สู่...ที่สุดแห่งธรรม
ในการเวียนว่ายในสังสารวัฏอันยาวไกล ที่หาเบื้องต้นท่ามกลาง และเบื้องปลายได้ยากนั้น สรรพสัตว์ทั้งหลายต้องเวียนว่ายตายเกิดนับภพนับชาติไม่ถ้วนเนื่องจากไม่ทราบว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดมาจึงพาตนเองพลัดหลงเข้าไปสู่กระแส แห่งกิเลสอันเวียนวน จนไม่สามารถถอดถอนตนเอง ให้พ้นจากพันธนาการของชีวิตได้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ทรงประกาศสัจธรรมของชีวิตนำพาสรรพสัตว์ทั้งปวงให้ก้าวพ้นบ่วงมาร มุ่งตรงสู่จุดหมายปลายทางอันถูกต้องผู้มีปัญญาย่อมเห็นภัยในวัฏฏสงสาร พึงออกบวชเพื่อมุ่งตรงไป....
สู่....ที่สุดแห่งธรรม
“จุดกำเนิดของชีวิตไม่สำคัญ
ที่สำคัญคือเราได้เกิดมา
แล้วมารวมกัน
ตอนนี้เราได้มารวมกันแล้ว
เพื่อจะทำงานอันยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นแก่โลก”
พระสุธรรมยานเถร
คุณสมบัติของผู้ศึกษาวิชชาธรรมกาย
โอวาทพระเดชพระคุณพระสุธรรมยานเถร
การเรียนวิชชาธรรมกายจะต้องไม่มีความหวังทางโลก และต้องไม่มีเครื่องกังวล มุ่งที่จะรู้วิชชาธรรมกายจริงๆ เพราะโลกียะและโลกุตตระไปด้วยกันไม่ได้ เหมือนความมืดกับความสว่าง หลวงพ่อขอยืนยันว่า ผู้ที่จะเรียนวิชชาธรรมกายจะต้องมี
คุณสมบัติอย่างคุณยาย
๑. จะต้องมีความมุ่งมั่นที่จะเรียนวิชชาธรรมกาย ไม่เรียนอย่างอื่น
๒. ตัดความกังวล เรื่องทางบ้านไม่ให้มีแม้แต่นิดเดียว คุณยายไม่ร้องไห้ ไม่หวั่นไหว ใจเป็นปกติ
๓. ยอมสละทุกอย่าง คุณยายยอมตนเป็นคนรับใช้ ทั้งๆ ที่ท่านไม่จำเป็นต้องรับใช้ใคร เพราะท่านสามารถดำรงชีพด้วยตนเอง ท่านเป็นคนขยันและมีความพร้อมพอสมควรแก่อัตภาพ ซึ่งไม่ใช่ของง่าย และการเข้าไปรับใช้อุปัฏฐากของวัดปากน้ำ ท่านมองดูว่าจะอาศัยเป็นเส้นทางสู่วัดปากน้ำได้ เพราะการไปอยู่วัดจะต้องมีผู้ใหญ่ฝากฝัง และท่านก็ไม่รู้จักใคร ท่านมองดูแล้วว่าคุณนายกิมไล้เลี้ยงพระเณรมาเกือบ ๒๐ ปี เป็นที่เกรงใจของหลวงพ่อ และเป็นที่รู้จักของพระเณร อุบาสกอุบาสิกาในวัด
๔. ซื่อตรง
๕. ขยัน ทำงานสารพัด ติดมาจนทุกวันนี้
๖. รักความสะอาด ความมีระเบียบ คุณยายเป็นคนซื่อ เจ้าของบ้านจึงให้ดูแลกำปั่น แต่ไม่อนุญาตลูกหลานให้เข้าไป คุณยายได้ถือกุญแจตู้เซฟ คือชีวิตของบ้าน ไว้เลี้ยงคนในบ้านคุณนาย กิมไล้มีตระกูลใหญ่ มีสมบัติก่อนจีนจะตกอยู่ใต้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ มีตึกยาวเป็นกิโลๆ มีกิจการอิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต ไปทั่วโลก
