สัมมาทิฏฐิ

วันที่ 12 มิย. พ.ศ.2567

120667b01.jpg 

สัมมาทิฏฐิ
พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)


                ต่อจากนี้ตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานกันนะจ๊ะ ให้นั่งขัดสมาธิเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้มือขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายส่วนท่านที่นั่งขัดสมาธิสองชั้นไม่ได้ จะนั่งชั้นเดียวก็ได้หรือท่านที่เครื่องแต่งตัวไม่สะดวกในการนั่งขัดสมาธิ จะนั่งพับเพียบก็ได้นะจ๊ะ แต่ให้เอามือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้มือขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักเช่นเดียวกันนะจ๊ะ ทำแบบเดียวกัน หลับตาของเราเบา ๆ หลับพอสบายคล้าย ๆ กับเรานอนหลับ สำคัญนะตรงนี้สำคัญ หลับพอสบายคล้าย ๆ กับเรานอนหลับ เราจะสังเกตได้ว่า คนเราเวลานอนหลับนั้นน่ะ ตาเขาไม่เม้มปิดแน่นแบบคนทำตายหยีหรือปิดสนิทเลย อย่างนี้จะทำให้มึนศีรษะตึงตรงบริเวณหัวคิ้วนะ

 

                เพราะฉะนั้นเวลาคนหลับเนี่ยเขาจะไม่เม้มตาแต่ก็ไม่ลืมตาโพลง จะหลับตาประมาณสักครึ่งค่อนลูก คล้ายจะปลือ ๆ ตา คล้ายกับปิดไม่สนิท มันปลือ ๆ นิดนึง ให้มีความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตานั้นผ่อนคลาย ที่หลวงพ่อต้องย้ำตรงนี้ เพราะว่าในแง่ของการปฏิบัติจริง ๆ หลายท่านที่ไม่ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม เพราะว่ามันทำไม่ถูกวิธีตั้งแต่เบื้องต้น เพราะไปเม้มปิดเปลือกตานั่นมันก็ปวดศีรษะ และก็บอกว่าปฏิบัติไม่ได้ผล ไม่มีบุญมั่ง หรือชาตินี้จะเห็นบ้างหรือเปล่า ก็โทษโน่นโทษนี่ไปเลย แต่จริง ๆ แล้วมันยังไม่ถูกวิธีตั้งแต่เบื้องต้น ตั้งแต่ท่านั่งต้องผ่อนคลาย 

 

                แต่ที่หลวงพ่อสอนให้เอาขาขวาทับขาซ้าย เพราะว่าเป็นแบบแผนที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ถอดแบบออกมาจากพระธรรมกายในตัว ท่านนั่งอย่างนี้แหละ เราจะได้รู้ว่าแบบที่ถูกต้องเป็นมาตรฐานนั้นมันเป็นอย่างไร แต่เนื่องจากว่ากายหยาบเรานี่ ไม่ใช่กายมหาบุรุษ เหมือนพระธรรมกาย เพราะฉะนั้นก็ยืดหยุ่นอะลุ่มอล่วยกัน นี่สำคัญทุกขั้นตอนเลย ต้องทำให้ถูก ถ้าไม่ถูกแล้วมันก็เสียเวลาในการปฏิบัติ เราจะได้แค่ขันติบารมี คือนั่งทน แต่ว่านั่งไม่ถึงธรรม เพราะมันผิดวิธีตั้งแต่เบื้องต้น แต่นั่นจะต้องนั่งให้ถูกนะจ๊ะ แล้วก็ปิดเปลือกตาให้ถูกวิธี

 

                การปฏิบัติธรรมก็คือการแสวงหาความพอดีนั่นเอง ปรุงให้ถูกส่วนทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะฉะนั้นตอนนี้หลับตาให้สบาย แล้วก็ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยทำความรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายเราผ่อนคลาย ตั้งแต่เปลือกตา กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก ศรีษะ ลำคอ บ่าทั้งสอง ไหล่ทั้งสอง แขนทั้งสองถึงปลายนิ้วมือผ่อนคลายให้หมด  ลำตัวไปถึงขาทั้งสองถึงปลายนิ้วเท้าผ่อนคลาย  ผ่อนคลายทั้งร่างกายเลยนะจ๊ะ ให้ผ่อนคลายจนกระทั่งเรามีความรู้สึกว่าเรานั่งได้ทุกส่วน ทุกส่วนจนกระทั่งเกิดความรู้สึกว่าจะนั่งอย่างนี้ไปนาน ๆ เท่าไหร่ก็นั่งได้ และมีความเชื่อมั่นว่าเราคงจะต้องได้เข้าถึงพระธรรมกาย สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เกิดความมั่นใจอย่างนั้นเลย ด้วยท่านั่งที่ถูกวิธีนะจ๊ะ เมื่อเราปรับท่านั่งถูกแล้วก็มาปรับใจของเรา 

 

                ใจที่เหมาะสมที่จะเข้าถึงพระธรรมกายในตัว จะต้องเป็นใจที่ปลอดโปร่งว่างเปล่าจากภารกิจเครื่องกังวลทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องครอบครัวเรื่องการศึกษาเล่าเรียน เรื่องธุรกิจการงานสิ่งแวดล้อม เรื่องอดีตที่ผ่านไปแล้ว เรื่องอนาคตยังมาไม่ถึง แม้กระทั่งเรื่องปัจจุบันที่เราตั้งใจอยากจะให้ใจสงบอยากได้สมาธิ อยากเห็นพระธรรมกาย ความรู้สึกชนิดนี้ก็ต้องหมดไปจากใจด้วย เกลี้ยง ใจต้องเกลี้ยงเกลา  บริสุทธิ์ผ่องใสว่าง ๆ ว่างเปล่าจากความคิดทั้งหลายทั้งมวล เหมือนไม่รู้จักความคิดมาก่อนเลย หรือคล้าย ๆ กับเราอยู่คนเดียวในโลก ในโลกนี้ ไม่มีคนไม่มีสัตว์ไม่มีสิ่งของไม่มีตึกรามบ้านช่อง ไม่มีอะไรเลยว่าง ๆ ใจอย่างนี้แหละใจที่ว่างเปล่าอย่างนี้นะจ๊ะ เหมาะสมที่จะเข้าถึงพระธรรมกายในตัว 
                  


