วิชชาธรรมกาย...จะศึกษาได้ต้องไปเป็นทีม

วันที่ 07 กย. พ.ศ.2566

7-9-66-B1.jpg

วิชชาธรรมกาย...จะศึกษาได้ต้องไปเป็นทีม
                    การเรียนวิชชาธรรมกายจะให้ได้ดี...ต้องปรับทั้งหยาบทั้งละเอียดควบคู่กันไป หยาบที่เคยเอาแต่ใจตัวเองต้องเปลี่ยนตัวเองใหม่ เพราะการเรียนวิชชาธรรมกาย ต้องเรียนเป็นทีม คนเดียวเรียนไม่ได้ผล ไม่ค่อยได้เรื่อง แล้วทั้งทีมต้องมีความรู้เท่าเทียมทันกันด้วย ไม่ทันไม่เท่ากัน...ไม่ได้เลย ยิ่งจะเรียนวิชชาที่ลึกซึ้งละเอียดลงไปเรื่อยๆ ทีมต้องยิ่งเยอะ แล้วทั้งทีมต้องเท่าเทียมทันกัน พอเท่ากันแล้ว เวลาที่มาซ้อนตรงกัน จะมีพลังที่ทบทับทวีไปได้ไกลเร็วแรงกว่าทำไปตามลำพัง เพราะตามลำพังมันได้นิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง


                    แผนผังดั้งเดิมต้องทำเป็นทีม แต่มาตอนหลังถูกพญามารปนเป็นเสียแล้ว จึงต้องกระจัดกระจายกันออกมาทำกันตามลำพัง เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าบ้าง พระอรหันตสาวกบ้าง ซึ่งพอไปถึงในนั้นแล้วแลเห็นหมด เข้าใจหมด เพราะแต่เดิมเป็นทีม พอพญามารปนเป็น จึงทำให้กระจุกกระจิกกัน จนกระทั่งเกิดอัตตาธิปไตย มีความเห็นของตัวเป็นใหญ่ คือ เอาแต่ใจตัวเราเอง ความเห็นเราต้องถูกต้องทีนี้ต่างคนต่างมีความคิดชนิดนี้ขึ้นมาจึงทะเลาะกัน หงุดหงิดกันจนกระทั่งบางคนรำคาญ “ที่นี่วุ่นวายหนอ” ก็ปลีกตัวไปเลย ไปทำตามลำพัง นี่เริ่มมาตอนนี้


                     เพราะฉะนั้น...ผังเดิมคือเป็นทีม ดังนั้นจะเรียนวิชชาธรรมกายได้ เราต้องเริ่มปรับทั้งหยาบ ทั้งละเอียด ให้เป็นทีม หยาบก็ต้องเป็นทีม ละเอียดก็ต้องเป็นทีม เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย ฉะนั้นใครติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง..ต้องแก้ ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันพวกเขา อย่าเอาแต่ใจตัวเอง ต้องเอาใจหมู่คณะเป็นหลักเป็นเกณฑ์จึงจะเป็นทีมได้ ถ้าเอาแต่ใจตัวเองก็เรียนวิชชาธรรมกายไม่ได้ นี่คือข้อแตกต่างของวิชชาธรรมกาย ซึ่งต่างจากที่อื่นอย่างนี้


                     เพราะฉะนั้น...ลด ละ เลิก การเอาแต่ใจตัวเราเอง แล้วก็ทำเป็นทีมเมื่อทีมสามัคคีกัน คุยกันรู้เรื่อง คิดเหมือนกัน พูดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน ทีมก็เกิดความสุข “สุขา สังฆัสสะ สามัคคี” ทำให้เกิดความสุข เมื่อหมู่คณะมีจิตที่เมตตากัน คิด พูด ทำ มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน มีความสุขนะ จะมีกระแสชนิดหนึ่งที่เกิดความอบอุ่นใจ


                     สมัยก่อนอบอ้าวใจ แต่เดี๋ยวนี้อบอุ่นใจ อยู่ที่ใดก็รู้สึกไม่ต้องหวาดระแวงอะไรกับใครเลย...สบาย ตรงนี้แหละจะเป็นพลังเสริมเป็นพลังแฝงเงียบ ๆ ที่เรามองไม่เห็น พลังแห่งความสามัคคีของทีม มีพลังแฝงเร้นเงียบ ๆ ที่จะทำให้ศึกษาวิชชาธรรมกายได้ดีมากเลย รู้ญาณจะแม่นยำ เพราะไม่มีอะไรมากระจุกกระจิ๊ก แล้วเกิดการถ่ายเทความรู้ให้รู้เท่าเทียมทันกัน เสมอเหมือนกัน พอความรู้กระจายทั่วถึง ก็รุกหน้าไปพร้อมกัน จะไปเรื่อย ๆ เลย


                     ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปรับตัวปรับใจทั้งทีม เลิกเอาแต่ใจตัวเราเอง ต้องลด ละ เลิกเสีย เป็นผู้ให้ความสุข ความปรารถนาดีแก่หมู่คณะ ต่างคนต่างให้ซึ่งกันและกัน ต้องปรับตรงนี้ ซึ่งหลวงพ่อว่าไม่ยากในการปรับอย่างนี้ ขอให้เรามีความตั้งใจมั่นว่าเราจะต้องทำให้ได้ เพราะสิ่งที่ยากสำหรับเรื่องนี้ มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น คือ ไม่อยากทำไม่ยอมทำเท่านั้นเอง ถ้าอยากทํา ยอมทำมันง่ายที่สุดเลย


                     โดยเริ่มต้นที่เราจะต้องมีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน พูดปิยวาจา มุทิตาวาที ถ้อยคำอันเป็นที่รัก นอกจากไพเราะแล้ว ต้องเป็นเรื่องจริง มีประโยชน์ ถูกจังหวะกาลเทศะ พูดเสริมกำลังใจซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจเรื่อยไป กำลังใจนี่มันแปลก ยิ่งเราให้เขาเท่าไร เรายิ่งได้เพิ่ม ผู้ให้ย่อมได้รับ ยิ่งให้ยิ่งได้เพิ่ม ไม่ใช่ยิ่งให้ยิ่งหมด ยิ่งให้ยิ่งเพิ่ม ยิ่งให้ยิ่งมียิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ


                      การกระทำก็เช่นเดียวกัน ให้สอดคล้องกันทั้งทีม จะได้เกื้อหนุนการปฏิบัติธรรมกันไปได้ เพราะฉะนั้น ต้องจำไว้นะว่า วิชชาธรรมกายจะศึกษาได้ด้วยวิธีเดียว คือ ต้องไปเป็นทีม ต้องทำเป็นทีมทั้งหยาบและละเอียด อย่าลืมคำนี้นะ เพราะฉะนั้นหันกลับมาปรับปรุงตัวเรานะ

 

 

 

 

คุณครูไม่ใหญ่

จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่มที่ ๔

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.023916880289714 Mins