พระธรรมเทศนาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖
พุทธรัตนะคือธรรมกาย
เรากล่าวคำบูชาเสร็จ ก็นั่งเข้าที่อีกครั้งหนึ่งนะ ตอนนี้ตั้งใจกันให้ดีทุก ๆ คน นั่งขัดสมาธิอย่างเมื่อสักครู่เนี่ย แล้วก็หลับตาของเราเบา ๆ ทำใจของเราให้หยุดให้นิ่งไปที่ศูนย์กลางกายกันทุก ๆ คน ตอนนี้เป็นตอนสำคัญที่เราจะได้นำดอกไม้ธูปเทียน อาหารหวานคาว ไปถวายเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านดับขันธปรินิพพานนานมาแล้ว ทั้งพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย มีพระธรรมกายปรากฏอยู่ในอายตนนิพพาน ในคำกล่าวคำถวายเราจะได้ยิน เบื้องต้นว่า พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะแล้วก็ญาณรัตนะ เราได้ยินกันเมื่อสักครู่นี้ บางท่านก็เข้าใจ บางท่านก็ไม่เข้าใจ
พุทธรัตนะก็ดี ธรรมรัตน สังฆรัตนะ สามอย่างนี้รวมเรียกว่า รัตนตรัย เป็นที่พึ่งที่ระลึกของพวกเราทั้งหลาย เป็นทั้งที่พึ่งและก็เป็นทั้งที่ระลึก สิ่งอื่นที่จะเป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกยิ่งไปกว่านี้นะ ไม่มีอีกแล้ว เมื่อเรามีทุกข์เราก็พึ่งท่านได้ ให้บำบัดทุกข์ เมื่อมีความสุขแล้ว เราก็ระลึกถึงท่านได้เพื่อเพิ่มเติมความสุข สรณะทั้งสามที่พึ่งที่ระลึกนี่น่ะ อยู่ภายในตัวของเรา อยู่ภายในมีของ มีอยู่ในตัวของพวกเราทุก ๆ คน แล้วก็ของทุก ๆ คนในโลก ถ้าถึงสรณะอันนี้ได้ ถึงอันนี้ได้เมื่อไหร่ละก็ ความทุกข์ทั้งหลายก็จะดับหมดสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษไปเลย แต่การเข้าถึงรัตนะทั้งสาม ที่พึ่งที่ระลึกอัน ประเสริฐภายในตัวของเรานี้ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่เข้าถึงได้ก็ต้องอาศัยใจที่หยุดที่นั่งให้ถูกส่วน แล้วต้องทราบว่ารัตนะทั้งสามนั้นอยู่ที่ตรงไหน ภายในกายของเรา ถ้าเราไม่ทราบ การเข้าถึงก็ยาก
เพราะฉะนั้นจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ดังนั้นก่อนที่เราจะน้อมเอาดอกไม้ธูปเทียน อาหารหวานคาวไปถวายเป็นพุทธบูชาที่จะน้อมกันไปเนี้ยะ ต้องให้รู้จักรัตนะทั้งสามโดยย่อ ๆ ซะก่อน รัตนะที่แปลว่าแก้วเนี้ย ถ้าเราขยายความให้มันกว้างขวางออกไปอีกซักนิดนึง มันมาจากคำสามคำมารวมกัน ระ คำนึง ตะ คำนึง นะ คำนึง ระ ก็มาจากรากศัพท์ของคำว่า ระมะ แปลว่าบันเทิง ตะก็มาจากรากศัพท์คำว่า ตะละ แปลว่าข้าม นะก็มาจากรากศัพท์คำว่า นิ แปลว่าถึง ถ้ารวมคำสามคำที่เป็น รัตนะ หมายถึงว่าเมื่อไหร่เรา ใจของเราเข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัตนะภายใน
