เมื่อโลกรักษาศีล ศีลก็รักษาโลก
โลกเราทุกวันนี้เป็นโลกที่เป็นไปรวดเร็ว เป็นโลกของข้อมูลข่าวสาร ทุกหนแห่งในโลกเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นข่าวสามารถรู้กันได้เกือบจะทันทีทั้งโลก ด้วยระบบการสื่อสารรูปแบบต่างๆที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นจัดทำขึ้น ทำให้เรารู้เรื่องของทุกหนแห่งทั่วโลกได้ทัดเทียมกัน บางแห่งกำลังทำสงครามกัน บางแห่งมีการต่อสู้แย่งชิงผลประโยชน์กัน บางแห่งขัดแย้งทางการเมืองกัน เขามีอะไรกันเรารู้หมดถึงขนาดมีการฆ่าแกงกัน มีการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือมีการมึนเมาทะเลาะวิวาทกันที่ไหนก็รู้
ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถรู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกได้อย่างไม่จำกัดโดยที่สุดแม้ในประเทศของเราก็เหมือนกัน เมื่อดูทีวีหรืออ่านหนังสือพิมพ์ก็รู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นต่างๆ ได้ชัดเจน
เมื่อดูทีวีหรืออ่านหนังสือพิมพ์ทุกเช้า ย่อมจะรู้ถึงข่าวคราวต่างๆ พาดหัวตัวยักษ์คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวอาชญากรรม ข่าวทุจริตคอร์รัปชั่น ข่าวบันเทิง ตลอดถึงข่าวการทำต้มยำทำแกงกันสารพัดอย่าง มีการนำเสนอทุกวันทั้งนี้เพราะมีการกระทำเช่นนั้นเป็นประจำจึงออกมาเป็นข่าวได้
เมื่อพิเคราะห์ดูแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่า เรื่องที่ปรากฏในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่มีอักษรพาดหัวตัวโต มีภาพให้เห็น มีคำบรรยายพร้อมล้วนเป็นเรื่องที่ร้ายแรง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุบ้าง โดยน้ำมือมนุษย์บ้าง เช่น เรื่องการฆ่ากัน เรื่องการทะเลาะเบาะแว้งกัน เรื่องการขัดแย้งกันในเรื่องต่างๆ เรื่องการประสบอุบัติเหตุต่างๆ
เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นและเป็นข่าว ล้วนเป็นเรื่องน่าสยดสยอง น่าสะพรึงกลัว น่าสังเวชสลดใจ หรือน่าขยะแขยง อันสื่อว่าเป็นเรื่องไม่ดีเป็นเรื่องไม่น่าทำไม่น่าเกิดขึ้นทั้งสิ้น
เรื่องเหล่านี้หากจะพูดว่าเกิดจากการที่มนุษย์ขาดศีล ๕ หรือเพราะละเมิดศีล ๕ ก็คงไม่ผิดนัก ข่าวร้ายๆ เหล่านั้นล้วนเกิดขึ้นด้วยสาเหตุหลักอย่างนี้เกือบทั้งสิ้น
อย่างเช่น เรื่องการฆ่ากัน การทำร้ายกัน เกิดขึ้นเพราะผิดศีลข้อที่ ๑ เป็นหลัก เรื่องการลักขโมย การทุจริตคอร์รัปชั่น การฉ้อโกงฟ้องร้องกันเกิดขึ้นเพราะผิดศีลข้อที่ ๒ เรื่องการหย่าร้างกัน ครอบครัวแตกแยกกัน การข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็เพราะผิดศีลข้อที่ ๓ เรื่องการฟ้องร้องการทวงถามข้อตกลง การประท้วงเรียกร้องให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะผิดศีลข้อที่ ๔ เรื่องการยกพวกตีกันด้วยขาดสติสัมปชัญญะและความรับผิดชอบ การเมาแล้วทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราว ตลอดถึงการขับรถด้วยความประมาทจนถูกจับได้หรือจนรถคว่ำรถชนกัน เกิดขึ้นเพราะผิดศีลข้อที่ ๕
มิใช่เฉพาะในเมืองไทยเท่านั้นที่เป็นอย่างนี้ แม้ในต่างประเทศทั่วไปก็เกิดเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องร้ายๆ เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนเดือดร้อน กระทบกระทั่งคนส่วนใหญ่ หรือทำให้โลกทั้งโลกไม่สงบสุขเช่นกัน