                ถ้าเราทำได้วันนี้เราก็ถึงวันนี้ ถ้าทำได้วันพรุ่งนี้ก็ถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าทำได้ปีหน้าก็ถึงปีหน้าถ้าทำได้ตอนใกล้จะตายก็จะเข้าถึงได้ตอนใกล้จะตาย เราเลือกเอานะจ๊ะ เราจะเอายังไงกันแล้วแต่เรา โลกแล้วแต่เราความสำเร็จก็แล้วแต่เรา ถ้าเราชอบช้าก็ทำแบบที่มันไม่ถูกวิธี ถ้าชอบเร็วเพพอเราใจเร็วอะไรทุกอย่างเนี่ย ก็ทำให้มันถูกวิธีซะ ก็จะได้เข้าถึงเพราะฉะนั้นใจที่เหมาะสมต้องวางเปล่าปลอดโปร่งและต้องมีอารมณ์จิตที่เป็นกุศลบริสุทธิ์ผ่องใส มีความรักมีความปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ สรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายมีความปรารถนาดี ต่อผู้ที่เป็นที่รักของเรา ตั้งแต่รักมาก รักปานกลางรักน้อย ๆ เฉย ๆ ไม่ถึงกับเกลียด กระทั่งถึงผู้ที่เราเคยขุ่นมัวเคยขัดเคือง เราจะต้องมีความรู้สึกอย่างนี้นะจ๊ะ กับคนที่เคยทำให้เราไม่สบายใจ ช้ำอกช้ำใจว่า ฉันจะลืมเธอซะลืมเรื่องที่เธอทำกับฉันเอาไว้น่ะ แล้วยังไม่พอนะจ๊ะ และขอให้เธอมีความสุขด้วย

 

                ขอให้เธอประสบความสำเร็จในชีวิตทุก ๆ ด้านเลย ชีวิตเธอมีความสุข ครอบครัวเธอมีความสุข การงานเธอสำเร็จ สำเร็จทุกอย่างไปเลย แล้วยังไม่พอนะจ๊ะ จะต้องให้ความรักกับตัวของเราเองด้วย ความรักที่ยิ่งใหญ่คือรักตัวเรา รักตัวเราคือคิดอย่างไร อย่าทำร้ายตัวของเราด้วยการนำสิ่งที่ทำให้ใจเราร้อน เราเศร้าเป็นทุกข์ไม่สบายใจ จนกระทั่งท้อหมดแรงที่จะสร้างความดีต่อไป จะต้องไม่มีอย่างนี้ด้วย ถ้าทำได้อย่างนี้นับไปเลยนะจ๊ะ ๕ นาที ๑๐ นาทีไม่เกินครึ่งชั่วโมง ใจหยุดกึ๊กเลย หยุดนิ่งแจ่มใสจนกระทั่งเกิดความรู้สึก ว่าโอ้ตั้งแต่เกิดมานี่ ไม่เคยมีความสุขอย่างนี้เลย ก็เพราะมัวไปทำลายตัวเองเนี่ย ตลอดวันตลอดคืนตลอดเวลา ว่าคนโน้นเธอทำกับฉันสิ่งนี้ไม่น่าทำกับฉันอะไรอย่างนั้น มันก็กลุ้มใจเป็นทุกข์ใจ แล้วจะเข้าถึงความสุขภายในได้อย่างไร จะเข้าถึงพระธรรมกายภายในได้อย่างไร ก็เข้าไม่ถึง

 

                ว่าเข้าใจอย่างนี้ดีแล้ว ต่อจากนี้จะได้แนะนำวิธีการปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย พระธรรมกายนี่ท่านมีอยู่ในตัวเราทุกคน ทุกชาติทุกภาษาไม่ว่าจะชาติไหนภาษาไหนก็แล้วแต่ ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ล้วนแต่มีพระธรรมกายอยู่ในตัวทั้งสิ้น แต่ว่าเป็นกายละเอียดซ้อนอยู่ภายใน อยู่ในกายลึก ๆ ซ้อนเป็นชั้น ๆ เข้าไปหลายชั้นเข้าไปทีเดียว ตั้งแต่การมนุษย์ละเอียดซ้อนอยู่ในกายหยาบกายทิพย์ซ่อนอยู่ในกายมนุษย์ละเอียด กายรูปพรหมซ้อนอยู่ในกลางกายทิพย์ กาอรูปพรหมซ่อนอยู่ในกลางกายรุปพรหม กายธรรมหรือพระธรรมกายเนี่ยซ้อนอยู่ ในกลางกายของอรูปพรหม นี่มีอยู่แล้วนะจ๊ะ ซ้อนเป็นลำดับชั้นไปเลย ตั้งแต่กายธรรมโคตรภู พระโสด พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ซ้อนอยู่ภายในอยากเห็นพระอริยเจ้า พระอริยบุคคลค้นเข้าไปภายในก็นั่นแหละ จึงจะเห็นได้จะไปหาด้วยตาเนื้อเลย มันเป็นมายามันเป็นภาพลวงตา ดูไม่ออกหรอกจ้ะ แต่ของจริงที่เป็นสัจธรรมนั้นมีอยู่ในตัวของเรา ซ้อนอยู่ภายในลึก ๆ 

 