ถ้าเข้าไปถึงรัตนะภายในตัวของเราเมื่อไหร่ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ จะเป็นที่บันเทิงใจของเรา จะทำให้ใจเราสดชื่นจะเบิกบาน ความทุกข์ ความเดือดเนื้อร้อนใจน่ะ ความโศกเศร้าเสียใจ คับแค้นใจ พิไรรำพันอะไรต่าง ๆ น่ะมันจะหมดไปหมด จิตใจเราจะเบิกบาน จะสดชื่น อย่างหาที่เปรียบปานไม่ได้ ถึงใช้คำว่าบันเทิงคือเครื่องปลื้มใจ ของนักปราชญ์ของผู้เข้าถึง ถ้าเข้าถึงแล้วละก็ไม่ห่วง ไม่กังวลอะไรหมดในโลก ไม่ต้องไปหวังพึ่งสิ่งภายนอก ผู้เฒ่าผู้แก่ก็ไม่ต้องหวังพึ่งลูกพึ่งหลาน จะต้องเอาอกเอาใจอะไรกันไป เพราะเรามีที่พึ่งภายในตัวของเรา
ใครเอาใจเราก็มีสุข ไม่เอาใจเราก็มีสุข ใจเราก็จะเฉย มีความบันเทิงอยู่ในรัตนะภายในตัวของเรา นี้คำว่าบันเทิง บันเทิงทั้งในโลกนี้ บันเทิงทั้งในโลกหน้า ได้ชื่อว่าบันเทิงในโลกทั้งสอง คือระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่นี่ก็สดชื่นเบิกบานน่ะ เห็นรัตนะทั้งสามใสแจ่มคล้าย ๆ กับเราลืมตาเห็นอย่างนั้นน่ะ เหมือนเราลืมตาเห็นวัตถุอยู่ภายในตัวเบี้ย เห็นใสยิ่งกว่าเพชรน่ะ ไม่มีตัวอย่างในโลก นี่เรียกว่าบันเทิงในโลกนี้ ละโลกไปแล้วเนี่ย ตายก่อนตายได้ พอร่างกายของเรามันเสื่อมไอ้โรคภัยไข้เจ็บมันเบียดเบียน มันทนไม่ไหว มันจะแตกสบายไป
ความบันเทิงนั้นก็ยังอยู่ในใจ มันก็เคลื่อนย้ายไอ้ความบันเทิงที่อยู่ในกายมนุษย์เนี่ย เลื่อนออกไปก่อนกำหนดได้ ออกไปบันเทิงในโลกหน้า ออกจากกายที่เน่าเปื่อยนี้ออกไป แล้วก็บันเทิงตลอดสดชื่นเบิกบาน ผ่องใส บันเทิงในโลกหน้าได้ นี่คำว่าบันเทิงนะ ทีนี้คำว่าข้าม ก็หมายถึงว่าเมื่อเราเข้าถึงรัตนะอันนี้ บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีมลทินเลยเนี่ย ขั้นหยาบก็พาเราข้ามจากทุคติ อบายภูมิต่าง ๆ นรก ๔๕๖ ขุมนี้ ไม่ต้องไป ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตวิสัย เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน นี่ข้ามหมด เป็นเครื่อง เครื่องที่พาให้เราข้ามจากทุคติ นำเราไปสู่สุคติภูมิ
สู่ในภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่จาตุมหาราช ดาวดึง ยามา ดุสิตา นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตดี เรื่อยกันไปเลยตามลำดับ นี้พาข้ามไป คล้าย ๆ กับเรือที่เราอาศัยข้ามฟาก จากฝั่งนี้ไปฝั่งโน้น ถ้าหากว่าบริสุทธิ์ผ่องใสจริง ๆ พระรัตนทั้งสามนี้ก็จะพาเราข้ามฝั่งวัฏฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด ไปสู่ฝั่งวิวัฏฏ สู่ฝั่งพระนิพพานได้ ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน อาศัยรัตนะทั้งสามนี่แหละ เป็นพาหนะพาข้ามไป ไปสู่ฝั่งโน้น ถึงก็หมายถึงว่า ไปถึงภูมิอันเลิศ ภูมิอันประเสริฐ ก็คือถึง ถึงภูมิของพระนิพพานนั่นเอง ถึงในอายตนนิพพาน
