ความสุขอย่างโลกย์ ๆ
ความสุขทางโลก มีลักษณะอยู่อย่างหนึ่ง พอหลังความสุขแล้ว มีความทุกข์ตามมา นี่คือสิ่งที่น่ากลัว ดูอย่างเราเป็นนักเรียนไปทัศนาจร เราร้องเพลงเชียร์กัน มันส์จริง ๆ พอรุ่งเช้า เสียงไม่มีเลยมันโหลเหล ๆ ความสุขทางโลกนี่มันจะมีความทุกข์ตามมาทุกเรื่องไปหยิบขึ้นมาเถอะไม่ว่าเรื่องไหน ไอ้สิ่งที่ตามมาจะมีสภาพเหมือนกันทุกที่ไป พอคิดทบทวนย้อนไปแล้ว สุขกับทุกข์นี่ไม่คุ้มกันสักที ไม่ว่าเราจะไปเจอคู่ของเราดีอย่างไรก็ตาม ถ้าดีก็ทุกข์น้อยหน่อย ถ้าไม่ดีละก็มันประดังลงมา ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ หลังจากสุขแล้ว จะมีทุกข์ตามมามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคู่ของเรา แต่ว่าขนาดน้อยก็ยังทุกข์มากกว่าสุข นี่เป็นประการที่หนึ่ง
ประการที่สอง เราเองจะต้องไปเสียเวลาอีกมาก ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง พอเริ่มจีบสาว เขารอเราเนี่ย รสชาติเป็นอย่างไรเราไม่รู้แต่ว่าถ้าเราต้องไปรอ นัดแล้วไม่มา นัดทีเดียวก็จะคลั่ง หรือบางทีเรารีบมา มาก่อนเวลาไปสิบนาที กว่าจะถึงเวลานัด กระวนกระวายใจแทบตาย
เมื่อชอบแล้ว รักแล้ว ก็ตามมาด้วยห่วง แล้วก็ต้องหวงแล้วก็ลงท้ายด้วยหึง แล้วมันก็ตบกันด้วยเกี๊ยะก็ได้ เส้นทางเส้นนี้มาอย่างนี้ ได้คู่อย่างไรก็ตาม เขาดีแสนดี กลับบ้านผิดเวลา เอ! ถ้ารถจะติด ผิดเวลาไปชั่วโมงหนึ่ง ผิดไปสองชั่วโมง เอ! หรือว่ามีอุบัติเหตุหน้านี้ฝนมันก็ตกน่ะ ห่วงหนักเข้า เอ๊ะ! เมื่อเช้าตอนขึ้นรถเห็นมีคนหนึ่งหน้าตาดีๆ ขึ้นรถไปด้วยกัน แล้วเขาเคยบอกเหมือนกันว่าทำงานที่เดียวกับเขา หรือว่ายายนั่น ยายนั่นแน่ๆ บ้าอะไรก็ไม่รู้ ก็คิดไปนั่นแหละ ห่วง แล้วก็หวง แล้วก็หึง นี่อีกเรื่องหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่ง เราจะต้องไปหัดในสิ่งที่ไม่จำเป็น ไปหัดดัดจริตอีกหลาย ๆเรื่อง ต้องไปหมุนสามตลบอยู่หน้ากระจก ถ้าไปกับเขาก็ต้องเดินอย่างนั้น ต่อหน้าสังคม จะต้องออกแขกอย่างนี้ นอนอยู่บ้านดีกว่า นี่คือสภาพสังคม ถ้าสภาพเศรษฐกิจ ลูกเอ๊ย ! ทำปากเดียวกินปากเดียวก็ว่าหนักแล้ว แต่งงานกันไปแล้ว ทำสองปาก กินสองปากก็พอสู้ถ้าเขาไปทำแสบ เราจะต้องไปเลี้ยงควายตัวเบ้อเร่อเลย ไม่ไหวนา
ก็อีกสารพัดที่เราต้องคิดอีกแหละ สิ่งเหล่านี้นะ ยังไม่พออีก เอาละ ดีสารพัดดี เราเองก็ยังต้องไปเสียเวลากับเขาอีก ทานก็ทำได้ไม่เต็มที่ รักษาศีลก็ไม่ค่อยเต็มที่ จะมาปักกลดอยู่ธุดงค์ มานั่งสมาธิก็ได้ไม่เต็มที่ มันถูกดึงเวลาไป
ลูกศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่ง ตั้งใจจะประพฤติพรหมจรรย์ฐานะทางบ้านก็ดี มากราบปรึกษาหลวงพ่อว่า “สงสารคุณแม่ ถึงแม้ที่บ้านมีเด็กมาช่วยงาน คุณพ่อก็ไม่อยากให้คุณแม่ไปไหน ถ้าชวนมาวัดแม่จะมาลำบาก ยิ่งชวนมาอยู่ธุดงค์ยิ่งไม่ได้เลย แม่จะรักษาศีลก็ทำไม่ได้ เพราะพ่อชอบทานหอยแครงลวก สงสารคุณแม่มากเลย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร” หลวงพ่อเลยแนะนำให้ชักชวนคุณแม่ใส่บาตรทุกวัน
เห็นไหม การแต่งงาน มีปัญหาตามมาหลายเรื่อง นี่ขนาดแค่ในครอบครัวที่สงบสุขนะ พ่อบ้านก็ไม่เจ้าชู้ แต่ก็ยังมีปัญหาในเรื่องการทำทานรักษาศีลและเจริญภาวนา หาโอกาสทำได้ยากมาก และยิ่งแม่บ้านคนไหนทำงานนอกบ้านด้วยแล้ว โอกาสจะปฏิบัติธรรมยิ่งน้อยไปอีก ก็ขอฝากพวกเราไว้คิดให้ดีๆ ก่อนจะแต่งงาน
ก่อนหลวงพ่อบวช คุณยายอาจารย์จันทร์ ขนนกยูง ก็กล่าวว่า “คุณนะ มีเงินร้อยบาท ถ้าไม่แต่งงานก็สามารถทำบุญได้ ๒๐ บาท พอแต่งงานแล้ว อาจเหลือทำบุญสัก ๑๐ บาท มีลูกคนหนึ่งอาจ แบ่งมาทำบุญได้ ๕ บาท มีอีกคนแบ่งได้อีก ๑ บาท มีอีกคนไม่ต้องแบ่งแล้ว มันไม่พอจะกิน จะแต่งงานก็คิดดูให้ดีๆนะ ส่วนผู้หญิงจะแต่งงาน ต้องคิดและทำใจให้ได้ว่า ผู้ชายพออยู่บ้านก็คือสามีเรา พอออกนอกบ้านเป็นสามีใครก็ไม่รู้ ถ้าเราทำใจได้อย่างนี้ ก็แต่งไปเถิด”
นี่คุณยายอาจารย์ท่านว่าอย่างนี้