ระเบียบวินัยมีไว้เพื่ออิสรภาพที่แท้จริง
ชีวิตของพวกเราทุกคนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นบุญกุศล ถือว่าเป็นผู้มีบุญมาก เราควรจะมีความสุข และสนุกสนานกับการต่อสู้เพื่อเอาชนะใจของเราเอง
มีสิ่งที่สับสนอยู่ ๒ สิ่ง คือ สิ่งที่มักจะพูดกันติดปากว่า “ฉันชอบเป็นตัวของตัวเอง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบความเป็นอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกรอบระเบียบวินัย อยู่แล้วอึดอัด” ถ้าเราพิจารณาให้ลึกซึ้ง คำพูดอย่างนี้ ถ้อยคำอย่างนี้ “เพราะชอบความเป็นอิสระ อยากเป็นตัวของตัวเอง” แต่การกระทำมักจะสวนทางกัน คือ “ชอบตามใจตัวเองมากกว่าที่จะเป็นตัวของตัวเอง” แต่ว่ามาใช้สับสนกันปนกันไปหมดแล้วตอนนี้ ที่จริงไม่ใช่เลย นั่นเขาเรียกว่า “ยังอยู่ในบังคับบัญชาของเขา” มันเป็นการตามใจตัวเอง หรือพูดเต็ม ๆ ว่า....ตามใจกิเลส หรือมารเขาบังคับให้คิดอย่างนั้น พูดอย่างนั้น แล้วก็ทำอย่างนั้น ฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อยกันไป อยากจะคิดอยากจะพูด อยากจะทำอะไร ก็ปล่อยตามใจกันไป คือ แพ้เขาเสียจนชินอย่างนั้น นั่นยังไม่ใช่เป็นตัวของตัวเองนะ นั่นยังไม่เป็นอิสระ
ที่เราเข้ามาอยู่ในองค์กรนี่แหละ เรากำลังจะต่อสู้เพื่อให้ได้เป็นตัวของตัวเอง เพื่อให้ตัวของเราเป็นอิสระ พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร เพราะฉะนั้น....กฎเกณฑ์อะไรบางอย่างที่เขามีอยู่ในองค์กร เขามีเอาไว้เพื่อที่จะได้ต่อสู้กับสิ่งที่บังคับบัญชาเราอยู่ที่ทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง และความเป็นอิสรภาพที่จะแสวงหาความสุขได้อย่างไม่มีขอบเขต หรือความรู้ที่กว้างขวางระเบียบวินัยที่มีอยู่...มีเพื่ออย่างนี้ ถูกวัตถุประสงค์อย่างที่อยากได้ทีเดียว แต่พวกเรามักจะไม่เข้าใจกัน เพราะฉะนั้น....เวลาเจอกรอบระเบียบวินัยก็รู้สึกว่าอึดอัดไม่ได้ดังใจ หลวงพ่อก็ยังมองไม่เห็นที่ใดในโลกที่มันได้ดังใจ ในเมื่อเรายังเป็นบ่าวเป็นทาสเขาอยู่จะขายก๋วยเตี๋ยว ขายกล้วยทอด ทำงานรับราชการ ทำงานส่วนตัว เป็นลูกจ้างในห้างร้านบริษัทอะไรต่าง ๆ เหล่านั้นมันก็มีเงื่อนไข มีกฎเกณฑ์ที่เราทําอะไรไม่ได้ดังใจ แล้วอะไรจะมาลำบากใจเท่ากับสิ่งที่เราอยากทำแล้วไม่ได้ทำ หรือสิ่งที่ไม่อยากทำแต่กลับได้ทำ ก็เพราะเรายังไม่เป็นอิสระ ยังไม่เป็นตัวของตัวเอง ดังนั้น...อย่าไปสับสนกับคำพูดอย่างนี้ พูดกันเสียเคยปาก แต่ความจริงมันอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้ที่จะเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเองได้ มีแต่พระอรหันต์และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น เพราะท่านหลุดพ้นจากสิ่งที่เขาบังคับบัญชาเราอยู่ ดังนั้น กรอบระเบียบวินัยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านวางเอาไว้ ที่หลวงพ่อได้วางแนวทางเอาไว้ที่คณะกรรมการบริหารได้วางเอาไว้มีวัตถุประสงค์อย่างเดียว คือ ให้ทุกคนเป็นอิสระ พ้นจากบ่าวจากทาสของเขา ของพญามารเป็นตัวของตัวเอง
เพราะฉะนั้น....อย่าอึดอัดกับกฎเกณฑ์ระบบระเบียบวินัยที่วางเอาไว้ ที่ไม่ให้ตามใจตัวของเราเองนั่นแหละ จงมีความสุขและสนุกสนานกับการต่อสู้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาในใจเรา ที่มันจะบังคับเราให้เป็นไปตามความปรารถนาของเขา เอาชนะมันให้ได้ ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วย ๒ อย่าง คือ หยาบๆ เราก็สอนตัวเองให้ได้ในเรื่องละเอียดก็ทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ให้เป็นสมาธิ จะได้เป็นบ่อเกิดแห่งสติปัญญา เมื่อสติปัญญาเกิดขึ้นแล้ว ปัญหาอะไรต่าง ๆ ก็จะได้หมดไป เหมือนออกจากที่มืดไปสู่แสงสว่าง
เพราะฉะนั้น....หยาบๆ เราก็สอนตัวเราเองว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตเรา เราจะทำสิ่งที่ดีงามอย่างไร เพื่อที่เราจะได้เดินทางไปสู่ปรโลกอย่างเบิกบาน มีความบันเทิงอยู่ในโลกทั้งสองทั้งโลกนี้ และโลกหน้า อย่างละเอียดก็ปฏิบัติธรรมะ ทำใจให้หยุดให้นิ่ง อย่างนี้แหละ ทำ ๒ อย่างนี้ให้ควบคู่กันไป เพราะฉะนั้น....ทําความเข้าใจให้ดีนะ
สำหรับบางคนที่เริ่มจะรู้สึกอึดอัดกับกฎเกณฑ์ กฎระเบียบข้อบังคับ ธรรมวินัยอะไรต่าง ๆ ให้รู้ว่าเรากำลังคิดผิด ให้ปรับปรุงแก้ไข ทำความเข้าใจกันใหม่ สิ่งที่คิดถูกก็คือ จะต้องมีความสุข และสนุกสนานต่อกฎเกณฑ์ ระเบียบวินัย ธรรมวินัยต่าง ๆ ต้องต่อสู้เพื่อจะเอาชนะมัน
เมื่อเราชนะได้ นั่นแหละความสุข ความเป็นอิสรภาพก็จะเกิดขึ้น เป็นอิสรภาพที่แท้จริง เป็นตัวของเราเองที่แท้จริง ซึ่งถึงตอนนั้นเราก็จะนั่งอย่างเป็นสุข นอนเป็นสุข ยืนเป็นสุข เดินเป็นสุข เหมือนพระราชาในอดีตที่ออกบวช พระมหากัปปินะนั่นแหละ มีความสุขสนุกสนานทีเดียวว่า “สุขจริงหนอ” ก็มีตัวอย่างอยู่แล้ว
คุณครูไม่ใหญ่
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่มที่ ๔