เพราะฉะนั้นพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะสังฆรัตนะ สามอย่างนี้จึงเป็นที่พึ่งที่ระลึก ที่จะให้ความสุขในปัจจุบัน สุขในอนาคต พาเราไปสู่ฝั่งของพระนิพพานได้ นี่ความหมายของคำว่า รัตนะ นะ พุทธรัตนะก็หมายเอา เอาพระพุทธเจ้าที่เป็นรัตนะ เป็นเครื่องบันเทิง เป็นเครื่องข้าม เป็นเครื่องพาให้ถึงฝั่งพระนิพพาน ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ก็ในทำนองเดียวกัน สามอย่าง รวมกันอยู่ในตัวของเรานี่แหละ รวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ถ้าเราแยก แยกเรียกกันตามชื่อก็พุทธรัตนะอย่างหนึ่ง ธรรมรัตนะอย่างหนึ่ง สังฆรัตนะอย่างหนึ่ง แต่โดยเนื้อความแล้วเป็นอันเดียวกัน เหมือนเพชรเม็ดเดียว ถ้าเราแยกก็มีสี มีแวว มีเนื้อ สีก็ได้แก่พุทธรัตนะ แววก็ได้แก่ธรรมรัตนะ เนื้อก็ได้แก่สังฆรัตนะ สามอย่างอิงอาศัยซึ่งกันและกัน รวมอยู่เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันเดียวสูงสุด อยู่ภายในตัว
เพราะฉะนั้นในการที่เราจะนำดอกไม้ ธูปเทียน อาหารหวานคาวไปถวายเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านเข้าถึงรัตนะทั้งสามก่อนเรา และก็แนะนำวิธีการเข้าถึงให้ เป็นอันหนึ่งเดียวกับรัตนะให้เราได้รับทราบ เราจะไปถึงพระองค์ท่านได้ก็อาศัยทำตามคำแนะนำของท่าน คือใจหยุดอยู่ภายใน ให้เข้าถึงรัตนะทั้งสาม แล้วก็น้อมนำเครื่องไทยธรรมทั้งหลาย ข้ามไปสู่ ข้ามฝั่งวัฏฏสงสาร ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ทีนี้ทางข้ามเราไปทางไหน ก็ไปผ่านภายในตัวของเรานี่แหละ ผ่านเข้าไปภายในตัวของเรา
พุทธรัตนะ ก็คือธรรมกาย ธรรมกายในตัวของเราน่ะ เป็นกายที่บริสุทธิ์ ที่ผ่องใส ใสเป็นแก้ว เหมือนอย่างวันมาฆบูชาที่ผ่านมามีหลายท่าน จำนวนมากทีเดียว เวียนเทียนอยู่ก็ดี นั่งอยู่ข้างหน้าอุโบสถ ลืมตามองเห็นพุทธรัตนะ เห็นพระพุทธเจ้าใสเป็นแก้ว จีวรก็ใสเป็นแก้ว แต่ว่าไม่ใช่เป็นแก้วแข็งอย่างที่เราเข้าใจอย่างนี้นะ อ่อนนิ่มสวยงาม ไม่มีที่ติ เห็นทั้ง ๆ ลืมตานี่ นี่มีพยานปรากฏแล้ว เห็นกันอย่างนี้ทุกปี เห็นกันอย่างทั้ง ๆ ที่ลืมตาเห็น บางท่านก็เห็นอยู่ภายใน บางท่านก็เห็นอยู่ ลืม ๆ ตาเห็น นี่แหละพุทธรัตนะ
ธรรมกาย กายแก้วก็คือกายพุทธรัตนะที่อยู่ภายในตัว เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ของพวกเราทั้งหลาย เป็นสิ่งที่เราจะต้องทำให้เป็นขึ้นมาให้ได้ ให้เกิดขึ้นมาให้ได้ ถ้าใจหยุดถึงอันนี้เมื่อไหร่แล้วละก็ บันเทิงเมื่อนั้นได้ข้ามความทุกข์ทั้งหลายไปหมด แล้วก็ถึงฝั่งแห่งความสุข จะเข้าถึงกันในปัจจุบันนี้แหละ ถึงในปัจจุบันนี้ ถ้าปัจจุบันนี้ถึงได้ อนาคตก็ถึงได้ นี่เข้าใจกันให้ดีนะ เอาล่ะเมื่อเราเข้าใจกันอย่างนี้แล้ว