                เมื่อเข้าถึงแล้วเราจะรู้จักคำว่าสรณะ ที่แปลว่าที่พึ่งที่ระลึก เข้าถึงแล้วสงบ สะอาดสว่าง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เป็นอย่างไรก็จะรู้จักกันในตอนนั้น มีอยู่แล้วในตัวของเราใสบริสุทธิ์ กายท่านนะจ๊ะ สวยงามมากทีเดียวงามไม่มีที่ติ ก็หมายถึงคนที่เก่งในการติมาดูพร้อม ๆ กันทั่วโลก หาไม่เจอไม่มีที่ติเลย นอกจากไม่มีที่ติแล้วยังชื่นชมว่างามเหลือเกิน สวยเกินสวย ใสเกินใส ใสกว่าเพชร เพชรที่ว่าใสแล้วเนี่ย ถ้ามาเทียบกับความใสของพระธรรมกายในตัว เทียบกันไม่ได้เลย เหมือนเอา เหมือนเอาถ่านน่ะมาเทียบกับเพชรอย่างนั้นแหละ เนี่ยจะใสบริสุทธิ์เป็นความใสที่ละเอียดอ่อน นุ่มเนียนตาดูแล้วละมุนละไมมีความสุขทีเดียว นั่นแหละพระธรรมกายเป็นที่พึ่งและที่ระลึกที่มนุษย์เทวดาพรหม อรูปพรหมต้องยกมืออัญชลีบูชา นั่นแหละจ้ะอยู่ในตัวของเรานี่เองไม่ได้อยู่ที่ไหน จะเข้าถึงได้มีวิธีเดียวไม่มีหลายวิธี คือใจเนี่ยต้องวางให้มันถูกที่และต้องวางให้ถูกส่วน ถ้าถูกที่ด้วยถูกส่วนด้วย เดี๋ยวก็เข้าถึงพระธรรมกายในตัว ถูกที่ถูกส่วนเป็นยังไง ก็หยุดนั่นเอง ใจต้องหยุดนิ่งใจที่แว่บไปแว่บมานะจ๊ะ ใจที่วางไว้ผิดที่น่ะ ไปวางไว้ที่คนมั้ง ที่สัตว์มั่งที่สิ่งของมั่ง ที่เรื่องราวอะไรต่าง ๆ มั่ง เยอะแยะไปหมดอย่างนั้นน่ะ นำกลับมาวางให้ถูกที่ตรงกลางตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้แหละ  ถ้าถูกที่แล้วปรงให้ถูกส่วน คือปรับอย่าให้มันตึงเกินไป อย่าให้มันหย่อนเกินไป พอถูกส่วนเข้าเดี๋ยวก็เข้าถึงได้นะจ๊ะ 

 


                เพราะฉะนั้นวิธีเข้าถึงคือหยุดอย่างเดียว  วางใจให้มันถูกที่ ปรุงใจให้ถูกส่วนหยุดที่นิ่งเฉย ไม่ต้องทำอะไรเลย นิ่งอย่างเดียว เดี๋ยวใจก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายใน ละเอียดลงไป ละเอียดลงไป กว้างขวางใหญ่โตไปเรื่อย เดี๋ยวก็เข้าถึงได้ เพราะฉะนั้นวิธีเข้าถึงคือใจหยุด จำไว้นะจ๊ะถ้าหากของใดก็ตาม ถ้าวางไว้ถูกที่ดีทั้งนั้น อย่างมือของเราปกติต้องวางไว้ข้าง ๆ ตัว ถ้าวางผิดที่ยกให้สูง ๆ ค้างไว้อย่างนั้นครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวก็เมื่อย ขานี่ถ้าวางไว้ถูกที่คือยืนตรง ๆ ถ้ายกข้างหนึ่งค้างครึ่งชั่วโมง ผิดที่อย่างนั้นเดี๋ยวก็เมื่อย เมื่อยหมดเลยนะจ๊ะ ใจของเราก็เหมือนกัน วางไว้ผิดที่ไปวางไว้กับคนโน้น วางไว้กับของชนิดนี้ วางไว้กับงานอย่างนั้น เรื่องราวอย่างโน้น พอผิดที่เข้าร้อนใจ ใจก็ร้อน แต่พอวางถูกที่ คือที่ตั้งของใจมีที่เดียว ที่กลางกายฐานที่ ๗ พอถูกที่เท่านั้น ดวงสว่างเกิดขึ้นเลย 

 

                โดยก่อนที่จะถึงดวงสว่างเนี่ยใจมันจะค่อย ๆ นิ่งเฉย ค่อย ๆ โล่งที่เรียกว่าโล่งใจน่ะ ใจโล่ง ๆ ความรู้สึกที่ร่างกายเราเริ่มขยายกว้างออกไปน่ะ เหมือนกายเราทำด้วยลูกโป่ง ขยายออกไปค่อย ๆ กว้างแล้วก็เบา เบาเหมือนจะลอยได้ เบา แล้วก็กลืนไปกับบรรยากาศเหมือนไม่มีตัวตนเหมือนไม่มีร่างกายเลย มีแต่ความนิ่งอย่างเดียว พอถูกส่วนเดี๋ยวแสงสว่างเกิดแล้วค่อย ๆ เกิดทีละนิดทีละนิดเหมือนฟ้าสาง ๆ ตอนตี ๕ ในฤดูร้อนน่ะ ค่อย ๆ แจ้งขึ้นสว่างขึ้นสว่างขึ้น ๗ โมงเช้า ๘ โมงถึงเที่ยงวันเลย และยิ่งไปกว่านั้นอีก สว่างจ้าเต็มบริเวณที่เวิ้งว้างเหมือนกลางอวกาศ แล้วถ้าหยุดนิ่งถูกส่วนไปอีก ในกลางความสว่างนั้นจะเห็นจุดเล็ก ๆ จุดเล็ก ๆ พอขึ้นเครื่องหมายเล็ก ๆ เหมือนดวงดาวในอากาศ ที่เราลืมตามองดูดาวในอากาศ ดูดาวพระศุกร์สุกใส เป็นความสว่างที่สว่างกว่าแสงที่กระจายเต็มไปหมดนั้นน่ะ เป็นจุดสว่าง

 

                พอเรานิ่งต่อไปอีกเดี๋ยวจุดสว่างค่อย ๆ ขยาย โตขึ้นเป็นดวงกลมดิ๊กทีเดียวนะจ๊ะ กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ที่เคยมอบไว้ให้ กลม กลมรอบตัว ใส สุขใสแจ่มทีเดียวค่อย ๆ โตขึ้น เหมือดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ กระทั่งเหมือนกับดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ใส ดวงนี้มาพร้อมกับความสุข มาพร้อมกับความเบิกบานมาพร้อมกับความเกลี้ยงเกลาของใจ ใจจะใสไม่ขุ่นมั่วไม่เศร้าซึมเซ็งเครียดเบื่อกลุ้มไม่มีเลย มาพร้อม ๆ กันและก็มาพร้อมกับความรู้แจ้ง มาพร้อมกับดวงปัญญา มาพร้อมกับมหากรุณาด้วยคือ มีความคิดอยากจะให้ทุก ๆ คนในโลกได้เข้าถึง ณ จุดนี้ ที่เรากำลังเป็นอยู่ มีมหากรุณาน่ะ เกิดขึ้นมาในใจเองเป็นอัตโนมัติทีเดียว แล้วก็จะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสัมมาทิฏฐิว่ามันเป็นอย่างไร ไอ้ที่ว่าคิดชอบ พูดชอบ ทำชอบอะไรอย่างนั้นเป็นต้น หรือมีความเห็นชอบเกิดขึ้นเลย