คุณยายมีนิสัยไม่เอาของของใคร ท่านพอใจสิ่งที่มีอยู่ กายยาววาหนาคืบ พร้อมปัจจัย ๔ ท่านได้ดูแลบ้านและเด็กรับใช้ในบ้านทั้งหมด ทำๆ จนคนในบ้านรักมาก แล้วคุณยายทองสุกก็มาสอนธรรมะคุณนายกิมไล้ที่บ้านเนื่องจากเป็นคนใช้ ท่านจึงไม่กล้าไปนั่งสมาธิกับนาย ท่านก็ต้องปลีกเวลามาเอาอกเอาใจคุณยายทองสุกอีก คอยดูแลซักเสื้อผ้า ดูแลที่หลับที่นอน ทำให้คุณยายทองสุกต้องถ่ายทอดความรู้ให้ คิดดูว่าคุณยายเราต้องอ่อนน้อม ต้องจัดสรรเวลาเป็น จนคุณยายทองสุกเมตตาสอนหยุดนิ่งให้ ท่านก็จัดสรรเวลาให้ตัวเองในการภาวนา ถ้าใครทำงานบ้าน ก็จะรู้ว่าเวลาว่างไม่ค่อยมี ท่านก็หาเวลา ๑๕ นาทีนั่งที่ห้องพระด้วยความระแวง การนั่งด้วยความระแวงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้นั่ง
วันหนึ่งเจ้านายมาเห็น เผอิญท่านผู้นี้รักธรรมะและความดีของคุณยายด้วย ก็ให้คุณยายไปนั่งร่วมด้วยบนดาดฟ้า แล้ววันนั้นก็เป็นวันสมปรารถนาของท่าน วันนั้นท่านได้เห็นจุดสว่างกลางกาย
ท่านรักวิชชาธรรมกายมาก ลําบากแค่ไหนก็ยอม ใครว่าเป็นคนรับใช้ เขาก็ยอม เหมือนผ้าขี้ริ้วเช็ดเท้าที่คอยเช็ดขี้หมูขี้หมา ที่ติดเท้าจนเข้าถึงธรรมท่านทำในเวลาน้อยนิดจนสมหวังไปหาพ่อที่ละโลกไปแล้วได้
เราลองเทียบดูเวลาของเรากับท่าน เรามีเวลามากกว่า แต่ท่านฝึกจนมีจิตละเอียด ทำความดีมากเข้าและเพิ่มความดีมากขึ้น เพื่อขออนุญาตเรียนธรรมะที่วัดปากน้ำ ๑ เดือน ความดีของท่านต้องทำมากขึ้น หมายความว่าจะต้องเหนื่อยกว่าเดิมเท่าตัว แต่ท่านก็ไม่บ่น นิสัยไม่บ่นหลวงพ่อเห็นจนถึงชราภาพ
เมื่อเจอกับหลวงพ่อวัดปากน้ำครั้งแรก หลวงพ่อวัดปากน้ำเห็นด้วยญาณทัสสนะ ก็ส่งคุณยายให้เข้าโรงงานทำงานทำวิชชา ทั้งๆ ที่ท่านยังไม่ได้ปลงผม
สมัยนั้นวัดปากน้ำลำบาก มีคนหลายประเภท บางคนขี้ใจน้อย หงุดหงิดฉุนเฉียว เจ้าอารมณ์ บางคนไม่อือไม่หือ แต่ก็ไม่เอา ดื้อเงียบ สารพัด แต่ทุกคนใฝ่ดี คือต้องการมาแสวงบุญ มาศึกษาวิชชาธรรมกาย
