วันมหาปวารณา....ให้แนะนำตักเตือนกันด้วยความรัก
วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ นี้ เป็นวันมหาปวารณา เป็นวันที่พุทธบุตรที่อยู่ร่วมกันในพรรษานี้จะทำปวารณาซึ่งกันและกัน เพื่อจะได้เป็นกัลยาณมิตรให้แก่กันและกัน
เพราะฉะนั้น... ถ้าหากว่าเราได้เห็น ได้ยิน หรือเกิดสงสัยว่า “เพื่อนสหธรรมิกของเรามีข้อวัตรปฏิบัติที่ผิดแผกแตกต่างไปจากคำสอนของพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า เช่น ไปทำในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม หรือไม่ทำในสิ่งที่พระองค์ทรงให้ทำ” เป็นต้น เราก็จะได้อาศัยจิตเมตตาไปอนุเคราะห์และแนะนำเพื่อนสหธรรมิกรูปนั้น ๆ
การแนะนำตักเตือนกันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะ เพราะคนเราไม่ชอบให้ใครมาตักเตือน ถึงแม้ว่าคนนั้นจะสามารถทนเรื่องอย่างอื่นได้หลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นทนหนาว ทนร้อน ทนฝน ทนนั่น ทนนทนได้สารพัด หรือแม้กระทั่งความอดอยากยากจนนี่ก็ทนได้ แต่พอมีใครมาตักเตือนเท่านั้นแหละ....ทนไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่คนมาตักเตือนนั้นเขาก็ตั้งใจดี
เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการปวารณาซึ่งกันและกันว่า...ถ้าหากเห็นว่าอะไรจะชักนำทำให้เป้าหมายเบี่ยงเบน หรือเห็นข้อบกพร่องผิดพลาดประการใด ขอความกรุณาช่วยแนะนำตักเตือนด้วยเพราะตัวเราเองก็ยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า และยังมีกิเลสหนาปัญญาหยาบอยู่
ถึงกระนั้น... แม้เราจะทำการปวารณากันอย่างนี้แล้วก็ตาม แต่เราก็ต้องดูเวลาและอารมณ์ของเพื่อนสหธรรมิกด้วยว่า เขามีความพร้อมที่จะรับคำแนะนำตักเตือนจากเราไหม เพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจจะฉุนเฉียวขึ้นมาว่า “ไม่ต้องมาบอก ไม่ต้องมาสอน และไม่ต้องมาเตือนผม” นี่ขนาดเพิ่งจะปวารณากันหยก ๆ นะ เพราะฉะนั้นต้องดูเวลาและอารมณ์กันให้ดี แล้วก็ใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมไพเราะ จริง และมีประโยชน์
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า...การปวารณาถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีมาก ที่เราจะได้แนะนำตักเตือนกันด้วยความรักและปรารถนาดี เพื่อจะได้ประคับประคองกันให้อยู่ในกรอบคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็มุ่งไปสู่เป้าหมาย คือ...การสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการอยู่จำพรรษาแล้ว พอรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็จะเป็นวันแรม ๑ ค่ำ จึงจะออกพรรษา หลวงพ่อขอให้ทุกคนสมหวังในการมาบวชคราวนี้ ที่ตั้งใจจะทำพระนิพพานให้แจ้งและสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์
คุณครูไม่ใหญ่
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่มที่ ๔