กลัวไม่จริง

วันที่ 30 กค. พ.ศ.2567

 

670730_b112.jpg

กลัวไม่จริง

                   ฤาษีตนหนึ่งบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าริมแม่น้ำ ได้เห็นเด็กเพศชายลอยน้ำมาในกระเช้า เกิดความสงสารจึงเก็บมาเลี้ยงไว้ตามมีตามเกิด จนกระทั่งเด็กโตขึ้นจึงให้บวชเป็นฤาษีน้อยและฝึกสอนวิชาบำเพ็ญพรตให้ พร้อมทั้งสอนให้กลัวสัตว์ป่าที่ดุร้ายชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเสือ ฤาษีน้อยก็จดจำชื่อของสัตว์ได้ทุกชนิด พอเข้าป่าไปหาผลไม้ได้พบสิงโตบ้าง งูบ้าง หมีบ้าง ก็หลบหลีกไม่เผชิญหน้า

                    แต่ยังไม่เคยเห็นเสือตัวจริงสักครั้งเดียวจวบจนฤาษีน้อยย่างเข้าสู่วัยรุ่น พ่อฤาษีได้พาเข้าเมืองเพื่อลิ้มรสเปรี้ยวรสหวานบ้าง เพราะตั้งแต่เลี้ยงมายังไม่เคยพาเข้าเมืองเลย ฤาษีน้อยได้เห็นผู้คนในเมืองเดินกันขวักไขว่ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหลากสีสวยงามไม่เคยเห็น สินค้าที่นำมาวางขายหรือที่อยู่ในร้านก็มีมากมาย แต่ไม่รู้จักไม่เคยใช้เลยสักอย่างเดียว ตื่นตาตื่นใจจนตบะกระเจิงไปเหมือนกัน

                    มีช่วงหนึ่งได้พบสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตา กลมโต ปากแดงระเรื่อ แก้มเป็นพวง ผมยาวสลวยเป็นมันงามทรวดทรงอ้อนแอ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่ที่รัดรูปจนเห็นองค์เอวได้ถนัดฤาษีน้อยพอได้สบตากับแม่นางน้อยที่คอยจ้องดูตนอยู่เข้าก็ถึงกับเสียวซ่านไปถึงหัวใจ จ้องตาแทบไม่กระพริบ พ่อฤาษีเห็นอาการอย่างนั้นของฤาษีน้อยก็รีบดึงแขนออกไปจากที่นั้นแล้วสอนว่า
 

“ลูกเอ๋ย นั่นแหละคือเสือละ

ให้กลัวเข้าไว้เถอะเพราะมีอันตรายมาก เผลอเมื่อไรก็จะกัดเอาถึงตายทีเดียว”
 

                    ฤาษีน้อยได้ยินเข้าก็นึกว่าเป็นจริงเพราะตั้งแต่โตมายังไม่เคยเห็นผู้หญิงเลย ก็นึกว่าเป็นเสือจริงๆ จึงไม่กล้ามองผู้หญิงคนใดอีกหลังจากกลับจากเมืองแล้ว ฤาษีน้อยมีอาการและท่าทางผิดไป ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนเดิม ชอบนั่งเหม่อลอยอยู่ริมน้ำ ไม่อยากทำงานเหมือนปกติ ถึงเวลานั่งสมาธิก็นั่งแบบเสียไม่ได้ ดูซึมเซื่องเงื่องหงอยไป เป็นอยู่อย่างนี้หลายวันเข้า ฤาษีพ่อจึงเรียกมาถาม
 

“เป็นไงไปหรือลูก หมู่นี้ดูเจ้าไม่สบายเลย ใจลอยชอบกล มีอะไรอยู่ในใจหรือ” ฤาษีน้อยไม่กล้าตอบความในใจ ได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ แต่เมื่อถูกคาดคั้นหนักเข้าจึงอ้อมแอ้มตอบว่า
 

“ผมคิดถึงเสือครับ” เรื่องที่ได้สดับมาจบเพียงแค่นี้.

 

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า
                   มนุษย์ทุกคนมีความกลัวเป็นพื้นฐาน เช่นกลัวคนบ้างกลัวสัตว์บ้าง กลัวความมืดบ้าง กลัวตายบ้าง แต่ทั้งๆ ที่กลัวนี่แหละมนุษย์เรากลับกลัวไม่จริง คือกลัวๆ กล้าๆ ไม่หลบเลี่ยง ไม่ทิ้งสิ่งที่กลัว กลับเสี่ยงทำเสียงประพฤติสิ่งที่กลัวนั้นเช่นกลัวยากจน กลับทำสิ่งที่ทำให้เกิดความยากจน เช่นเล่นการพนันบ้าง กินเหล้าบ้าง สูบบุหรี่บ้าง เกียจคร้านบ้าง หรือกลัวโรค แต่กลับทำสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดโรค เช่นกินไม่เลือกบ้างไม่รักษาสุขภาพบ้าง หรือกลัวตกนรก แต่กลับทำแต่บาปกรรมทำแต่สิ่งที่ทำให้ตกนรก โดยไม่เชื่อเรื่องนรกเรื่องสวรรค์ว่าจะมีจริง ดังนี้เป็นต้นเรียกว่ากลัวไม่จริง คนที่กลัวไม่จริงนี่แหละที่จะประสบกับความทุกข์เดือดร้อน ประสบกับสิ่งที่ตนเองกลัวและไม่พ้นจากสิ่งที่กลัวไปได้ เหมือนฤาษีน้อยที่กลัวเสือแต่กลับคิดถึงเสือจนจิตใจฟุ้งซ่านเศร้าหมอง แสดงว่ากลัวเสือไม่จริง

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.028810735543569 Mins