งานหลักของวัด คืองานครัวจะฝากไว้กับอุบาสิกา และพระก็ดูแลธรรมโยธา อุบาสกไม่ค่อยมี มีลุงประยูร ส่วนใหญ่คนในวัดเป็นลูกทุ่ง ลูกกรุงนั้นมักเป็นลูกหลานอุปัฏฐากที่สำคัญของวัด ลูกเศรษฐีเวลาเรียนธรรมะไม่ค่อยสมบุกสมบัน เดี๋ยวๆ ลาเที่ยว ลาไปโน่นนี่ วิชชาไม่ค่อยได้เดี๋ยวลาไปเยี่ยมพ่อแม่อีก คนที่ทุบหม้อข้าว ต้องทิ้งฝั่งนี้ แล้วโดดข้ามไปฝั่งโน้น ถ้าขาซ้าย อยู่ฝั่งนี้ ขาขวาฝั่งโน้น ก็ข้ามไม่ได้ และไม่ได้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝั่ง ลูกเศรษฐีสุขุมาลชาติ อยากรู้อะไรสารพัด อยากรู้โลก อยากชมวิว ฯลฯ พวกนี้เรียนได้แต่ไม่ค่อยได้ดี
การไปเรียนที่วัดปากน้ำ มีหลากหลายท่านก็โดนทดสอบ คุณยายถูกหาว่าเป็นวัณโรคเพราะผอม อาหารก็ถูกโยนโครมให้ทุกครั้ง และเข้าวงด้วยไม่ได้ต้องนั่งกินคนเดียว เพราะเขารังเกียจ แต่ท่านก็เฉยๆ อุเบกขาธรรมไม่คิดอะไร ใครขี้ใจน้อยเจ้าแง่แสนงอน โดนกระแทกชามเดียว ม้วนเสื่อกลับบ้านเลยขอให้เลิกเสีย ท่านกินให้อิ่มเป็นมื้อๆ คิดว่าเขามีหน้าที่อย่างหนึ่ง เรามีหน้าที่อย่างหนึ่ง เรามาเรียนวิชชา ไม่ใช่มาทะเลาะกับคนโน้นคนนี้ คุณยายเป็นผู้ดูที่แท้จริงไม่ใช่ผู้แสดง ดูว่าเขากระแทก ท่านดูจริงๆ นิสัยดูไปเฉยๆไม่คิดอะไรจะทำให้ละเอียดได้
หลวงพ่อขอย้ำว่า ขอให้เป็นผู้ดูที่ดี ผู้ดูที่แท้จริงต้องดูทุกวัน นี่วันแรกเป็นผู้ดู เพราะยังไม่รู้จัก วันที่สองเป็นผู้แสดง วันที่สามเป็นผู้ชำนาญการ วันที่สี่เป็นผู้กำกับเลย
เวลาเขาจัดที่นอนเขาจัดให้เตียงเก่า คือเตียงชราภาพโย้เย้ผุพัง สกปรกรกรุงรังเอียงๆ ไม่ใช้แล้ว คนทิ้งแล้ว ท่านก็รับมาด้วยความเต็มใจ ไม่ได้สูญเสียความตั้งใจที่จะเรียนวิชชา ท่านเอาเตียงนั้นมาขัดสะอาด ราวกับเตียงพระราชาด้วยความดีใจว่าเราจะได้เรียนวิชชาแล้ว ท่านไม่ได้คิดอย่างผู้ไม่มีคุณธรรมที่มุ่งหาเรื่องคนหาเตียงมาให้ แต่หาวิชชา ท่านไม่ได้หาว่าคนหาเตียงเป็นใคร พ่อแม่ชื่ออะไร ทําไมเอาเตียงนี้มาให้ เพราะฉะนั้น เตียงนี้จึงราวกับลอยเลื่อนมาจากอากาศ ลอยมาเหมือนกับพระราชาผู้ปกครองในทิศทั้งสี่ เตียงสะอาดหลวงพ่อเชื่อท่านโดยดูจากปัจจุบัน ท่านพูดและทำให้ดู ท่านพูดให้ทุกคนเห็นอานิสงส์ของการรักษาความสะอาด ใครทำก็อนุโมทนา หลวงพ่อเชื่อตามที่ท่านพูด เตียงนั้นมันแผลบแต่มีเรือด ท่านมีศีลจึงเก็บเรือดใส่กระโถนใบเล็กๆหลวงพ่อยังเห็นเลย กระโถนใบนั้นท่านยินดีตามมีตามได้ มุ้งเก่า ขาดก็เย็บเอาท่านหลับไม่ต่อเนื่องต้องนับหนึ่งใหม่เพราะเรือดกัด การหลับไม่ตลอดนี่เอาเรื่องท่านเอาเรือดไปปล่อยหมด คนทำวิชชาดูเตียงยังพิสมัยเตียงเลย
