ศีล

วันที่ 09 กค. พ.ศ.2567

 

2567_07_09_b__-.jpg

 

ศีล


            ถ้าเราจับปลาขึ้นจากน้ำแล้วโยนไปบนบก มันจะดิ้นรนกระเสือกกระสนอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อกลับลงน้ำอีกเพราะวิสัยของปลานั้นคุ้นเคยอยู่กับน้ำ แม้ใจคนเราก็เช่นกัน เนื่องจากคุ้นอยู่กับความดำริผิด ๆ ทั้ง 3 ประการและอารมณ์ภายนอกต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้ถอนใจออกจากความดำริผิดและอารมณ์นั้น ๆ ในระยะแรก ใจย่อมมีความอาลัยเสียดาย กระวนกระวายดิ้นรนอยากจะย้อนกลับไปหาอารมณ์เก่า ๆ ดังเคยอีก ดังนั้นในเบื้องต้น จึงทรงแนะนำให้รักษาศีลเพื่อเป็นเกราะป้องกันมิให้กายกับวาจาทำผิด พูดผิดโดยเด็ดขาดเสียก่อน แม้ใจจะไม่ยอม คอยแต่จะขัดขืนทุรนทุรายเพราะอยากจะกลับไปหาอารมณ์เก่า กายกับวาจากต้องยอมทน ไม่ยอมทำอีก ทั้งนี้ เพื่อให้ใจมีโอกาสคิดทบทวนถึงโทษของความดำริผิด และคุณของความดำริชอบอย่างอิสระ จนกระทั่งใจเกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง แล้วสลัดความดำริผิดทิ้งเกิดความดำริชอบแทน เพราะเห็นคุณและโทษดังกล่าวแล้ว


             คำว่า ศีล แปลว่า ปกติ หมายความว่า ถ้าใครรักษาไว้ได้เป็นประจำแล้วย่อมทำให้กาย วาจา ของผู้นั้นคืนสู่สภาพปกติ ตามความเป็นจริงได้ สำหรับบุคคลทั่ว ๆ ไป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำให้รักษาศีลอย่างน้อย 5 ข้อไว้ให้ได้เป็นประจำทุกวัน และถ้าหากสามารถรักษาศีล 8 ได้ก็เป็นการดียิ่งขึ้น โดยทรงถือว่า ศีล 5 เป็นต้นกำเนิดแห่งความเป็นมนุษย์ และทำให้มนุษย์ต่างไปจากสัตว์ทุกๆ ด้าน

(ถ้าใครรักษาไม่ได้หรือได้แต่ไม่ครบ ก็จะไม่ต่างอะไรกับสัตว์อื่นมากนัก เพียงแต่อยู่ในคราบของมนุษย์เท่านั้น) และ ศีล 5 นี้ยัง เป็นพื้นฐานรองรับความสุขทั้งหลาย คือ ผู้จะมีความสุขอย่างแท้จริง จะต้องมีศีล 5 เป็นอย่างน้อย หรือความสุขย่อมเกิดได้แก่ผู้มีศีล 5 เท่านั้น
(ถ้าขาดแม้ข้อใดข้อหนึ่งก็จะมีความทุกข์ทันที)


               ศีล 5 ได้แก่
               1. เว้นจากการฆ่า การเบียดเบียน การจองจ้า เป็นต้น
               2. เว้นจากการลัก โกง หลอกลวง ทำลายทรัพย์สิน
               3. เว้นจากการประพฤติผิดในกาเมประเวณี
               4. เว้นจากการพูดเท็จ ส่อเสียด คำหยาบ เพ้อเจ้อ
               5. เว้นจากการดื่มน้ำเมาและเสพย์สิ่งเสพย์ติดให้โทษ อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาททุกชนิด


                ศีล 8 ได้แก่
                1. เว้นจากการฆ่า การเบียดเบียน การจองจำ เป็นต้น
                2. เว้นจากการลัก โกง หลอกลวง ทำลายทรัพย์สิน
                3. เว้นจากการประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือร่วมประเวณี
                4. เว้นจากการพูดเท็จ ส่อเสียด คำหยาบ เพ้อเจ้อ
                5. เว้นจากการดื่มน้ำเมา และเสพสิ่งเสพติดให้โทษอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาททุกชนิด 
                6. เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือตั้งแต่หลังเที่ยงมา แล้วไปจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่
             7. เว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้ ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
                8. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่หรูหราฟุ่มเฟือย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.02540283203125 Mins