 

                ความเห็นแรกที่เกิดขึ้นคือเรามาถูกทางแล้ว ทางนี้แหละจะไปสู่อายตนะนิพพานแน่นอน เกิดความรู้สึกอย่างนี้เลยนะจ๊ะ เป็นความเห็นแรกที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับดวงใสสว่างบริสุทธิ์ นิ่งอยู่ตรงกลางตอนที่ไร้ตัวตนน่ะ ที่มีความรู้สึกที่ร่างกาย และพอเรานิ่งต่อไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวดวงธรรมนี้ขยายเกิดขึ้นเลย ขยายเกิดขึ้น ความเห็นถูก ความเห็นชอบเนี่ยเกิดขึ้นแล้ว เดี๋ยวความคิดชอบตามมา ความพูดชอบอะไรชอบ ๆ ต่าง ๆ ที่ดีทั้งหมดนั่นแหละ การงานชอบ ความเพียรชอบสติชอบ หรือการประกอบสัมมาอาชีวะชอบอะไรอย่างนั้นแหละ เกิดขึ้นเอง มันมาพร้อมกันเลย กระทั่งถึงสมาธิชอบ ว่าเอ่อนี่เราถูกทางแล้วทำสมาธิอย่างนี้ แล้วก็ชอบทำสมาธิด้วย คือนอกจากสมาธิชอบแล้ว ยังชอบทำสมาธิเพราะมันมีความสุข เราจะรู้สึกหวงแหนประสบการณ์ตรงนี้น่ะ อยากอยู่กับตรงนี้ ตลอดวันตลอดคืนตลอดเวลา มีความรู้สึกว่าถ้าใจเราหยุดนิ่งอย่างนี้

 

                ถูกที่ตั้งถูกส่วนแล้ว อะไร ๆ เราก็ไม่อยากได้ เราจะรู้สึกพึงพอใจอยู่กับตรงนี้ แล้วไม่มีความรู้สึกว่ายากจนเลย อริยกันตศีลเกิดขึ้นเลย คือศีลของพระอริยเจ้า ไม่มีความรู้สึกว่ายากจน มีความรู้สึกว่าสมบัติทั้งหมดในโลกนี้แหละ มันของเราแหละ แต่แบ่งปันให้ไปอยู่กับคนโน้นคนนี้แบ่งปันกันไป ความสุขเกิดขึ้นเลยตอนที่เข้าถึงตรงนี้นะจ๊ะ แล้วก็จะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าถึงกายในกาย ถึงกายมนุษย์ละเอียด ถึงกายทิพย์ พรหม อรูปพรหม กระทั่งถึงกายธรรมที่เราปรารถนาน่ะ ถึงสรณะถึงที่พึ่งภายใน มันจะเป็นลำดับอย่างนี้นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นหยุดเป็นตัวสำเร็จให้เราได้เข้าถึงอย่างนี้ ดังนั้นในตอนนี้เรามาฝึกหยุดนิ่งกันฝึกทำใจให้หยุดให้นิ่ง ตรงฐานที่ ๗ นะจ๊ะ 


                ทำความรู้จัก ฐานที่ ๗ นิดนึง ฐานที่ ๑ อยู่ที่ปากช่องจมูก ท่านหญิงข้างซ้าย ท่านชายข้างขวา ฐานที่ ๒ อยู่ที่หัวตา ท่านหญิงข้างซ้าย ท่านชายข้างขวา ฐานที่ ๓ อยู่ที่กลางกั๊กศีรษะ ระดับเดียวกับหัวตาของเรา ฐานที่ ๔ เพดานปาก ช่องปากที่อาหารสำลัก ฐานที่ ๕ ปากช่องคอ เหนือลูกกระเดือก ฐานที่ ๖ อยู่ในกลางท้อง ระดับเดียวกับสะดือของเรา สมมติเราเอาเส้นด้าย ๒ เส้นมาขึงให้ตึง เส้นหนึ่งขึงจากสะดือทะลุไปด้านหลัง อีกเส้นหนึ่งขึงจากด้านขวาทะลุมาด้านซ้าย ให้เส้นทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท ตรงจุดตัดตรงนั้นแหละ ฐานที่ ๖ ยกถอยหลังขึ้นมา ๒ นิ้วมือ

 

                สมมติเอานิ้วชี้นิ้วกลางวางซ้อนกัน แล้วนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้ง ๒ สูงขึ้นมา นั่นแหละ ฐานที่ ๗ จำไว้แค่นี้เท่านั้นเองนะจ๊ะ ว่าฐานที่ ๗ อยู่ที่ตรงไหน ถ้าหลวงพ่อพูดต่อไปเรื่อย ๆ ว่าให้เอาใจหยุดไว้ที่ฐานที่ ๗ ก็หมายเอาตรงนี้นะจ๊ะ ตรงที่เหนือจากจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสองขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ถ้าในแง่ของการปฏิบัติ ก็ทึกทักเอาว่าในกลางท้องก็แล้วกัน กลางท้องตรงไหนก็ช่าง ที่เราพึงพอใจตรงนั่นแหละสถานที่ ๗ เพราะฐานที่ ๗ เนี่ยจะเห็นได้จริง ๆ ต่อเมื่อใจมันหยุดนิ่ง พอถูกส่วนแล้วก็เห็นชัดเลย เอ้อมันเหนือจากฐานที่ ๖ ขึ้นมา ๒ นิ้วมือจริง ๆ แต่เมื่อเรายังเข้าไม่ถึงก็ทึกทักเอา ว่าในกลางท้อง ณ จุดที่เราวางใจแล้วสบายนั่นแหละ ฐานที่ ๗ นะจ๊ะ จำตรงนี้เอาไว้นะ  

 


                หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านให้กำหนดเครื่องหมายคือ ที่วางใจที่หยุดใจของเรา ให้กำหนดเครื่องหมายให้ใสบริสุทธิ์ เป็นเพชรลูกที่ใสบริสุทธิ์ เป็นเพชรลูกที่เจียระไนแล้วบริสุทธิ์ เป็นเพชรลูกที่เจียระไนแล้วไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเราใสบริสุทธิ์ กำหนดตรงนั้นแหละ ตรงฐานที่ ๗ ในกลางท้องของเรานะจ๊ะ ให้กำหนดเป็นที่หยุดใจเรา ว่าอยู่ตรงนี้แหละ ตรงนี้แล้วก็นึกถึงภาพ นึกถึงภาพเครื่องหมายนี้ให้ใสบริสุทธิ์ทีเดียวนะจ๊ะ นิ่งให้ใจหยุดนิ่งตรงนี้แล้วก็ภาวนาสัมมาอะระหังเรื่อยไปเลย สัมมาอะระหังจะภาวนากี่ครั้งก็แล้วแต่ใจเราชอบ คือภาวนาไปจนกว่าใจจะหยุด พอใจหยุดแล้วมันลืมภาวนาไปเอง นั่นแหละคือภาวนาไปถึงตรงนั้นน่ะ ตรงที่ใจหยุดนิ่งและลืมคำภาวนา มีแต่ดวงใสปรากฏอย่างเดียว นี่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนอย่างนี้นะจ๊ะ

 


                แต่ถ้าบางคนนึกอย่างนี้ไม่ออกเนี่ยก็พอมีทางออก คือให้นึกถึงพระรัตนตรัย นึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระธรรมคำสอนของท่าน หรือนึกพระสงฆ์แทน แทนบริกรรมนิมิตตรงนั้นก็ได้นะจ๊ะ เพราะเป็นวัตถุที่ระลึกนึกถึงแล้วทำให้ใจเราบริสุทธิ์ เช่นนึกถึงพระพุทธเจ้าก็ให้นึกถึงพระแก้วใส ๆ เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า คือนึกถึงพระแก้วใส ๆ บางคนเป็นอย่างนี้จริง ๆ นะจ๊ะ ให้นึกถึงจุดสว่างหรือดวงสว่างมันนึกไม่ออก แต่เพราะกราบไหว้พระทุกวัน พอบอกกำหนดให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าและเขานึกง่าย ถ้าใครถนัดอย่างนี้ก็ให้นึกถึงพระแก้วใสบริสุทธิ์ แทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะจ๊ะ ถ้าหากชอบระลึกนึกถึงพระธรรมคำสอนของท่าน ก็ให้นึกถึงดวงแก้วเป็นตัวแทน เป็นสิ่งแทนคำสอน หรือธรรมรัตนะก็กำหนดดวงแก้ว ถ้าชอบอย่างนี้นะ เพราะดวงแก้วไม่มีหยักมีงอ เหมือนร่างกายมันกลมอย่างเดียวนึกง่าย ใครชอบอย่างนี้ก็ให้นึกดวงแก้วอย่างนี้ นึกอย่างสบาย ๆ นะจ๊ะ

 

                หรือใครอยากจะนึกถึงพระอริยเจ้าหรือสังฆรัตนะ ก็ให้นึกถึงภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ครูของเรานี่แหละเป็นสิ่งแทนตัว นึกถึงผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายครูของเรา อาจจะนึกถึงภาพท่านก็ได้ เพราะบางท่านพอนึกถึงภาพท่านแล้วใจสบาย  หยุดนิ่งง่ายก็ให้นึกถึงภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ดังนั้นอย่าสับสนนะจ๊ะว่าเราจะเอายังไหนดี อย่างไหนก็ได้จะเป็นพระแก้วใสบริสุทธิ์ จะเป็นดวงแก้วใสบริสุทธิ์ หรือจะเป็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ เริ่มต้นก็เหมือนกับรูปภาพที่เราเคยเห็น หรือรูปหล่อรูปปั้นน่ะ แล้วต่อไปท่านไสเหมือนเพชรก็ได้ หรือจะทำตามสอน คำสอนของท่านที่ให้กำหนดเครื่องหมายให้ใสก็ได้ แต่วิธีนึกให้นึกเหมือนกัน วิธีนึกให้นึกอย่างสบาย สบายคล้ายกับเรานึกถึงสิ่งที่เรารัก จะเป็นคน เป็นสัตว์เป็นสิ่งของ เรารักสิ่งไหนรู้สึกเราจะนึกอย่างนั้นได้ง่ายเป็นธรรมชาติ นึกอย่างธรรมดาภาพนั้นก็มาปรากฏในใจ ให้นึกอย่างง่าย ๆ สบาย ๆ อย่างนี้นะจ๊ะ นึกอย่างนี้แหละ  

 

                ทีนี้การนึกกับการเห็นนี่มันไม่เหมือนกันนะ อย่าไปสับสนนะจ๊ะ หลวงพ่อมีวัตถุประสงค์ตอนนี้ ให้นึกแต่ยังไม่ได้มีความประสงค์ให้เห็น ให้การเห็นเป็นผลต่อเนื่องจากการนึก เพราะฉะนั้นภาพที่เรานึกเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นของรัก คนที่เรารักก็ดี จะให้มันชัดเจนเหมือนเราไปเล็งตามองสิ่งนั้นน่ะมันไม่ได้ มันก็จะเห็น หรือนึกได้ชัดเจนเท่าที่เราคุ้นเคยกับสิ่งนั้น ถ้าคุ้นเคยมากเราก็จะชัดเจนมาก ถ้าคุ้นเคยน้อยมันก็จะชัดเจนน้อย นี่เป็นธรรมชาติของทุก ๆ คน หลวงพ่อเริ่มต้นใหม่ก็เป็นอย่างนี้นะจ๊ะ แล้วทีนี้สิ่งที่จะทำต่อไปก็คือ ทำความเข้าใจกับธรรมชาติของใจที่นึกคิดอย่างนี้น่ะ ว่ามันต้องค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมาทีละน้อย ดังนั้นเราจะไปทำฝืนธรรมชาติไม่ได้ จะไปเร่งรัดให้รวดเร็วดังที่ใจปรารถนาน่ะมันไม่ได้ เราจะต้องทำใจให้เย็นคือสิ่งที่เรานึกได้ชัดเจนแค่ไหน ให้ใจเราเย็น ๆ แล้วก็นึกสิ่งนั้นให้ต่อเนื่องกันไป อย่าเผลอนะจ๊ะ มันสำคัญตรงนี้แหละนึกง่าย ๆ ใจเย็น ๆ และต่อเนื่องอย่าเผลอ ทำอย่างนี้แหละ เรื่อยไปเลยต่อเนื่อง 

