จำบุญ ลืมบาป

วันที่ 06 กค. พ.ศ.2564

   จำบุญ ลืมบาป

                ความหมายทั้งทางโลกและทางธรรม การจำบุญลืมบาปก็เหมือนกับการที่เราจดจำเรื่องดี ๆ แล้วลืมเรื่องร้าย ๆ สิ่งใดที่นึกถึงแล้วทำให้ใจผ่องใสเป็นบุญกุศล ก็ให้เรานึกถึงบ่อย ๆ แต่เรื่องใดที่ทำให้ใจเราเศร้าหมองขุ่นมัว เสียคุณภาพใจ เราก็ไม่ไปนึกถึง

 

20902-1.jpg

                   การกระทำของมนุษย์มี 3 ทาง คือทางกาย วาจา และใจ ทางใจเรียกว่า “มโนกรรม” เป็นการกระทำที่มีผล การที่เรานึกถึงเรื่อง ร้าย ๆ ก็เหมือนกับไปทำกรรมนั้นซ้ำอีก ตอกย้ำเข้าไป เหมือนพอเป็นแผลแล้ว ก็ไปแกะเกาอยู่ตลอดเวลา แผลย่อมไม่หายสักที

 

                  เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่ทบทวนการกระทำของตนเอง แล้วรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร เราทำพลาดอย่างไร คราวหน้าเราจะได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก พอสรุปบทเรียนเรียบร้อยแล้ว สกัดเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ได้แล้ว ก็ให้เอากากมันโยนทิ้งไป อย่าไปนึกถึงอีก เพราะนึกแล้วทำให้ใจเศร้าหมอง ใจเสียคุณภาพ ส่วนความดีที่นึกแล้วปลื้มปีติก็ให้นึกถึงบ่อย ๆ ยิ่งนึกยิ่งปลื้ม บุญก็ยิ่งเพิ่ม เหมือนได้ทำความดีซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

               ทำดีมามากมาย ก่อนตายเผลอนึกถึงบาปเพียงน้อยนิด

 

                   สำหรับคนที่ทำความดีและทำบุญทำทานมาตลอดชีวิต แต่ปรากฏว่าช่วงก่อนเวลาจะตายเผลอไปนึกถึงบาปที่เคยทำไว้ อย่างนี้ก็ส่งผล กรรมให้ผลที่ซับซ้อนมาก โดยปกติถ้าเราไม่มีกรรมหนัก

 

                    กรรมหนักฝ่ายอกุศลคือเคยไปทำอนันตริยกรรม 5 อย่าง ได้แก่ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนห้อเลือด ทำสังฆเภทยุให้สงฆ์แตกกัน ใครทำผิด 5 ข้อนี้เป็นอนันตริยกรรม คือกรรมหนักไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะทำความดีชดเชยเท่าไรก็ต้องตกนรกแน่นอน ถ้าไม่กลับตัวก็ลงอเวจีมหานรก ถ้ากลับตัวก็ลงนรกขุมตื้นหน่อย

 

20902-2.jpg

อนันตริยกรรม 5 อย่าง

                     เหมือนพระเจ้าอชาตศัตรูที่ทำปิตุฆาตฆ่าพ่อ ภายหลังกลับตัวกลับใจมาเป็นองค์อุปถัมภ์ในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 1 กระนั้นก็ยังตกนรกขุมตื้น ๆ อยู่ดี นี้คือกรรมหนักที่เรียกว่าครุกรรม ให้ผลก่อนกรรมอื่น ๆ ทำบุญมากเท่าใดก็แค่ทำให้กรรมเบาลง แต่กรรมนั้นอย่างไรก็ให้ผลก่อน

 

                     ส่วนฝ่ายบุญคือการนั่งสมาธิจนกระทั่งได้ฌานสมาบัติ ตั้งแต่เห็นดวงสว่างที่กลางตัวเป็นต้นไป นี้เป็นครุกรรมฝ่ายกุศล เคยทำบาปเท่าใดหากนั่งสมาธิจนเห็นดวงสว่างได้ฌานสมาบัติแล้ว ปิดประตูอบาย เปิดประตูสวรรค์ทันที ตายแล้วไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ได้เป็นเทวดา พรหม อรูปพรหมแน่นอน ถ้าได้ฌานสมาบัติเต็มที่ก็ไปเกิดเป็นรูปพรหม เป็นต้น

 

                     แต่ถ้าไม่มีครุกรรม ไม่ได้มีกรรมหนักทั้งฝ่ายบุญและฝ่ายบาป ก็มาไล่เรียงดูกรรมต่อไป เช่น อาสันนกรรม คือกรรมก่อนตาย กับอาจิณณกรรม คือกรรมที่ทำเป็นประจำ บางคนนึกว่าตนเองทำอะไรบ่อย ๆ สิ่งนั้นจะให้ผลก่อน แต่ถ้าก่อนตายเราเผลอไปนึกสิ่งตรงกันข้ามกับที่ตนเองทำบ่อย ๆ เช่น ทำบุญบ่อย แต่ก่อนตายกลับไปเผลอนึกเรื่องไม่ดีที่เคยทำ ทำให้จิตเศร้าหมอง พอตายแล้วก็ได้ไปตกนรกก่อนนั่นเอง

 

                      คนที่ทำบาปบ่อย ๆ แต่ก่อนตายเผอิญได้กัลยาณมิตรแนะนำให้นึกถึงบุญกุศลที่เคยได้ทำไว้บ้าง พอใจผ่องใสก็ได้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ก่อน แต่ไม่ใช่ว่าบาปที่เคยทำไว้จะไม่ส่งผล เพียงแต่หลีกทางให้อาสันนกรรม คือกรรมก่อนตายก่อน จิตเศร้าหมองก่อนตายต้องไปอบาย ถ้าจิตผ่องใสก็ไปสวรรค์ได้เหมือนกัน

 

เจริญพร

พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0014728347460429 Mins