ทำไม UN กำหนดวันวิสาขบูชาเป็น “วันสำคัญของโลก”

วันที่ 10 พค. พ.ศ.2549

 

          จากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ ๕๔ ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบที่จะประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของสหประชาชาติ หรือวันสำคัญของโลกอีกวันหนึ่ง โดยเป็นการเสนอของประเทศศรีลังกา เนื่องจากเห็นว่า วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญ ทางพุทธศาสนาของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน ทั้งนี้เพราะ “สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนมวลมนุษย์ ให้มีเมตตาธรรม และขันติธรรม ต่อมวลมนุษย์ด้วยกันเพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม” ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับสหประชาชาติ*International Buddhist Conference

ที่มาของการเสนอให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของสหประชาชาติ ครั้งแรกเริ่มต้นจากการประชุม International Buddhist Conference ณ กรุงโคลัมโบ ระหว่างวันที่ ๙ -๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศที่นับถือศาสนาพุทธจำนวนมากเข้าร่วม อาทิ บังคลาเทศ จีน ลาว เกาหลีใต้ เวียดนาม ภูฐาน อินโดนีเซีย เนปาล กัมพูชา อินเดีย ปากีสถาน และ ไทย ได้ตกลงกัน ที่จะเสนอ ให้สมัชชา สหประชาชาติรับรองข้อมติประกาศวันวิสาขบูชาให้เป็นวันหยุดของสหประชาชาติ

ในปีพ.ศ.๒๕๔๒ ในการเยือนของประเทศต่างๆ ในอินโดจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ศรีลังกาก็ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือ และได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ ได้ด้วยดีจากนั้นคณะทูตถาวรศรีลังกาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้จัดเตรียมร่างข้อมติ และได้ขอเสียงสนับสนุนจากประเทศต่างๆ เพื่อให้มีการรับรองข้อมติเรื่องการประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดของสหประชาชาติ ในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๕๔

โดยที่สหประชาชาติประกาศวันหยุดเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว และจะเป็นปัญหาในเรื่องงบประมาณและการบริหาร แก่สหประชาชาติ หากประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดศรีลังกา จึงได้ตัดสินใจที่จะเสนอร่างข้อมติขอให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลที่สหประชาชาติ ทั้งที่สำนักงานใหญ่และสำนักงานต่าง ๆ แทนการเสนอให้เป็นวันหยุดซึ่งผู้แทนถาวรประเทศต่าง ๆ รวม ๑๖ ประเทศ ได้แก่ ศรีลังกา บังคลาเทศ ภูฐาน กัมพูชา ลาว มัลดีฟส์ มองโกเลีย พม่า เนปาล ปากีสถานฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ สเปน อินเดีย ไทย และ ยูเครน ได้ร่วมลงนามในหนังสือถึงประธานสมัชชาฯ เพื่อให้นำ เรื่องวันวิสาขบูชา เข้าเป็นระเบียบวาระการประชุมของสมัชชาฯ

ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ General Committee ของสมัชชาฯได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดย ออท.ผู้แทน ถาวรศรีลังกาได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนหนังสือร้องขอให้ที่ประชุม บรรจุระเบียบวาระดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสมัชชาเต็มคณะผู้แทนถาวรไทยอินเดีย สเปน บังคลาเทศ ปากีสถาน ไซปรัสลาว และภูฐาน ได้กล่าว
ถ้อยแถลงสนับสนุน ซึ่งที่ประชุม General Committee ได้มีมติให้บรรจุเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสมัชชาเต็มคณะ

 

International recognition of the Day of Visak

วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๕ ได้พิจารณาระเบียบ วาระที่ ๑๗๔ International recognition of the Day of Visak โดยการเสนอของ ศรีลังกา ในการ พิจารณา ประธานสมัชชาฯ ได้เชิญผู้แทนศรีลังกาขึ้นกล่าวนำเสนอร่างข้อมติ และเชิญผู้แทนไทย สิงคโปร์บังคลาเทศ ภูฐาน สเปน พม่า เนปาล ปากีสถาน อินเดียขึ้นกล่าว ถ้อยแถลง สรุปความว่าวันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ เสด็จดับขันธปรินิพพาน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอน ให้มวลมนุษย์มีเมตตาธรรมและขันติธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม อันเป็นแนวทางของสหประชาชาติ จึงขอให้ที่ประชุมรับรองข้อมตินี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการรับรอง ความสำคัญของพุทธศาสนาในองค์การสหประชาชาติ โดยถือว่า วันดังกล่าวเป็นวันที่ สำนักงานใหญ่ องค์การสหประชาชาติและที่ทำการสมัชชาจะจัดให้มีการระลึกถึง (observance) ตามความ เหมาะสม

ที่ประชุมฯ ได้รับรองร่างข้อมติโดยฉันทามติ ถ้อยแถลงของเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรฯ ศรีลังกา ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ถ้อยแถลงของนายวรวีร์ วีรสัมพันธ์ อุปทูตคณะผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชา ชาติ ณ นครนิวยอร์ก

เหตุผลที่ UN ให้เป็นวันสำคัญของโลก

เนื่องจากคณะกรรมมาธิการองค์การสหประชาชาติ (United Nation:UN) ได้ร่วมพิจารณาและมีมติเห็นพ้องต้องกัน ประกาศให้วันวิสาขบูชาถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของโลก ทั้งนี้ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า

“ทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายในโลกจะเห็นได้จากการยกเลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ ซึ่งเท่ากับเป็นการเลิกทาสโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่าอีกด้วยกล่าวคือทรงสอนให้ ไม่ฆ่าสัตว์ ให้รู้จักช่วยเหลือสัตว์ เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งคือ พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้ทุกศาสนา สามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนา เพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อชาวโลก”

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0018343170483907 Mins