 

                แต่ถ้ามันเผลอล่ะ เผลอก็ไม่เป็นไรให้อภัยตัวเอง  แล้วก็กลับมานึกใหม่ มาเริ่มต้นใหม่อย่างง่าย ๆ เริ่มต้นค่อย ๆ นึกค่อย ๆ คิดและก็ต้องทำความเข้าใจว่า เราเป็นมนุษย์ไม่ใช่เป็นเทวดา มนุษย์ก็ทำได้แบบมนุษย์ เทวดาก็ทำได้แบบเทวดา มนุษย์จะทำอะไรได้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป เทวดาปุ๊บปั๊บเกิดขึ้นได้เลย เพราะการเกิดของเขาเป็นแบบโอปปาติกะ มับปุ๊บได้ทันที จะนึกคิดอะไรก็ได้ทันที เพราะเขามีสภาพเป็นกายละเอียด และมีบุญพร้อมเพรียงนะจ๊ะ ดังนั้นเราเป็นมนุษย์ยอมรับตรงนี้ก่อน อย่าไปคิดว่าเราเป็นเทวดา เพราะว่าถ้าเราไปคิดอย่างนั้นแล้วเดี๋ยวเวลาปฏิบัติแล้วมันจะไม่ได้ผล ว่าเรายอมรับว่าเราเป็นมนุษย์ การเห็นแจ้งในความชัดเจนมันก็จะค่อย ๆ ชัดเจนทีละน้อยทีละน้อย ซึ่งก็ต้องอาศัยความเพียรและหมั่นสังเกตว่าเราทำถูกวิธีไม๊ ถ้าทำถูกวิธีและมีความเพียรเดี๋ยวเราก็สมปรารถนา เราจะกำความสำเร็จไว้ในมือล้านเปอร์เซ็นต์ทีเดียวนะจ๊ะ 

 

                เพราฉะนั้นตอนนี้ละกันนึกถึงนิมิต อย่างที่หลวงพ่อเล่าให้ฟังทั้งหมดนี่แหละ นึกอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างสบาย ยอมรับว่ามันต้องค่อย ๆ ชัดเจน มีให้เรานึกเห็นได้แค่ไหนก็นึกไปอย่างนั้นไปก่อน อย่างสบาย ๆ เพราะเราเป็นคนธรรมดา ธรรมดาไม่ใช่เทวดา และก็นึกไปภาวนาไป สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหังไปเรื่อย ไปเลยเนี่ย แล้วใจเราก็ค่อย ๆ เย็นลงไป ๆ เดี๋ยวเราจะรู้สึกว่ามันเริ่มโล่งเริ่มโปร่งเริ่มรู้สึกขยายเริมตัวเบา เริ่มไม่มีความรู้สึกที่ร่างกาย เริ่มเห็นแสงสว่างทีละน้อย ชัดเจนขึ้นกระทั่งจ้า แต่ไม่แสบตาราวอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน และเดี๋ยวเราก็จะเห็นจุดสว่างชัดเจน โดยเปลี่ยนแปลงจากภาพที่เรานึกเบื้องต้นน่ะ มันจะหายไปน่ะ หรือถ้านึกต่อเนื่องได้มันก็จะชัดเจน ชัดเจนแจ่มใสกระจ่างอยู่ภายใน แล้วก็จะเข้าไปถึงดวงธรรมภายใน ถึงกายภายในและถึงพระธรรมกายในที่สุดนะจ๊ะ เข้าใจอย่างนี้แล้วก็ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ กว่าจะถึงเวลาอันควร ตอนนี้ให้ทำใจหยุดนิ่ง ที่หลวงพ่อได้แนะนำเอาไว้ทุก ๆ คน ด้วยใจที่เบิกบานด้วยใจที่แช่มชื่น ด้วยใจที่เป็นกุศลธรรม ด้วยใจที่สะอาดผ่องใสทุก ๆ คนเลยนะจ๊ะ 

 

                ใจของเรายังอยู่ที่ศูนย์กลางกายที่เดิมตรงฐานที่ ๗ นะจ๊ะ การบูชาข้าวพระก็คือการนำเอาเครื่องไทยธรรม มีอาหารหวานคาว ดอกไม้ธูปเทียนเป็นต้น ที่เรานำมาจากบ้านกันคนละเล็กละน้อย แล้วก็มาประชุมรวมกัน อยู่ต่อหน้าพุทธปฏิมากรซึ่งเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ แล้วเราก็นำของหยาบนี้ น้อมเอาไว้ในกลางพระธรรมกาย และทำความละเอียดด้วยวิชชาธรรมกาย จนกระทั่งมีความละเอียดทั้งเครื่องไทยธรรม ทั้งกายธรรมภายใน ถูกส่วนเข้าก็ตกศูนย์น้อมไปถวายเป็นพุทธบูชา แด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่อยูในอายตนนิพพาน มีมากมายก่ายกองทีเดียว ที่ท่านดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ถอดขันธ์ ๕ ออกหมด เหลือธรรมขันธ์คือธรรมกาย ปรากฏอยู่ในอายตนะนิพพาน แล้วเราก็น้อมถวายเครื่องไทยธรรมทั้งหมดเหล่านี้เนี่ย อย่างนี้เรียกว่าบูชาข้าวพระ

 