ต่อจากนี้ไป เราก็เอาใจของเราหยุดนิ่งให้ผ่องใส ให้ใจใสเป็นแก้วทีเดียว เราก็นึกรวมดอกไม้ธูปเทียน อาหารหวานคาวที่เราได้นำมาคนละเล็กละน้อยเนี่ย รวมเอาไว้ที่ศูนย์กลางกาย ซึ่งเป็นทางไปสู่พระนิพพาน รวมให้หยุดให้นิ่ง ทำใจให้หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง ให้ผ่องใส ให้ใจเบิกบานให้ชุ่มชื่น ให้ใสเป็นแก้วทีเดียวนะ พอถึงตรงนี้น่ะ ถ้าใครเห็นพระใส ๆ ก็น้อมจิตตามไป ถ้าใครยังคุ้ม ๆ ค่ำ ๆ อยู่ ก็ใจนิ่งเฉย ๆ ใจใครปลอดโปร่งก็วางเฉย ๆ เป็นหน้าที่ที่คุณยายจะคุมขึ้นไปเอง ท่านก็จะนำเอาดอกไม้ ธูปเทียน อาหารหวานคาวน้อมขั้นไป อาศัยธรรมกายน้อมขึ้นไป
แล้วก็น้อมใจของเราทุก ๆ คนน้า น้อมขึ้นไป ถวายพระพุทธเจ้า ประหนึ่งว่าเราได้เข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ ต่อหน้า เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ท่าน ทุก ๆ พระองค์ นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน ที่มีพระธรรมกายปรากฏอยู่ในอายตนนิพพาน พระสัพพัญญูพุทธเจ้า ธรรมกายของท่านก็สวยงามงามไม่มีที่ติ งามไม่มีที่ติ หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา ใสเป็นแก้วทีเดียว ใสสวยงามทีเดียว มีพุทธสาวกล้อมรอบเต็มไปหมด เต็มไปหมด พระปัจเจกพุทธเจ้าก็อยู่องค์เดียว ลอยอยู่ในอายตนนิพพาน
ทีนี้ คำว่าอายตนนิพพานนี้ มันแปลได้หลายอย่าง แปลว่าเขตแดนก็ได้ แปลว่าบ่อเกิดก็ได้ แปลว่าที่ตั้งก็ได้ แปลว่าทรงกลมก็ได้ ทรงกลมก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเรารวมความหมายแล้ว อายตนนิพพานที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้น่ะมีอยู่ ไม่ใช่ดิน น้ำ ลม ไฟ ในโลกนี้ โลกไหน ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว อย่างที่มนุษย์ทั่ว ๆ ไปเข้าใจกัน แต่ว่าอายตนะนั้นมีอยู่ จะเข้าถึงได้ต้องอาศัยธรรมกาย ที่บริสุทธิ์ผ่องใส เป็นเขตแดนกว้างขวาง ไม่มีอะไรกำบัง ไม่มีโบสถ์ ไม่มีวิหาร ไม่มีศาลาการเปรียญ อยู่ในอายตนะนั้นไม่มีอะไรเลย โล่ง ว่าง เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งเหล่านั้น เนื่องจากว่าท่านพึ่งตัวของตัวท่านเองได้ ใจท่านหยุดติดนิ่งเข้านิโรธสมาบัติ อยู่ภายในตัวของท่าน เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งสิ่งเหล่านั้น
