้วัดไป ว่าวัดนี้สอนไม่ดี ...

 

ฟังเพิ่มเติม พระมหาคลองเขน สิริจนฺโท

https://www.youtube.com/watch?v=6VqMq3H6aAM

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.01018846432368 Mins