                แต่ไม่ได้หมายถึงว่าพระธรรมกายท่านจะเสวยอาหาร เหมือนพระสงฆ์ขบฉันอย่างนั้นไม่ใช่นะจ๊ะ ท่านก็รับเครื่องที่บูชาท่านด้วยสิ่งนี้ ให้เป็นกริยาบุญ เป็นบุญ กระแสนทานแห่งบุญก็จะบังเกิดขึ้น มากมายทีเดียวบันเกิดขึ้นมาในกลาง ศูนย์กลางกายของท่าน แล้วก็มาจรดที่ศูนย์กลางกายของเราสว่างมากทีเดียว นี่เป็นบุญใหญ่ พระธรรมกายก็คือพระพุทธเจ้านั่นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสไว้น่ะ ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ ธรรมกายนี่แหละไม่ใช่กายเนื้อ กายเนื้อคือพระสิทธัตถะ ส่วนที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะท่านเข้าถึงกายธรรมภายใน เพราะฉะนั้นกายธรรมที่ปรากฏอยู่ในอายตนะนิพพาน ก็ล้วนแต่เป็นกายธรรมของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายทั้งหมดเลย พอใจหลุดจากขันธ์ ๕ ไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมกายนั้นน่ะ ก็จะเป็นอย่างนี้แหละ ให้เข้าใจอย่างนี้นะจ๊ะ

    

                การถวายบูชาข้าวพระอย่างนี้จึงมีอานิสงส์มาก ถูกตัวจริงของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายนับพระองค์ไม่ถ้วนทีเดียว กระแสธารแห่งบุญแต่ละพระองค์ ก็จะมารวมจรดที่กลางกายเรา บุญจึงจะนับจะประมาทไม่ได้ เป็นอสงไขยอัปมานังนับกันไม่ถ้วนทีเดียว เพราะฉะนั้นตอนนี้ให้ใจเราหยุดนิ่งนะ หยุดนิ่งตรงกลางตรงฐานที่ ๗ ใครยังเข้าไม่ถึงดวงธรรมก็หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ใครที่เข้าถึงดวงธรรมแล้ว ก็เอาใจหยุดอยู่กลางดวงธรรม ใครที่เข้าถึงกายภายในก็เอาใจหยุดอยู่ตรงกลางกายภายใน ใครที่เข้าถึงกายธรรมก็เอาใจหยุดอยู่ที่กลางกายธรรม หยุดในหยุด หยุดในหยุดนิ่งเฉยสบาย ๆ แหละ ยิ่งหยุดกายยิ่งใสชัดสว่างใหญ่โตขึ้น เร็วเคลื่อนเข้าไปเร็วทีเดียว เกิดขึ้นใหญ่โตทีเดียวยิ่งหยุดยิ่งเร็ว เห็นความอัศจรรย์ที่ ณ จุดเดียวกัน จุดที่อยู่นิ่งกับจุดที่วิ่งได้ เคลื่อนได้ ไปด้วยกัน ไปด้วยกันนี่เป็นสิ่งอัศจรรย์ทีเดียวนะจ๊ะ

 

                ปกติเราเห็นด้วยตามนุษย์เนี่ย สิ่งอะไรหยุดก็หยุดอยู่ตรงนั้นแหละมันไม่ไปไหน  นั่นเขาเรียกว่าหยุดอยู่ แต่หยุดภายในนั้นหยุดแล้วไป หยุดไปหยุดแล้วเคลื่อน ณ จุดตรงนี้แหละ สิ่งที่นิ่งกับสิ่งที่เคลื่อนมันพร้อมกัน อัศจรรย์จริงทีเดียวตรงนี้แหละ อยากให้เข้าถึงกันหมดเลย จะได้พูดเหมือนกันว่าอัศจรรย์จริง มันเคลื่อนออกไปเลยอย่างนี้นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นเราหยุดนิ่ง การประกอบพิธีบูชาข้าวพระ ต้องอาศัยผู้ที่ชำนาญการเรื่องวิชชาธรรมกาย เพราะฉะนั้นคุณยายก็คุมขึ้นไปเลยน้อมไปเรื่อยเลย เครื่องไทยธรรมทั้งหลาย หลวงพ่อก็จะคุมไปด้วยไปพร้อม ๆ กันทับทวีไปถวาย คือพอใจหยุดเข้าไปเรื่อย พระธรรมกายโตใหญ่หนักขึ้น มีปริมาณเพิ่มขึ้นพรึบไปเลย เครื่องไทยธรรมก็พรึบเต็มไปหมดเลย ใสบริสุทธิ์เท่ากับความใสบริสุทธิ์ของพระธรรมกาย เต็มไปหมดเลย เป็นระเบียบแบบแผนงดงามมาก

 

                เราก็นึกน้อมใจไปว่า เราจะนำเครื่องไทยธรรมเหล่านี้ น้อมถวายแด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า นึกนอมไปนะจ๊ะน้อมถวาย คุณยายก็คุมขึ้นหมดเลย คุมทับทวีเต็มพรึบเต็มไปหมดเลย ตอนนี้สว่างมากเต็มทับทวีกันไปเรื่อยเลย ทานก็โตใหญ่หนักขึ้นไป ปริมาณกาย ปริมาณเครื่องไทยธรรมพรึบเต็มไปหมดเลย โตเพิ่มขึ้นใสไปเรื่อย ๆ เลย ไม่มีวี่แววว่าจะสิ้นสุด ไปเรื่อย ใสขึ้นสว่างโตใหญ่หนัก บุญก็เกิดขึ้นกับทุกคน บุญก็มาตลอดที่ศูนย์กลางกาย เป็นบุญที่จะทำให้เราไปถึงที่สุดแห่งธรรม คือไปถึงจุดสุดท้าย พร้อม ๆกันเลยบุญนี้นะจ๊ะ เกิดขึ้นเป็นดวงบุญใหญ่โต บุญนี้เป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของความสุขและความสำเร็จในชีวิต ทุกระดับทั้งในระดับของโลกียะเรื่อยไปเลยปุถุชนเนี่ย จนกระทั่งถึงความเป็นพระอริยเจ้า บุญส่งผลตลอดช่วงใดบุญให้ผลความสุขความสำเร็จในชีวิตก็บังเกิดขึ้น แต่ช่วงไหนบาปก็ให้ผลก็ตรงกันข้ามกันไป กำลังต่อสู้กันอยู่กำลังต่อสู้ในกลางกำลังชิงเข้าไส้กลางกันอยู่ ใครละเอียดกว่ากัน เขาก็ทำได้ผลก่อน ถ้าเราละเอียดกว่าเขาโลกก็อยู่เย็นเป็นสุข เราก็อยู่เย็นเป็นสุข เราอยู่เย็นเป็นสุขก่อน แล้วก็โลกสิ่งแวดล้อมอยู่เย็นเป็นสุขไปหมด

 

