การกินข้าวมื้อเย็นกับลูก
เด็กๆ นั้นเมื่อทำความผิดอะไรมา เช่น หนีโรงเรียน มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อน แอบสูบบุหรี่ หรือขโมยสตางค์พ่อแม่ ในระยะ ๒-๓ ครั้งแรกจะมีพิรุธ แต่ถ้าผู้ใหญ่จับไม่ได้ถึง ๓ ครั้ง พิรุธจะหมดเพราะเคยชินจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้น พ่อแม่ต้องพยายามเอาใจใส่ลูกให้มากที่สุด เพื่อจะได้รู้ความเคลื่อนไหวของลูก หากมีอะไรผิดปกติก็จะสังเกตได้ตั้งแต่ครั้งแรกๆ จะได้แก้ไขทันท่วงที
ที่บ้านของอาตมา โยมแม่จะออกไปขายขนมตั้งแต่ ตี ๔ ตี ๕ โยมพ่อออกไปทำไร่ตั้งแต่ อรุณรุ่ง ดังนั้นโอกาสที่จะได้พบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ก็คือ เวลาอาหารมื้อเย็น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าใครจะไปทำผิดอะไรมา ท่านจะจับได้ทุกครั้ง เช่น หนีไปว่ายน้ำ ท่านก็จับได้ เพราะเห็นนัยน์ตาแดงๆ ไปต่อยกันมา ก็จะมีรอยฟกช้ำดำเขียว แอบไปสูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้ากลิ่นหรือร่องรอยพิรุธก็จะติดตัวมา ซึ่งร่องรอยเหล่านี้ ถ้าปล่อยให้ข้ามคืนไปแล้วจะจับไม่ได้เลย เมื่อท่านจับได้แล้ว ท่านก็จะลงโทษก่อนอาหารนั่นแหละ
ดังนั้น ถ้าวันไหนมีใครถูกตี วันนั้นคนทั้งบ้านจะกินข้าวไม่ค่อยลง ถ้าวันไหนไม่มีใครถูกตี ก็จะสดชื่นกันทั้งบ้าน ฝึกให้เราประเพณีการกินข้าวมื้อเย็น จึงเป็นมนต์ขลัง หรือวิถีทางอันศักดิ์สิทธิ์ประการหนึ่งที่ทำให้ลูกๆ ประพฤติตนอยู่กับร่องกับรอย