ท่านทนเป็นปีและหลายๆ ปี ถ้าท่านทนไม่ได้ท่านต้องบอก หลวงพ่อว่า หลวงพ่อเจ้าขาเขาเอาเตียงเก่าๆ มาให้ เท่ากับเอาเรื่องกระจุ๋มกระจิ๋มมาให้หลวงพ่อ แต่ท่านมุ่งไปที่เรื่องหลักมากกว่าเรื่องปลีกย่อย โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน
ท่านเป็นคนอดทน พอได้ผ้าขาดๆ เปื่อยๆ ปะแล้วปะอีก ยายก็ไม่บ่นไม่พูด ผู้ชายถ้าได้ผ้าขาดๆ ยังไม่ค่อยคิดอะไร แต่ผู้หญิงจะคิด ส่วนคุณยายไม่คิดอะไรมีด้ายก็เย็บๆ ไป
อาหารที่วัดปากน้ำสมัยนั้นสมบูรณ์ แต่มีไม่กี่อย่าง มีเป็นมื้อๆ พระรุ่นหลังมาเล่าให้หลวงพ่อฟังเองเลยว่า เช้าๆ เจอเต้าหู้ยี้ทุกวัน วันไหนเจอเต้าหู้ยี้ จะเรียกว่าวันนั้นจีนแดงบุก ก็ต้องอดทน คุณยายไม่ไปไหนเลย ไม่ลาไปไหนเลย ใจไม่ติดพัน ไม่อยากไปข้างนอก เพราะท่านอยากรู้ธรรมะข้างในลึกๆจนกระทั่งจากผู้ไม่รู้มาเป็นผู้รู้ หยุดนิ่งได้ ๑๐๐ เปอร์เซนต์ตลอดเวลา ก็เอาความรู้มาถ่ายทอด ความรู้ทำให้จิตมีพลัง จิตขยาย ทำให้ความรู้กว้างขวางและรู้ญาณแม่นยำมาก เช่นหลวงพ่อวัดปากน้ำถามเวลาเครื่องบินจะมาทิ้งระเบิดถ้าคุณยายเป็นคนตอบ ก็เตรียมปิดไฟได้เลย
คุณยายตัวสะพรั่งด้วยเส้นเอ็นแต่แข็งแรง สะพรั่งด้วยเส้นเอ็น หลวงพ่ออ่านเจอในพระไตรปิฎก แปลว่าหนังหุ้มกระดูก แปลกที่เย็นสะพรั่งกลับแข็งแรง สดใส วิชชาท่านแตกฉานมาก ทำอย่างนี้เรื่อยมา แม้หลวงพ่อวัดปากน้ำสิ้น ก็ยังทำหน้าที่นี้มาตลอด
คุณยายกลัวคำว่า “ไอ้ขี้ไต้” ซึ่งหมายถึงผู้เรียนวิชชา ที่ถ้าหลวงพ่อวัดปากน้ำไม่กระตุ้นก็จะคิดเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวเข้าห้องน้ำห้องท่า ดูเดือนดูดาวตลอด ชีวิตท่านโดนหลวงพ่อวัดปากน้ำดุเรื่องเดียวคือ หลวงพ่อจะเอาเยอรมันให้ชนะ เพื่อให้พระพุทธศาสนาปักหลักที่นั่น ตอนนั้นฮิตเลอร์นาซีห้าวมาก คนทำวิชชาอื่นบอกชนะๆ แต่คุณยายคนเดียวยืนกรานว่า “หลวงพ่อเจ้าขา เยอรมันแพ้เขาค่ะ” หลวงพ่อสั่ง “ก็เอาให้ชนะซิวะ” ท่านก็นั่งลุยแล้วก็บอกอย่างเดิมอีกหลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ถูกใจ หลวงพ่อก็มาถามคุณยายว่า ทำไมไม่ตอบให้ถูกใจหลวงพ่อวัดปากน้ำ คุณยายบอกว่า “เห็นอะไรก็บอกอย่างนั้น” ท่านอยู่ในโรงงานทำวิชชา รู้ว่าแม่ทัพแต่ละฝ่ายพูดอย่างไร และได้ยินแมคอาเธอร์พูดว่าจะเอาระเบิดมาทิ้งเมืองไทย พอเยอรมันแพ้ ท่านก็โดนหลวงพ่อวัดปากน้ำดุว่าท่านใจอ่อนไม่เอาจริง พอโดนดุมาก็ร้องไห้ เดินออกจากห้องไปดูจานกระเบื้องสีเก่าๆ ที่หน้าโบสถ์ สักพักมีคนมาตาม คุณยายเช็ดน้ำตาแห้ง ไม่ค้าน ไม่หงุดหงิด ไม่ใจน้อย พอสงครามสงบหลวงพ่อวัดปากน้ำก็เลยรู้ว่า ความละเอียดของเรายังสู้เขาไม่ได้