                ถ้าเขาละเอียดกว่าเราก็ตรงข้ามมนุษย์สับสน สับสนมีความทุกข์ทรมาน วุ่นวายกันไปหมดเลย บุญนี่แหละที่เรากำลังทำอยู่ที่เป็นบุญพิเศษ ที่จะทำให้เราไปถึงที่สุดแห่งธรรม ไปรู้ไปเห็นวิชชาธรรมกายว่ามันเป็นอย่างไร ได้ยินได้ฟังกันมานานทีเดียวน่ะ ก็จะเห็นชัดแล้วก็หายสงสัย ด้วยตัวของเราเองว่า หายสงสัยแล้วก็จะได้ตั้งเป้าหมายของการดำเนินชีวิต ของชีวิตเราได้ถูกต้องแล้วต่อจากนี้ไป มันก็จะไม่งอนแง่นไม่คอนแคลนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็แนวแน่ เป็นอจลศรัทธาเชื่อมั่นแน่วไปเลย เพราะเห็นแล้ว หายสงสัยแล้ว นี่แหละจ้ะเพราะฉะนั้นตอนนี้บุญกำลังเกิดขึ้นเราก็ขอเอาบุญขอบารมีรัศมีกำลังฤทธิ์ อำนาจ สิทธิเฉียบขาดของพระเจ้าทุก ๆ พระองค์ให้ถึงแก่พวกเรา ให้พวกเรามีความสุขมีความเจริญ คิดอะไรสมความปรารถนาให้มีดวงตาเห็นธรรม ธุรกิจการงานก็ให้เจริญรุ่งเรืองอุปสรรคต่าง ๆ นานาก็ให้ละลายหายศูนย์ไปให้หมด ให้พลิกผันเหตุการณ์ร้ายให้กลายเป็นดี ให้รวบรวมสมบัติมาเป็นมหาสมบัติได้บังเกิดขึ้น ไว้ใช้สร้างบารมีกันอย่างไม่รู้จักหมดทั้งสิ้น ปฏิบัติธรรมะก็ให้หยุดนิ่งได้ง่ายปลดกังวลเข้าถึงพระธรรมกาย สุขกายสุขใจทั้งวันทั้งคืนตลอดเวลา

 

                จะไปทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร ก็ให้มีพลังบุญพิเศษจะไม่แนะนำไปชักชวนใครก็ตาม ว่าเธอเป็นเจ้าของบุญเธอต้องมาทำบุญ ก็ให้เขามีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัยในบุญกุศล แล้วก็มาร่วมบุญกัน และเอาบุญเนี่ยเราอธิษฐานจิตทีเดียวนะอุปสรรคต่าง ๆ นานาที่มันเกิดขึ้นมาน่ะ ถ้าเรามีบุญมากมันก็ผ่านพ้นไปได้ ถ้าบุญเรายังน้อยอยู่ หนักก็เป็นเบา ถ้าไม่มีบุญแล้วก็ทุกข์ทรมานอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหยุดนิ่ง  อธิษฐานจิตนะจ๊ะ ตั้งใจให้ดีอธิษฐาน อธิษฐานให้ดีให้นิ่งอยู่ในกลาง ศึกษาเล่าเรียนก็ให้สมความปรารถนา ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ให้ครอบครัวเนี้ยอยู่เย็นเป็นสุข เป็นครอบครัวธรรมกาย เนี่ยให้นิ่ง อธิษฐานเอาของตัวเราก่อนน่ะ อธิษฐานให้นิ่ง พอดีแล้วเราก็แผ่ไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ ให้บิดามารดาผู้ให้กำเนิดชีวิต ให้เราได้มีโอกาสมาสร้างบารมีเนี่ย ให้ท่านก่อนแล้วครูบาอาจารย์ผู้ขจัดความไม่รู้ในใจเราให้หมดไปเนี่ยก็แบ่งปันให้ท่าน บรรพบุรุษของเราที่ท่านละโลกไปแล้ว จะไปอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม ให้มีส่วนแห่งบุญนี้ มีทุกข์ก็ให้พ้นทุกข์ มีสุขแล้วก็สุขยิ่งขึ้นไป ให้บรรพบุรุษของเรา ให้เพื่อนมนุษย์

 

                ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีประมาณ จะมีเท้า ๒ เท้า ๔ เท้า เท้ามากเท้าน้อยหรือไม่มีเท้าจะเกิดในกำเนิดทั้ง ๔ ในภพทั้ง ๓ กามภพ รูปภพ อรูปภพ หรือที่ใดก็ตาม ให้มีส่วนแห่งบุญนี้ ให้พ้นจากทุกข์โศกโรคภัย ให้มีความสุขกายสบายใจ พ้นเวรพ้นกรรมพ้นผังสำเร็จเค้าไปและให้บุญนี้ บันดาลให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง เป็นปิ่นนานาประเทศ ให้พลิกผันเหตุการณ์ร้ายโครงการเศรษฐกิจตกต่ำ ให้พลิกตรงข้ามเป็นอัศจรรย์ในเร็ววันนี้ ด้วยอานุภาพแห่งบุญบูชาข้าวพระ แล้วก็ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา สมเด็จพระนางเจ้า ราชวงศ์ทุกพระองค์เลย เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินให้มี เราก็นึกเป็นภาษาของเรานะจ๊ะ ไม่ต้องเป็นเป็นราชาศัพท์ ขอให้ท่านมีความสุขแข็งแรงอายุยืนยาว สำเร็จทุกเรื่องอะไรต่าง ๆ เหล่านั้นเราก็นึกในใจนึกไปสบาย ๆ ใจเย็น ๆ ให้ใจฉ่ำอยู่ในบุญ เนี่ยคุณยายคุมบุญให้ดีให้ทั่วถึงกันไปให้หมดเลย แผ่กันไปแล้วก็อธิษฐานจิตร่วมให้โครงงานสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ สภาธรรมกายสากล มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี และสิ่งที่จำเป็นต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ให้เป็นที่พึ่งกับชาวโลกสำเร็จเป็นอัศจรรย์ ให้ทุกคนได้เข้าถึงพระธรรมกาย อย่างสะดวกสบายอย่างง่ายดาย ทำใจให้นิ่งให้ใจฉ่ำอธิษฐานอย่างนี้นะ 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.036173498630524 Mins