ในอายตนนิพพานสว่างไสวด้วยธรรมธาตุ ธรรมรังสีของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น วัตถุอะไรต่าง ๆ ไม่มี มีแต่ความบริสุทธิ์ผ่องใส ธรรมกายก็ลอยอยู่ในอากาศในธรรมธาตุนั้น ๆ ใสบริสุทธิ์จริง ๆ มีความผ่องใสจริง ๆ พุทธเจ้านี่ไม่ใช่ท่านมีเครื่องประดับประดา แต่งตัวเหมือนอย่างกับเทวดาหรืออย่างที่เราเห็นกันอะไรต่าง ๆ ตามภาพเรื่อยเปื่อยกันออกไปอย่างนั้น กายจริง ๆ ท่าน
เป็นธรรมกาย กายพระ กายแก้วสวยงามจริง ๆ นะ
อยู่ในอายตนนิพพาน ท่านอยู่ในโน้น เข้าถึงนะยาก แค่เข้าถึงภายในตัวของเรานี่ก็ยังยากแล้ว ไปถึงอายตนนิพพานนี้ก็ยิ่งยากใหญ่ แต่ที่เราจะเข้าไปถึงได้ก็ต้องอาศัยธรรมกายนี่แหละ น้อมไปได้ชั่วคราว จะไปอยู่เป็นจริงเป็นจังนั้นมันยังไม่ได้ จนกว่าเมื่อไหร่เราทำอาสวกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ ธรรมกายภายในตัวของเราบริสุทธิ์เท่ากับอายตนนิพพาน มีความบริสุทธิ์เท่าเทียมกัน ไม่มีเครื่องร้อยรัดอะไรต่าง ๆ ผูกพันให้ติดอยู่ในโลก บริสุทธิ์ผ่องใส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่มีเลย นั่นแหละจึงจะไปอยู่โดยถาวรได้ แต่อันนี้เราไปได้แค่ ตทังควิมุตติ ไปแค่ชั่วครั้งชั่วคราวกันไปอย่างนั้น ไปได้แค่นำเครื่องไทยธรรมไปถวายเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
เพราะฉะนั้นเราก็น้อมนำดอกไม้ธูปเทียน อาหารหวานคาว น้อมกันไป พอถวายท่าน คุณยายก็คุมถวายหมดทุก ๆ พระองค์ สั่งพุทธจักร ในอายตนนิพพาน นับอสงไขยไม่ถ้วน ชนเท่านับเป็นหนึ่งก็ทับทวีเข้าไปเรื่อยเลย ทับทวี ไปนับไม่ถ้วนเลย ว่าเป็นผลทานแห่งพวกเราทุก ๆ คนที่มาในวันนี้ อุตส่าห์สละทุกสิ่งทุกอย่างออกจากบ้าน ไม่หวาดหวั่น ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง แค่ไหนก็ไม่กลัว ได้สละเวลาทุกอย่างมาแสวงบุญเนี่ย ก็ทูลท่านขึ้นไปเรื่อย สั่งพุทธจักรไปแล้วก็ทับทวีขึ้นไป อย่างที่เคยทำเอาไว้
แล้วก็ขอศีล ขอพร ขอบุญ ขอบารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจ วาสนา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ให้ทุกคนมีแต่ความสุข มีความเจริญ ให้ได้สำเร็จมรรคผล ให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ให้ได้ผลบุญในปัจจุบันนี้ ให้ได้เข้าถึงรัตนะทั้งสามภายในตัว ในภพปัจจุบันให้มีความสุขกาย สบายใจ ทุกข์ โศก โรคภัย อะไรต่าง ๆ ก็ให้ละลายหายสูญไปให้หมด ให้ได้ผลบุญหลั่งไหลต่อเนื่องกันมา เหมือนฝนตกลงมาในจักรวาล ไม่มีลมพายุ ให้ไหลเข้าสู่ศูนย์กลางกำเนิด เป็นเครื่องบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทำความสำเร็จให้เกิดขึ้น ทุกอาชีพ ทุกหน้าที่ การงานให้บรรลุเป้าหมายให้หมด เอาบุญเนี้ยให้ต่อเนื่องกันไปเลย