ที่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ หากพินิจพิจารณาให้ดีจะเห็นได้ว่าเพราะโลกในจุดนั้นๆ ไม่มีศีล ไม่รักษาศีล อย่างน้อยก็ไม่มีศีล ๕ ไม่รักษาศีล ๕ กันเป็นส่วนใหญ่ คือมีการกระทำและความคิดไม่เป็นปกติธรรมดาเหมือนคนทั่วไปซึ่งจะรู้จักหรือไม่รู้จักศีลก็ตาม หากทำผิดหรือพูดผิดไปจากปกติธรรมดาแล้วก็ถือได้ว่าผิดศีลเหมือนกัน เมื่อผิดศีลแล้วก็เดือดร้อน วุ่นวาย ไม่มีความสุขกันอย่างที่เห็นกันอยู่
หากจะกล่าวให้ชัดลงไป ที่ว่าโลกไม่สงบสุข โลกมีแต่ความวุ่นวายเดือดร้อนนั้น แท้ที่จริงก็คือมนุษยโลกหรือมนุษย์เรานี่เองที่ไม่สงบสุข มีความวุ่นวายเดือดร้อนกัน
ที่ใดมีมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่รักษาศีลอยู่ ที่นั้นแหละมนุษย์ทั้งหลายจะขาดเมตตาต่อกัน จะประกอบอาชีพตามถนัด แม้จะต้องฉ้อโกง ทุจริตคอร์รัปชั่นหรือเป็นอาชีพที่ผิดก็ยอมทำ จะไม่เคารพในสิทธิของคู่ครองของผู้ใด ชอบใจหญิงใดก็จะใช้กำลังหรืออำนาจข่มเหงรังแก ล่วงละเมิดไปมีเพศสัมพันธ์อันไม่ชอบธรรม จะไม่สนใจเรื่องสิทธิที่จะรับรู้ข้อเท็จจริง จะโกหกหลอกลวงกันเป็นประจำ จะไม่คำนึงถึงสุขภาพของตัวเอง จะดื่มกินสุราเมรัย สิ่งเสพติดกันเต็มที่ตามถนัด
เมื่อมนุษย์เป็นอย่างนี้ การอยู่ร่วมกันก็ไม่สงบ ไม่เป็นความสุข ต่างจะอยู่กันอย่างหวาดระแวง ระวังป้องกันตัวเอง ครอบครัว และทรัพย์สินของตัวให้รอดปลอดภัย จะไปมาหาสู่กันก็เฉพาะกับบุคคลที่ไว้ใจได้เท่านั้น
ทั้งนี้เพราะมนุษย์ขาดศีล ไม่มีศีล ตัวมนุษย์เองจึงไม่มีความสุข โลกที่มนุษย์อาศัยอยู่ก็เดือดร้อนไปด้วย โลกถูกทำลายลงเรื่อยๆ ด้วยน้ำมือมนุษย์โดยอ้างว่าทำเพื่อพัฒนาโลกให้เจริญก้าวหน้า ทั้งที่ความเป็นจริงก็คือการทำเช่นนั้นเป็นการทำลายโลก โลกที่ถูกทำลายได้แก่ผืนแผ่นดิน ผืนน้ำ อากาศที่ห่อหุ้มโลกอยู่ รวมถึงสัตวโลกชนิดต่างๆ ทั้งที่อยู่ในบ้านกับผู้คน ที่อยู่ในป่า ที่อยู่ในน้ำ และที่อยู่ในอากาศ โลกถูกทำลายโดยมนุษย์ที่ไม่รักษาศีลกันมากขึ้นทุกวัน เพราะมนุษย์เกิดมากขึ้น มีจำนวนมากขึ้น กำลังทำลายก็มากขึ้น
โลกและสัตวโลกรวมถึงมนุษย์ด้วยพากันเดือดร้อน ประสบปัญหามากมาย ทั้งปัญหาน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาอากาศเป็นพิษ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมเมือง ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม เหล่านี้ก็ด้วยฝีมือมนุษย์ไม่รักษาศีลกัน หากมนุษย์รักษาศีลกันเป็นส่วนใหญ่แล้วโลกจะสงบสุขมากกว่านี้
ในถิ่นที่มนุษย์อยู่กันเป็นปกติสุข มีเมตตาต่อกัน ประกอบอาชีพโดยสุจริต เคารพในสิทธิคู่ครองของคนอื่น พูดกันด้วยคำจริง มีความสัตย์ ไม่ดื่มสุรายาเมาให้เสียสติเสียสุขภาพ ถิ่นนั้นมนุษย์ก็จะอยู่กันอย่างสันติ เงียบสงบเป็นอยู่เรียบง่าย ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งดีอะไรกัน แบ่งปันกัน โลกส่วนนั้นก็เป็นโลกที่น่าอยู่อาศัย เมื่ออยู่อาศัยแล้วก็ไม่เดือดร้อนหวาดระแวงอะไร เท่ากับว่าโลกส่วนนั้นๆ ได้รักษามนุษย์เราโดยภาพรวมไว้ได้
ที่กล่าวว่า “เมื่อโลกรักษาศีล ศีลก็รักษาโลก” จึงเป็นเรื่องที่จริงแท้หรือจะกล่าวว่า “เมื่อเรารักษาศีล ศีลก็รักษาเรา” ก็ย่อมได้