ศีล ๕ ให้อะไรบ้าง
เมื่อว่าโดยประโยชน์ของศีล ย่อมมีมากมายจนไม่อาจบอกให้ละเอียดไปทั้งหมดได้แต่เมื่อว่าด้วยเรื่องศีล ๕ ข้อซึ่งลดการปฏิบัติลงมาเหลือ ๕ ประการ มีไม่ฆ่าสัตว์เป็นต้นก็พอบอกได้ว่าศีล ๕ มีประโยชน์อย่างไร คือศีล ๕ ให้อะไรบ้างเมื่อรักษาหรือปฏิบัติตามกัน
ต่อข้อถามข้างต้น แสดงว่าศีล ๕ แม้เป็นข้องดเว้น เป็นข้อห้ามมิให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการที่ยังไม่ได้ทำ แต่เป็นการไม่ได้ทำในส่วนที่ไม่ดีอันเป็นทุจริตเท่านั้นในการไม่ได้ทำทุจริตนั้นในทางปฏิบัติย่อมหมายถึงได้ทำสุจริตไปในตัว คือได้งดเว้นเบญจศีลแต่ได้ทำเบญจธรรมไปในตัว ดังนั้นประโยชน์จึงเกิดขึ้น ทำให้ผู้ปฏิบัติได้ประโยชน์ ผู้อื่นก็ได้ประโยชน์
โดยแท้ที่จริง การรักษาศีล ๕ ก็คือการให้ นั่นเอง คือเมื่อรักษาศีล ๕ อยู่ก็เท่ากับว่ากำลังให้ แต่เป็นการให้ที่เป็นสภาวะ เป็นภาพรวมที่สามารถรู้สึกซึมซับอยู่ในใจได้ มิใช่เป็นวัตถุสิ่งของที่ให้กันตามปกติ การให้อย่างนี้เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ จะว่าเป็น มหาทาน ก็ย่อมได้
ศีล ๕ นั้นให้สภาวะอย่างนี้คือ
เมื่อรักษาศีลข้อที่ ๑ คือไม่ฆ่าสัตว์ เท่ากับว่า ให้ชีวิตแก่สัตว์ ชีวิตเป็นสมบัติที่ล้ำค่ากว่าทรัพย์สินใดๆ เมื่อฆ่าเขาทำให้ชีวิตเขาหมดไปก็เท่ากับทำให้เขาสูญสิ้นทุกอย่าง เมื่อไม่ทำอันตรายต่อชีวิตเขาก็เท่ากับทำให้ชีวิตเขาปลอดภัยดำรงอยู่ได้เป็นปกติสุข การไม่ฆ่าจึงเท่ากับให้ชีวิต
เมื่อรักษาศีลข้อที่ ๒ ไม่ลักทรัพย์ เท่ากับว่า ให้ความปลอดภัยแก่ทรัพย์สิน ทรัพย์สินถือว่าเป็นสมบัติสำคัญของทุกคน เป็นที่รักหวงแหนของเขาเขาหามาได้ด้วยความยากลำบาก เมื่อไม่ลักไม่เบียดบังเอาของเขามา ก็ทำให้ทรัพย์สินเขาปลอดภัย เมื่อทรัพย์สินปลอดภัย เจ้าของทรัพย์สินก็หมดห่วงหมดกังวล มีความสบายใจ ไม่ต้องหวาดระแวงภัย ไม่ต้องป้องกันอะไรมากชีวิตก็เป็นสุขทุกเมื่อ เพราะวางใจว่าทรัพย์สินของตนปลอดภัย
เมื่อรักษาศีลข้อที่ ๓ ไม่ประพฤติผิดในกาม เท่ากับว่า ให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัว ทั้งครอบครัวตัวเองและครอบครัวผู้อื่นไปพร้อมกัน ครอบครัวที่อยู่กันอย่างอบอุ่น วางใจกัน ไม่ต้องหวาดระแวงกัน ไม่ต้องหลอกปั้นหน้าเข้าหากันก็เพราะต่างก็จริงใจซื่อสัตย์ในคู่ครองของตน มีความระวังในการประพฤติผิดต่อคู่ครอง