อสุรกาย (อสุรภูมิ)
อสุระ คือเหล่าสัตว์ที่ไม่สว่างรุ่งโรจน์ (คือไม่แช่มชื่น ด้วยไม่มีอิสระและความสนุกรื่นเริง) หมายความว่า มีความเป็นอยู่ไม่สมบูรณ์ เช่น มีอาหารการกินที่อดอยาก มีของใช้ที่ไม่ดี บางทียังมีความทุกข์ยากในความเป็นอยู่ต่าง ๆ
เปรตที่เรียกว่า กาลกัญจิกเปรต หรือเรียกว่าอสุรา ไม่มีภูมิเป็นที่อยู่ของตนเอง โดยเฉพาะ อยู่ตามป่า ทะเล มหาสมุทร ภูเขา เกาะและเหว เป็นต้น
อสุรา มี ๓ อย่าง คือ เทวอสุรา เปตอสุรา และนิรยอสุรา
เทวอสุรา ได้แก่ เทวดาพวกที่เรียกว่า อสุระหรืออสูร
เปต อสุรา ได้แก่ เปรตที่เรียกว่าอสุระ
นิรยอสุรา ได้แก่ สัตว์นรกที่เรียกว่าอสุระ
เทวอสุรา มี ๖ อย่าง คือ
๑. เวปจิตติอสุรา
๒. สุพ อสุรา
๓. ราหุอสุรา
๔. ปหารอสุรา
๕. สัมพรตีอสุรา
๖. วินิปาติกอสุรา
เทวอสุรา ๕ พวกแรก มีที่อยู่ใต้ภูเขาสิเนรุ มีความเป็นอยู่คล้ายเทวดาชั้นดาวดึงส์ แต่เป็นปฏิปักษ์กับเทวดาชั้นดาวดึงส์ ด้วยมีเรื่องการแย่งภพภูมิที่อยู่กันมาแต่ในสมัยอดีต
เทวอสุราพวกสุดท้าย วินิปาติกอสุรา มีอำนาจน้อยกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ รูปร่างสัณฐานเล็กกว่า มีที่อยู่อาศัยไม่แน่นอน เที่ยวอาศัยในมนุษยโลกทั่วไป เช่น ตามป่า ตามเขา ต้นไม้ และศาลที่เขาปลูกไว้ อันเป็นที่อยู่ของมุมมัฏฐเทวดา พูดได้ว่าวินิปาติกอสุรา คือบริวารของภุมมัฏฐเทวดานั่นเอง ถ้าสงเคราะห์เข้าในพวกเทวดา นับได้ว่าเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา ไม่ใช่ดาวดึงสาเหมือนอสุรา ๕ พวกข้างต้น
เปตติอสุรา มี ๓ จําพวก คือ กาลกัญจิกเปรตอสุรา เวมานิกเปรตอสุรา อาวุธิกเปรตอสุรา พวกแรก กล่าวไว้แล้วในเปตตวิสัยภูมิ
เวมานิกเปรตอสุรา เป็นจำพวกเปรตที่เสวยทุกข์ในเวลากลางวัน เสวยสุขในเวลากลางคืน โดยมีความสุขเหมือนเทวดาชั้นดาวติงสา
อาวุธิกเปรตอสุรา คือพวกเปรตที่ใช้อาวุธต่างๆ เข้าประหัตประหารซึ่งกันและกัน ไม่มีความรักใคร่กันเหมือนเทวดาชั้นดาวดึงสา
นิรยอสุรา ที่อยู่ของสัตว์พวกนี้ อยู่ที่โลกันตริกนรก ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกลางของจักรวาลทั้งสามที่มีเขตเชื่อมติดต่อกัน อยู่ตรงช่องว่างตรงกลาง ภายในที่ว่างนี้มืดมิด มีน้ำเย็นจัด ถ้าสัตว์นรกตนใดตกลงไปในน้ำ ร่างกายจะละลายทันที ราวถูกน้ำกรดอย่างแรงกดละลายสูญสิ้นไปโดยรวดเร็ว สัตว์ในโลกันตริกนรกนี้ มีความเป็นอยู่เหมือนค้างคาวที่เกาะอยู่ตามฝาผนัง ต่างพากันเกาะอยู่ตามขอบกำแพงจักรวาล ภายในช่องว่างตรงกลางของจักรวาลทั้งสาม มีความหิวกระหายเป็นกำลัง ขณะกำลังไต่ไปมา ถ้าไปสัมผัสสัตว์นรกตัวอื่นเข้า ก็เข้าใจว่าเป็นอาหาร ต่างกระโดดเข้ากัดกันทันที เมื่อกระโดดเข้าหากันย่อมปล่อยมือจากการเกาะ ทำให้ตนเองหล่นลงไปในน้ำกรดเย็นจัดละลายตัวเองจนหมด เมื่อตายแล้วก็เกิดมีชีวิตเป็นขึ้นมา เกาะอยู่ตามเดิมใหม่อีก หมุนเวียนอยู่ดังนี้ไม่สิ้นสุด สัตว์เหล่านี้ร่างกายใหญ่โตมากราวภูเขา แม้จะมีอยู่จำนวนมากมายเท่าใด ก็ไม่สามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้เลย เพราะเป็นภูมิที่อยู่ในความมืดมิดเป็นที่สุด
อกุศลกรรมที่เป็นเหตุให้ไปเกิดในอสุรกายภูมิ เกิดจาก โมหะ เป็นส่วนใหญ่ขาดปัญญาพิจารณาใคร่ครวญในสิ่งต่าง ๆ เมื่อมีทรัพย์ มีอำนาจ จึงมักใช้ไปในทางผิดๆ บุคคลใดเป็นคนมีคุณงามความดีควรยกย่องสรรเสริญ กลับกดขี่ข่มเหงดูถูกติเตียนส่วนคนเลวประพฤติทุจริตผิดศีลธรรม กลับยกย่องสนับสนุน ทั้งนี้เป็นต้น
สัตว์ในนรก เปรต และอสุรกาย เหล่านี้ เมื่อเวลาเกิดขึ้นในภพนั้น ๆ เกิดแบบโอปปาติกะ คือเกิดโดยมีร่างกายปรากฏโตใหญ่ขึ้นทันที ไม่ต้องเป็นทารกในครรภ์ เกิดในไข่ หรืออื่นๆ
"เล่ห์ล้อหมุนตามรอยต้นแล้ว มั่นมั่วลาภแอกอันหนักใหญ่
คือทุกข์บาปร้อนไหม้ตามไป ทุกข์สมัยเวรกรรมมืดงำเอย"
อังคาร กัลยาณพงศ์