การเรียนวิชชาธรรมกายขึ้นกับตัวลูก ๆ ว่า สมัครใจ เต็มใจเรียนและต้องพร้อมที่จะปรับปรุงตัว อย่าหวังความสบายจากกายเนื้อ เพราะจะต้องสมบุกสมบันตลอด ซึ่งไม่สะดวกสบายเหมือนที่บ้าน ถ้าไม่พร้อมก็ปรับให้มันพร้อม และมุ่งมั่นเรื่องเดียวคือโลกุตตรธรรม แล้วปรับไปตามวิธีที่หลวงพ่อบอก
การเรียนวิชชาธรรมกายแตกต่างจากการเรียนวิชาอื่น หลวงพ่อจะใช้คำว่า “ช่วยกันค้น” อย่างเปิดลิ้นชักค้นดูว่าในนั้นมีอะไร ให้เปิดประตูค้นว่ามีอะไร มาห้องนี้ก็ค้นดูว่าห้องนี้มีอะไร มาเชียงใหม่ก็ค้นว่าเชียงใหม่มีอะไร มาไทยก็ค้นดูว่าไทยมีอะไร หรือโลก จักรวาล ก็ค้นดูว่ามันมีอะไร ต้องค้นไปเรื่อยๆ
การที่จะค้นคว้าได้ จะต้องมีผู้ถามและผู้ตอบ ผู้ถามคือหลวงพ่อ ผู้ตอบคือลูก ๆ ฝึกหยุดนิ่งฟังคำถามให้ดีและตอบ แล้วปรับปรุงไปเรื่อยๆ ทำคู่กันศึกษาพร้อมกันไป หลวงพ่อวัดปากน้ำใช้คำว่า ท่านเป็นครูและนักเรียน “ผู้เทศน์เป็นทั้งครูและนักเรียน” คือท่านศึกษาไปเรื่อยๆ เพราะมีสิ่งที่ยังไม่รู้อีกเยอะ และเป็นครูก็ต้องสอนด้วย เพราะฉะนั้นครูและนักเรียนต้องไปพร้อมกันเหมือนพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ต้องไปด้วยกัน เหมือนสี แสงแววเพชร ต้องไปด้วยกัน ตัวคนเดียวเป็นทั้งครูและนักเรียน จึงจะตรงตามวัตถุประสงค์ของวิชชาธรรมกาย เพราะฉะนั้น หลวงพ่อบอกให้ทำอะไรก็ทำเพราะว่าเรายังไม่รู้อีกเยอะ
หลวงพ่อรักพวกเรานะ รักจริงๆ เพราะจะหาคนที่มานั่งอย่างนี้ยากการเรียนวิชชาธรรมกาย ครูและนักเรียนแยกจากกันไม่ได้ ครู นักเรียนความรู้กลืนกันไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็อย่ากลัวหลวงพ่อจนเกินเหตุ ให้มีความรัก เคารพ นับถือหลวงพ่อ มีอะไรก็บอก เล่าประสบการณ์ภายในให้ฟังให้สังเกตดูว่าหลวงพ่อตั้งใจฟังทุกคนว่า เราทำถูกหรือผิดวิธี จึงอย่ากังวลว่าจะต้องหาประสบการณ์ในส่วนนี้ ดีจริง ในการศึกษาวิชชาธรรมกาย และมาจากความรักหลวงพ่อ แต่ในสภาวะนี้เราเป็นชีวิตเดียวกัน เราจะต้องไปด้วยกันเพราะฉะนั้นหลวงพ่อบอกอะไรต้องทำ หลวงพ่อเตือนเพราะรัก สิ่งที่หลวงพ่อสอนทุกคนก็ทำ เราปรับ แต่พอถึงเวลามันลืม