ไม่คิดที่จะไปล่วงละเมิดในกรรมสิทธิ์คู่ครองของผู้อื่น ก็ทำให้ครอบครัวผู้อื่นสุขสงบ ไม่ต้องหวาดระแวงอะไรมาก ครอบครัวที่ระหองระแหง ไม่อบอุ่นหวาดระแวง วางใจกันไม่ได้ ก็เกิดจากผิดศีลข้อ ๓ เป็นหลัก เหตุอื่นพอทำเนาพอให้อภัยกันได้ ไม่ถึงแตกแยก ดังนั้น เมื่อรักษาศีลข้อที่ ๓ กันก็เท่ากับให้
ความอบอุ่นแก่ครอบครัวทุกครอบครัว
เมื่อรักษาศีลข้อที่ ๔ ไม่พูดเท็จ เท่ากับว่า ให้ความจริงใจต่อกัน ความจริงใจต่อกันก็คือสัจจะ คนที่รักษาศีลข้อที่ ๔ จะเป็นคนมีสัจจะ ไว้ใจได้เชื่อใจได้ เชื่อถือได้ไม่หน้าไหว้หลังหลอก เท่ากับว่าให้ความจริงใจต่อผู้อื่น คนเราถ้ามีสัจจะความจริงใจให้กันก็คบหาสมาคมกันได้สนิทแน่นแฟ้น ทำให้สบายใจไม่ทำให้วิตกกังวลอะไร ไม่ต้องพะวักพะวนจนเกิดความเครียดหรือกลุ้มอกกลุ้มใจอะไร
เมื่อรักษาศีลข้อที่ ๕ ไม่ดื่มสุราเมรัย เท่ากับว่า ให้สติปัญญาและสุขภาพแก่ตน คนเราเมื่อดื่มสุราแล้วจะหลงลืมสติ ประมาทพลั้งเผลอ ตัวเองจะเดือดร้อนก่อน ต้องเสียเงินทองซื้อหามาดื่ม ดื่มแล้วนอนไม่ได้สติ ไม่ทำการงานอะไร ทำให้เสียงานจนทำให้คนอื่นเดือดร้อนต้องมาทำแทนบ้าง ทำให้งานเสียหายไปบ้าง หรือดื่มแล้วไปก่อความเดือดร้อนให้คนอื่น เอะอะโวยวายส่งเสียงดังบ้าง เกิดการทะเลาะชกต่อยฆ่าฟันกันบ้าง คนอื่นทั้งคนใกล้ชิดและคนรอบข้าง ไม่ว่าภรรยา บุตรธิดา หรือบิดามารดา ต้องอับอายขายหน้าบ้างต้องดูแลเยียวยารักษาบ้าง ต้องหนีห่างบ้าง หรือต้องได้รับบาดเจ็บล้มตายไปบ้างนอกจากนั้นสุขภาพร่างกายก็จะทรุดโทรมเร็ว แก่เร็ว ผิวพรรณก็เหี่ยวย่นเร็วถ้าไม่ดื่ม ตัวเองก็จะไม่เดือดร้อน คนอื่นก็ไม่เดือดร้อนอะไร จะอยู่อย่างสงบมีความสุขสบายไปตามอัตภาพ นอกจากนั้น สุขภาพร่างกายก็จะไม่ทรุดโทรมก่อนวัยอันควร มีกำลังแข็งแรง ทำงานได้ตามอายุตามวัย
สิ่งที่ตัวเองและคนอื่นได้รับจากการมีศีล ๕ นั้นก็คือสิ่งที่ศีล ๕ ได้ให้ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม สิ่งนั้นล้วนเป็นประโยชน์ ทำให้เกิดความสุข ความสงบ ความสบายใจ ทำให้โลกน่าอยู่น่าอาศัย อยู่อย่างปลอดภัย ไม่วิตกกังวลอะไรมาก
แต่ประโยชน์อย่างนี้มักมองไม่เห็นว่าเป็นผลมาจากรักษาศีล ๕ กัน มักมองในมุมอื่นในประเด็นอื่น แล้วละเลยเรื่องศีล ๕ กัน ทำให้โลกวุ่นวายสังคมเดือดร้อนกันไม่รู้จบอย่างที่เป็นและเห็นกันอยู่