เหตุผลที่ไม่ควรนำบริษัทสุราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(ตอนที่2)

วันที่ 10 ตค. พ.ศ.2548

 

      

6. แค่ถูกกฎหมายไม่พอ

ตลาดหลักทรัพย์อ้างว่า ไม่รับจดทะเบียนธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ธุรกิจสุราถูกกฎหมายสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนได้

แนวคิดนี้ขัดกับแนวคิดของผู้ใหญ่หลายคนในประเทศ ได้แก่ คำกล่าวของนายก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปราศัยไว้ครั้งหนึ่งว่า จะไม่ยอมรับธุรกิจ Exploit เด็กไม่ยอมให้ธุรกิจมอมเมาเด็ก จะไม่ยอมธุรกิจเอาเปรียบเด็กแค่ถูกกฎหมายไม่พอ เป็น Zero Sum Game คือ ฝ่ายหนึ่งอยู่อีกฝ่ายหนึ่งต้องไป , คำกล่าวของรองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในงานธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กล่าวว่า เรื่องธรรมาภิบาลของบริษัท เป็นเรื่องที่สำคัญไม่ใช่เน้นกำไรอย่างเดียว แต่ต้องมีความรับผิดชอบ คำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและคำกล่าวของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ว่ากิจการที่สังคมไม่ให้การยอมรับไม่ควรเข้าระดมในตลาดหลักทรัพย์ แม้เกณฑ์การรับหลักทรัพย์ของตลาดจะไม่มีข้อจำกัดก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญที่ประเด็นถูกกฎหมายไม่ควรเป็นเหตุอ้างให้นำบริษัทสุราเข้าตลาดหลักทรัพย์ คือ ธุรกิจที่ถูกกฎหมายแต่ไม่ดีเช่นธุรกิจสุรานี้ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพและสังคม มากกว่าปัญหายาเสพติดซึ่งผิดกฎหมาย ดังข้อมูลขององค์กรการอนามัยโลกในรายงานประจำปี ค.ศ. 2002 ระบุถึงการบริโภคบุหรี่ เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับ 4 ของ 20 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาระโรคสูงสุด โดยที่การบริโภคบุหรี่ สร้างภาระโรคมากกว่า 4% เล็กน้อย ขณะที่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับที่ 5 ของ 20 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาระโรคสูงสุด โดยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สร้างภาระโรคสูงสุดคิดเป็น 4 % ของภาระโรคจากปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด ซึ่งคิดเป็น 5 เท่าของภาระโรคที่เกิดจากการเสพสารเสพติดชนิดต่าง ๆ ซึ่งจัดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาระโรคสูงสุดอันดับที่ 17 โดยสร้างภาระโรคประมาณ 0.7-0.8% ของภาระโรคจากปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด

จะเห็นได้ว่า สุรา มีผลเสียทางสุขภาพให้มากกว่าสารเสพติดผิดกฎหมาย เช่น ฝิ่น เฮโรอีนเสียอีก จึงไม่ควรพิจารณานำธุรกิจสุราเข้าตลาดหลักทรัพย์โดยอ้างเพียงการถูกกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่าง ๆ มากมาย

 

7.กรณีศึกษาประเทศที่มีนโยบายควบคุมการบริโภคสุราที่เข้มงวด และไม่มีบริษัทสุราในตลาดหลักทรัพย์ ประชากรจะดื่มน้อยและมีผลกระทบน้อย

ปัญหาผลกระทบจากการดื่มสุราจะมากหรือน้อยแปรตามความจริงจังของนโยบายของการบริการประเทศนั้น ๆ ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้มีการนำธุรกิจสุราเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วย เช่น เมื่อเปรียบเทียบข้อมูล ของประเทศฝรั่งเศส และประเทศเยอรมัน ซึ่งมีปริมาณการดื่มเฉลี่ยต่อหัว มากกว่าประเทศสวีเดน (ปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ฝรั่งเศส 10.86 เยอรมัน 10.98 และสวีเดน 5.72 ลิตร/คน/ปี ) พบว่าประเทศฝรั่งเศสและประเทศเยอรมันเกิดผลกระทบด้านลบจากการบริโภคสุรามากกว่า เช่น มีจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากการป่วยด้วยโรคตับเรื้อรังและโรคตับแข็งมากกว่า (13.36,16.99 และ 5.35 ต่อแสนประชากรตามลำดับ) และมีจำนวนการเกิดอุบัติเหตุจราจรจากยานยนตร์มากกว่า (11.99,7.86 และ 5.87 ต่อแสนประชากรตามลำดับ) และมีจำนวนการเกิดอุบัติเหตุจราจรบนถนนที่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์มากกว่า (ฝรั่งเศสไม่มีข้อมูล ,เยอรมัน 30.9 และสวีเดน 11.34 ต่อแสนประชากรตามลำดับ ) และพบว่ามีข้อมูลที่น่าสในใจ คือ ประเทศฝรั่งเศสและประเทศเยอรมัน ซึ่งมีธุรกิจสุราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศหลายบริษัทนั้น (ฝรั่งเศสประมาณ 15 บริษัท เยอรมันประมาณ 40 บริษัท) มีการดำเนินนโยบายควบคุมปัญหาการไม่ควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่าที่ควร การกำหนดอายุขั้นต่ำของเยาวชนที่จะซื้อสุราได้ไว้เพียง 16-18 ปี การจำกัดการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพียงบางส่วน หรือการปล่อยให้มีการขายปลีกอย่างเสรีโดยไม่ต้องขออนุญาตจากภาครัฐ ส่วนประเทศสวีเดน ซึ่งไม่มีบริษัทสุราในตลาดหลักทรัพย์เลย ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายควบคุมปัญหาการบริโภคสุราในภาพรวมของประเทศ อาทิเช่น การจำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกือบหรือทุกวิถีทาง การกำหนดอายุขั้นต่ำของเยาวชนที่จะซื้อสุราได้ไว้สูงถึงอายุ 18-20 ปี การจำกัดการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยสิ้นเชิง หรือการผูกขาดการขายปลีกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยรัฐ เป็นต้น ดังรายละเอียดในภาคผนวก

จะเห็นได้ว่าความไม่จริงจังกับนโยบายการควบคุมปัญหาการบริโภคสุรา สอดคล้องไปกับการที่ประเทศนั้น ๆ อนุญาตให้บริษัทสุราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดผลกระทบตามมามากมาย เช่น ปริมาณการดื่มของประชากร ปัญหาอุบัติเหตุและปัญหาสุขภาพมากกว่าประเทศที่จริงจังกับนโยบายการควบคุมปัญหาการบริโภคสุรา ซึ่งรวมถึงการไม่อนุญาตให้นำบริษัทสุราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศด้วย

 

 

องค์การยุวสงฆ์แห่งประเทศไทย

วันที่ 20 กรกฎาคม 2548

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.033474083741506 Mins