ธรรมะโอสถ

วันที่ 04 กย. พ.ศ.2567

ธรรมะโอสถ

 

670909_b188.jpg
                   ชายหนุ่มคนหนึ่งคิดว่าพระพุทธศาสนาต้องมีดีอะไรแน่นอน ไม่อย่างนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลาย คงจะไม่ทำบุญให้ทานใส่บาตรพระสงฆ์ได้ทุกวัน จึงอยากได้อะไรดีๆ จากพระพุทธศาสนาบ้าง เขาขอสมัครเข้าไปบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง หลังจากบวชแล้วเขาก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนธรรมะ และสอบได้ถึงนักธรรมชั้นเอก ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด หลังจากนั้น ได้พยายามท่องพระปาฏิโมกข์ จนจำได้คล่องแคล่ว และอ่านหนังสือพระไตรปิฎกจนจบ ๔๕ เล่ม บางเล่มอ่านหลายเที่ยว เพราะเป็นคนขยันและเอาจริงเอาจัง เขาบวชได้ ๘ พรรษา ขอลาสิก หลังจากสึกแล้วก็ไปมีครอบครัวทำมาหากินเหมือนคนทั่วไป แต่ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ยังตั้งตัวไม่ได้ หลายปีผ่านไป ก็ไม่ทำให้เขาดีขึ้น เขาจึงมีความคิดว่าธรรมะที่ตน เรียนมาไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย วันหนึ่งเขาไปหาหลวงพ่อที่วัดแล้วบอกท่านว่า

 

“หลวงพ่อครับ ธรรมะในพระพุทธศาสนานี้ผมเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร ผมศึกษาเล่าเรียนจนรู้เรื่องตลอด แต่ก็ไม่ช่วยให้ผมดีขึ้นได้เลย ผมยังตั้งตัวไม่ได้จนเดี๋ยวนี้”


                    หลวงพ่อได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มๆ ไม่ต่อความอะไร และไม่ได้อธิบายไขข้อข้องใจให้เขาฟังด้วยเพราะเห็นว่าเขาเรียนมามากแล้ว เขาเห็นว่า หลวงพ่อนิ่งเฉยอยู่จึงกราบลากลับบ้าน ต่อมาไม่กี่วันหลวงพ่อไม่สบาย เป็นหวัดและไอเจ็บคอมาก จึงให้เด็กวัดไปตามติดคนนั้นมาแล้วเล่าอาการให้ฟัง ทั้งขอให้ไปซื้อ ยาแก้ไอให้หน่อย เขารับปากหลวงพ่อแล้วก็ไปตลาดซื้อยาแก้ไอมาถวายหลวงพ่อ หลังจากนั้นอีก ๒-๓ วันเขาเข้าไปหาหลวงพ่ออีกเพื่อถามอาการ


“เป็นไงบ้างครับหลวงพ่อ หายดีแล้วหรือยัง”


“ยังไม่หายเลย และดูเหมือนจะหนักกว่าเก่าเสียด้วย” หลวงพ่อตอบเสียงแหบพร้อมทั้งไอโขลกๆ แล้วเสริมว่า

“สงสัยจะซื้อยาผิดมา จึงไม่ได้ผล”


เขาหยิบขวดยามาดูให้แน่ใจ มันก็เป็นยาแก้ไอ ฉลากยาบอกว่าแก้ไอ แก้เจ็บคอ ขับเสมหะ เขาจึงถามหลวงพ่อว่า


“หลวงพ่อไม่ได้อ่านฉลากยาหรือครับ”

 

“อ่าน อ่านหลายครั้ง อ่านจนท่องจำได้ว่าแก้ไอ แก้เจ็บคอขับเสมหะ”
 

“อ้าวแล้วทำไมหลวงพ่อจึงยังไม่หายล่ะครับ”


“ฉันไม่ได้กินมัน ฉันแค่อ่านฉลากอย่างเดียว” หลวงพ่อตอบหน้าตาเฉย เขาชักฉันหลวงพ่อ เลยต่อว่าไปว่า
 

“โธ่หลวงพ่อ ยานี่แค่อ่านฉลากอย่างเดียวแต่ไม่ได้กิน มันจะรักษาโรคให้หายได้อย่างไรกัน หลวงพ่อ


“เออจริงของเอง ไหนส่งยามาให้ซิ” หลวงพ่อตอบแล้วเปิดขวดยาที่เขาส่งให้ ยกขึ้นจิบนิดหนึ่งแล้วพูดว่า


“ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็เหมือนยาแก้ไอขวดนี้นั่นแหละไอ้ทิดเอ๋ย อ่านแต่ธรรมะที่อยู่ในตำราในพระไตรปิฎก แต่ไม่ได้เอามาปฏิบัติตาม ก็แก้ทุกข์แก้จนให้ไม่ได้หรอก เหมือนอ่านแค่ฉลากยาจะทำให้หายโรคได้อย่างไรกัน จริงไหมเล่า”


เขาไม่ตอบหลวงพ่อ แต่ตาสว่างขึ้นทันใด


เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า
                    ธรรมะในพระพุทธศาสนาทุกข้อมีประโยชน์คือเป็นธรรมะโอสถ เป็นยาแก้ทุกข์ เป็นเครื่องกำจัดทุกข์ แต่เพียงแค่เรียนรู้ว่าธรรมะข้อนั้นๆ มีความหมายว่าอย่างนี้ มีประโยชน์อย่างนี้และควรปฏิบัติอย่างนี้เท่านั้น หาสามารถแก้ทุกข์และกำจัดทุกข์ให้ได้ไม่ ต้องนำความรู้นั้นๆ ไปปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง จริงจังและต่อเนื่อง จึงจะสมประโยชน์ เหมือนแค่อ่านฉลากยาแต่ไม่รับประทานยาก็ไม่อาจทำให้หายโรคได้ฉะนั้น การเรียนรู้ธรรมะเป็นเพียงทำให้รู้จักและเข้าใจธรรมะเท่านั้น แต่การเข้าถึงธรรมะด้วยการปฏิบัติตามที่เรียนรู้มานั้นต่างหากที่จะได้รับผลอันเป็นแก่นเป็นสาระแห่งธรรมะอย่างแท้จริง คือทำให้พ้นทุกข์ได้ ทำให้ไม่ยากจนได้ ทำให้อยู่ดีมีสุขได้ เป็นต้น ซึ่งมีท่านผู้รู้เขียนคำคมให้คิดไว้ว่า “ธรรมใดๆ ก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ” จึงหากรู้ธรรมะมากมายแล้วแต่ยังไม่หมดทุกข์ ยังลำบากยากเข็ญอยู่ ยังไม่มีความสุขอยู่ ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าธรรมะไม่ดีไม่มีประโยชน์เพราะตัวเองอาจเพียงแค่รู้ฉลากยาแต่ไม่เคยบริโภคยาก็เป็นได้

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.032367984453837 Mins