คุณยายคุมบุญ คุมบุญทุก ๆ คน ที่เค้าตั้งความปรารถนา ท่านที่เป็นนักธุรกิจก็ให้ซื้อง่าย ขายคล่องกำไรงาม ให้สะดวกไปทะลุตลอดรอดฝั่งหมด ที่เป็นนักศึกษาก็ให้ศึกษาสำเร็จสมความปรารถนา ที่เป็นพ่อบ้านแม่บ้านก็ให้ครอบครัวเค้าอยู่เย็นเป็นสุข ที่รับราชการก็ให้ไปสูงสุดในสายนั้น ให้เป็นที่เมตตา ปราณีของทุก ๆ คน ของผู้หลักผู้ใหญ่ ให้คุณยายคุมบุญไปอย่างนี้ ทูลพระพุทธเจ้า พระนิพพาน พุทธเจ้าขึ้นไปเรื่อย ๆ ไปตามลำดับไป ให้ละเอียดขึ้นไปไม่ซ้ำธาตุ ไม่ซ้ำธรรม ไม่ซ้ำพระองค์เลย คุมบุญให้ต่อเนื่องกันลงมา ให้ไหลเข้าสู่ศูนย์กลางให้หมด แล้วก็ทับทวีอาหารทิพย์ สั่งจักรพรรดิ มาในภพทั้งสาม ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ แจกจ่ายกันให้ทั่วถึง อย่างที่เราได้เคยปฏิบัติกันมา
คุณยายคุมกันให้หมด แล้วก็เอาไปไว้ที่วิมานของพวกเราทุก ๆ คน ถ้าหากยังไปสู่พระนิพพานไม่ได้ ก็มีที่พักกลางทางน่ะ ไปตามส่วนของกำลังบุญ ใครที่มีกำลังบุญมาก ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพียบพร้อม ความสุขความสบายก็มีมาก เอาอาหารทิพย์ทุกอย่างนะ ไปไว้ที่วิมานของทุก ๆ คน ตามส่วนกำลังแห่งบุญ เป็นที่พักกลางทางของพวกเราทุก ๆ คน ในระหว่างเวียนว่ายตายเกิด ให้คุณยายคุมไปหมด สั่งจักรพรรดิไป แล้วก็คุมทับทวีอาหาร อาหารทิพย์ที่ไปแจกจ่าย แก่หมู่ญาติที่ละโลกไปแล้ว ปู่ย่าตายายต่าง ๆ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ลูกหลานเหลน หรือใครก็ตาม ที่เป็นหมู่ญาติของพวกเราทุก ๆ คน สั่งจักรพรรดิเค้าคุมไปเสร็จ ไปให้ทั่วถึงกันไป แล้วก็แจกจ่ายจนกระทั่งมาถึงภพของมนุษย์ แจกจ่ายหมด รุกขเทวดา อากาศเทวดา ภุมมเทวดา แจกกันให้ทั่วถึง
แล้วก็อธิษฐานจิต อาราธนาบารมีของพระพุทธเจ้า เทวดา พรหม อรูปพรหม ให้ปกปักษ์รักษาประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของเราให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้พ้นจากภัยพิบัติต่าง ๆ ให้เป็นเอกราช ให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ทุกสิ่งทุกอย่างแหละ พวกเราจะได้สร้างบารมีกันอย่างสะดวกสบาย ให้ปราศจากศึกเสือเหนือใต้ปราศจากสิ่งเหล่านี้หมด ให้มีแต่เป็นมิตร มีแต่มิตร มีแต่สหายของประเทศไทย ไอ้ที่ดีงาม มีแต่กัลยาณมิตร แล้วแผ่ไปยังเพื่อนร่วมโลกทุก ๆ คน ให้เค้าเข้าถึงธรรมกายกันทุก ๆ คน พอเข้าถึงธรรมกายได้ ได้ชื่อว่าเข้าถึงรัตนะถึงที่พึ่งที่ระลึก สันติสุขก็จะได้เกิดขึ้นกับตัวเค้า กับครอบครัวแล้วก็ส่วนรวม โลกเราจะได้อยู่เย็นเป็นสุข คุณยายก็คุมไปอย่างนี้ และพวกเราก็แผ่เมตตาอธิษฐานจิตตามใจชอบกันทุก ๆ คนนะ