หลวงพ่อจะอยู่ตรงนี้ อยู่ใกล้ๆ ศูนย์กลางกายลูกๆ ทุกคน เพื่อบอกว่าอย่างนี้เข้า อย่างนี้ไม่เข้า เพื่อให้เข้ากลาง อย่าทําอย่างนั้น ช้า เพราะเรามีเวลาในโลกนี้จำกัด สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ ใครนิมนต์ท่านไปฉันเพลสวดมนต์ท่านจะถามว่าไปนิมนต์องค์อื่นได้ไหม ถ้าไปก็จะไปกับเจ้าภาพที่ท่านเกรงใจ ไปแป๊บเดียวกลับ ถ้ารับแขกครบถึงหนึ่งชั่วโมงก็ลุกเลย กระดาษคำถามที่ส่งกับมือท่านก็ต้องใส่ตะกร้า พอท่านเข้าโรงงานทำวิชชา ก็จะมีคนอ่านให้ฟังว่า คนนั้นขอบารมี คนนี้ขอให้ช่วยฯลฯ จุดใหญ่ท่านมุ่งไปที่การฝึก เพราะฉะนั้นเวลาของท่านมีค่ามาก หลวงพ่อมาถึงจุดนี้ ก็รู้สึกอย่างนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่หยุดนิ่ง จะปรับให้สมบูรณ์ เวลาของหลวงพ่อเหลือน้อย มันอยู่ลึกๆ ในใจว่าเป้าหมายอยู่ตรงนี้ แต่ที่ผ่านมาต้องสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม ศูนย์รวมใจ เพื่อรวบรวมลูกๆ ที่กระจัดกระจายรวม ๓๐ ปีเต็ม ก็หมดเวลาแล้วในโลก หลวงพ่ออยากอยู่กับความละเอียด
เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ลูกๆ ทำตัวดุจภาชนะที่ว่างเปล่า และเทความกลัวเกรงหลวงพ่อออกไป ให้รักเคารพหลวงพ่อหรือกลัวเกรงแต่พอดี ให้มีความสุข เพราะความสุขเป็นต้นทางของการเข้าถึงวิชชาธรรมกาย ถ้าเกรงกลัว จะเกร็ง ขอให้เรามีความรู้สึกแบบพ่อลูกทางธรรม คุยประสบการณ์ภายในกัน เพื่อเปิดช่องให้หลวงพ่อช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นความสุขใจจึงเป็นรากฐานสำคัญของการเข้าถึงวิชชาธรรมกาย ให้หยุดให้สมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซนต์ ให้ทำตามที่หลวงพ่อสอน และทำตามคุณสมบัติของคุณยายท่าน ถ้าเจ้าแง่แสนงอน ใจน้อย ก็ให้เลิกงอน เลิกใจน้อยเสีย พูดไม่เพราะก็พูดให้เพราะ ยิ้มไม่เป็นก็หัดยิ้ม ง่ายนิดเดียว หยาบประกอบละเอียดกันไป สุขา สงฺฆสฺส สามคดี ความพร้อมเพรียงกันของหมู่ก่อให้เกิดสุข หลอมหยาบและละเอียด แล้วละเอียดจะไปฉิวเลย การปฏิบัติธรรมครั้งนี้ก็จะแตกต่างจากการปฏิบัติธรรมครั้งก่อนๆ เราจะเริ่มรู้จักคำว่า ความสุขเพราะฉะนั้น ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรม เมื่อหลวงพ่อปฏิบัติงาน ในฐานะเจ้าอาวาส ประธานมูลนิธิ และผู้ริเริ่มโครงการธรรมกายเจดีย์เสร็จแล้ว ก็จะรีบขึ้นมา หวังว่าคงได้รับข่าวดีว่าลูกๆ ทุกคนหยุดนิ่ง
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๗