สวดมนต์แล้วต้องเข้าถึงธรรม
ธรรมจักรเป็นบทสวดที่สำคัญ เพราะเป็นหัวขบวนและเป็นธรรมบทแรกที่พระองค์ทรงแสดงให้กับปัญจวัคคีย์ ซึ่งเคยเป็นอุปัฏฐากในช่วงที่พระองค์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา เป็นช่วงที่พระองค์ได้ทดลองหนทางที่จะตรัสรู้ธรรมเพื่อจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเมื่อพระองค์ทรงบรรลุธรรมแล้ว พระองค์ก็ทรงนึกถึงผู้ให้การสนับสนุน..แล้วแสดงธรรมบทนี้แก่ปัญจวัคคีย์ เพื่อเป็นพยานในการตรัสรู้ธรรม ซึ่งหากไม่มีพยานในการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การถ่ายทอดคำสอนก็ยาก ดังนั้นจึงต้องมีผู้บรรลุธรรมตาม
เพราะฉะนั้น เวลาที่พวกเราสวดธรรมจักรต้องทำจิตใจของเราให้เหมือนปัญจวัคคีย์ที่ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่สวดเพียงเพื่อจะเอายอด แต่สวดแล้วเราต้องปลื้ม ประดุจได้ฟังธรรมบทแรกพร้อมกับปัญจวัคคีย์ แล้วส่งจิตตามบทสวด ประหนึ่งเหมือนได้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์
ตอนนั้นปัญจวัคคีย์ท่านเป็นผู้ฟัง แต่เราทั้งสวดทั้งฟัง ควรบรรลุธรรมเช่นกัน ดังนั้นเราต้องสวดด้วยจิตเกษมอย่างมีความสุข มีความบริสุทธิ์ เหมือนปัญจวัคคีย์ทั้งห้าที่ตั้งใจฟังพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยจิตเกษมเป็นกุศลจนบรรลุธรรม ซึ่งเราจะต้องสวดธรรมจักรกันด้วยความปลื้มว่า เราไม่ใช่บุคคลธรรมดา เพราะเราสวดธรรมบทแรกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยทีเดียว
นอกจากเราจะเอายอดสวดเพื่อให้เข้าเป้าแล้ว เราก็ต้องเอายอดของความเป็นมนุษย์และเป็นพุทธสาวก คือ สวดแล้วต้องเข้าถึงธรรมด้วย โดยอย่างน้อยก็กายสบาย ใจสบาย เห็นแสงสว่างเห็นดวง อย่างนี้เป็นต้น จึงจะเรียกว่าสวดมนต์จนบรรลุธรรม ดีไหม ที่ผ่านมาเราได้ทดลองสวดมาอย่างต่อเนื่อง เราเร่งเป้าและเพิ่มยอดได้ในระดับที่ว่าเป็นชุดแรกของโลกที่สวดธรรมจักรได้ยอดขนาดนี้ แต่เราต้องขยับให้สูงขึ้น คือ สวดธรรมจักรจนบรรลุธรรมโดยอย่างน้อยก็เข้าถึงความสว่าง เห็นดวง เห็นองค์พระ เป็นต้น ซึ่งเป็นการยกระดับจิตของเราไปในระดับที่สอง คือ สวดมนต์จนเห็นธรรม!!
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่ม ๕
คุณครูไม่ใหญ่